บทที่ 20
http://ppantip.com/topic/32269801
บทที่ 21
แสงไฟที่ส่องทะลุมู่ลี่เข้ามาในร้านทำให้แจนผงกหัวขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นรีไวเขาก็รีบลุกไปเปิดประตูพร้อมกับดูนาฬิกาไปด้วย
“ทำไมมาซะดึกป่านนี้”
เขาพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนักพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบให้เพื่อนมองเข้าไปในร้าน แม้จะค่อนข้างมืดแต่แสงจากโคมไฟตรงเคาท์เตอร์สว่างพอที่จะเห็นร่างผอมบางของใครบางคนนอนฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ
“เอเลนรอนายจนหลับไป” แจนอธิบายขณะกดล็อคประตู ส่วนรีไวเดินไปยืนข้างเด็กหนุ่ม พอเห็นจานสเต๊กที่วางไว้ข้างๆ คำพูดของเอลวินก็สะท้อนก้องอยู่ในหัว
เอเลนต้องนั่งรอจนกว่านายจะไป
“เจ้าเด็กบ้า” เขาพึมพำพลางแตะผมสีน้ำตาลอย่างแผ่วเบา แจนรีบเสนอหน้าอธิบาย
“เอเลนทำไว้ให้นายน่ะ รีบกินซะสิ หรือถ้ากลัวมันชืด จะให้ฉันไปอุ่นก่อนก็ได้”
มือยื่นไปหมายจะหยิบไปทำอย่างที่พูดแต่รีไวกลับปัดออก
“อย่ายุ่ง”
“แค่นี้ก็ต้องดุกันด้วย” แจนแกล้งทำท่าจ๋อยพูดเสียงเครือ รีไวชำเลืองมองด้วยหางตา
“นายไปนอนเถอะ”
ท่าทางที่แสร้งทำเป็นเศร้าหายไปราวกับปลิดทิ้ง ดวงตาเจ้าเล่ห์หรี่ลงและยิ้มอย่างรู้ทัน
“แหม รีบไล่เชียวนะ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่อยู่เป็นก้างขวางคอนายหรอกน่า”
“อยากตายใช่ไหม” น้ำเสียงห้วนอย่างมีโมโห แจนรีบถอยออกห่างแต่ยังไม่วายกระเซ้า
“จะกินอะไรก็ให้เงียบๆหน่อยแล้วกัน”
รีไวหันไปจ้องตาขวาง อีกฝ่ายจึงเผ่นแน่บกลับไปที่นอนของตัวเอง พอตัวป่วนไปแล้วชายหนุ่มจึงลากเก้าอี้มานั่ง เขามองจานอาหารบนโต๊ะแวบหนึ่งก่อนเลื่อนไปที่เอเลน ใจนึกอยากจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มสักฟอดให้สมกับความคิดถึง แต่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น เขาจึงนั่งมองอย่างเงียบๆ กระทั่งเด็กหนุ่มขยับตัวเงยหน้าขึ้น พอเห็นคนข้างๆเขาก็ยิ้มด้วยความดีใจ
“คุณรีไว” ทักพร้อมกับขยี้ตาอย่างงัวเงีย รีไวจึงพูดเหมือนดุ
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องรอ”
“ได้ยังไงกันครับ ขืนทำตามสั่ง คุณรีไวก็หิวแย่เลยสิครับ” เอเลนเถียงอ้อมแอ้มไม่เต็มปาก ตาเลื่อนไปที่จานสเต๊ก “ป่านนี้มันคงเย็นหมดแล้ว ผมเอาไปอุ่นให้ก่อน...”
รีไวไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาคว้ามือที่กำลังยื่นออกไปแล้วดึงร่างเล็กๆเข้ามากอด ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมา
“จ...จะทำอะไรครับ”
“จัดการมื้อค่ำไง” ไม่พูดเปล่ายังก้มหน้าลงหอมแก้มทั้งซ้ายขวาและทำท่าจะจูบ เอเลนรีบเอามือดันอกเขาไว้พร้อมกับร้องห้าม
“เดี๋ยวสิครับ”
“อย่าเสียงดังสิ!” รีไวดุเบาๆพลางชำเลืองตาไปทางแจน “อยากให้คนอื่นมาเห็นหรือไง”
เอเลนมองตามและยอมเงียบตามสั่ง แต่ยังไม่วายพูด
“ผมกลัวมิคาสะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง” ชายหนุ่มบอกเสียงนุ่มและค่อยๆโน้มใบหน้าลง “ฉันจะจูบนายเงียบๆ”
รีไวทำตามที่พูด เขากดริมฝีปากจุมพิตเอเลนอย่างนุ่มนวล มันไม่ร้อนแรงเหมือนเช่นครั้งก่อน แต่กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ชายหนุ่มละเลียดความหวานของคนในอ้อมกอดอยู่นาน จนท้องเริ่มส่งเสียงอุทธรณ์ เขาจึงจำต้องละกลีบปากนุ่มอย่างเสียดาย
“เป็นอะไรหรือครับ” เอเลนถามเสียงแผ่วเมื่ออีกฝ่ายคลายอ้อมแขน รีไวส่งยิ้มน้อยๆ
“ฉันหิว” เขานิ่งไปเล็กน้อยและเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นดวงหน้าสวยฉายความตระหนกออกมาจางๆเหมือนกลัวว่าจะโดนล่วงเกินมากไปกว่านั้น ความที่ไม่อยากให้เด็กหนุ่มเข้าใจผิด เขาจึงรีบอธิบาย “หมายถึงหิวจริงๆ”
“งั้นหรือครับ” น้ำเสียงเจือความโล่งใจขณะที่เจ้าตัวขยับลงจากตักและเอื้อมมือไปหยิบจานบนโต๊ะ “ผมขอไปอุ่นเจ้านี่ก่อนนะครับ จะได้ชงกาแฟให้คุณด้วย”
ใช้เวลาไม่นานสเต๊กที่มีควันกรุ่นก็วางตรงหน้ารีไว พอจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเอเลนก็นั่งมองรีไวรับประทานอาหารที่ตัวเองทำอย่างมีความสุข พอหมดจานเด็กหนุ่มก็ถาม
“รับของหวานไหมครับ”
“แค่กาแฟก็พอ” รีไวตอบเสียงเรียบ หลังจากดื่มกาแฟไปสองแก้วและรอจนเอเลนล้างถ้วยจานแล้วเขาจัดการเก็บเก้าอี้โดยยกขึ้นคว่ำไว้บนโต๊ะอย่างที่เด็กหนุ่มทำ จากนั้นก็หันมาสั่ง
“ขึ้นนอนได้แล้ว”
“แต่ผมยังไม่ง่วงนี่ครับ” เอเลนแย้งพร้อมกับเปิดปากหาว รีไวจึงโยกศีรษะเขาเบาๆอย่างเอ็นดู
“ยังจะมาทำเป็นปากแข็ง ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วนะ” มือเลื่อนลงไปเชยคาง “หรือต้องให้ฉันขึ้นไปส่งที่ห้องนอน”
“ได้หรือครับ” ถามด้วยความดีใจ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“จะได้ยังไงกันล่ะ ถ้าขึ้นไปส่งนายแล้วใครจะเป็นคนปิดประตู” เขาหยุดและเหลือบไปทางแจน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเอเลนก็แทรกขึ้นมาก่อน
“งั้นคุณก็ค้างที่นี่เลยสิครับ”
“อะไรนะ” รีไวหันมาถามและส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก”
“ทำไมละครับ” เด็กหนุ่มถามด้วยใบหน้าที่สลดลง “หรือว่าคุณรังเกียจผม”
ชายหนุ่มโคลงศีรษะน้อยๆอย่างอ่อนใจ
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น แต่ที่ไม่อยากค้างเพราะมันไม่เหมาะ”
“ไม่เหมาะยังไงหรือครับ” เอเลนถามพร้อมกับมองด้วยดวงตาทำให้หัวใจที่แข็งแกร่งของรีไวถึงกับอ่อนยวบ เขาถอนใจเบาๆ
“อย่าซักได้ไหม”
“ก็ผมไม่เข้าใจนี่ครับ ถ้าจะบอกว่าเป็นการรบกวน มันน่าจะเป็นทางเรามากกว่าเพราะคุณต้องมาคอยวุ่นวายดูแลผมกับมิคาสะ แต่ถ้าบอกว่าเพราะเป็นผู้ชาย” เด็กหนุ่มหันไปทางคนที่นอนหลับอุตุอยู่กลางร้าน “ทำไมคุณแจนถึงนอนค้างได้ละครับ”
“มันไม่เหมือนกัน” รีไวพูดไม่เต็มเสียง เอเลนขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับเอียงหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ
“มันจะไปเหมือนกันได้ยังไงละครับ ก็คนที่ผมรักคือคุณ” เขาพูดด้วยใบหน้าสีชมพู มือวางบนอกของชายหนุ่ม “เพราะฉะนั้น ค้างที่นี่เถอะนะครับ”
เป็นข้ออ้างที่ไร้เดียงสาแต่เข้าข้างตัวเองชะมัด รีไวคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา ที่น่าโมโหก็คือทั้งที่ตั้งใจจะปฏิเสธแต่เอาเข้าจริงกลับพยักหน้ารับและเดินตามเอเลนไปชั้นบนอย่างไม่รู้ตัว พอเข้าไปในห้อง เด็กหนุ่มก็ลากเขาไปที่เก้าอี้และชวนคุยโน่นพูดนี่อย่างตื่นเต้น
“ห้องรกไปหน่อยนะครับ” พูดพลางหยิบตุ๊กตาออกจากเตียงไปวางไว้บนหลังตู้จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูยื่นส่งให้ “คุณรีไวจะนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนหรืออาบน้ำเลยครับ”
ชายหนุ่มมองผ้าในมือของเอเลนแล้วส่ายหน้า
“ฉันกลับดีกว่า”
พูดพร้อมกับทำท่าจะลุกแต่เด็กหนุ่มฉุดเขาไว้
“ทำไมละครับ”
“ฉันไม่ได้เตรียมชุดนอนมาด้วย”
เอเลนยิ้มกว้าง เขาวางผ้าเช็ดตัวไว้บนโต๊ะและเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อชุดหนึ่งออกมา
“ใช้ของผมก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มมองรูปร่างของคนตรงหน้าและพูดต่อด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม “คุณ
รีไวตัวพอๆกับผม น่าจะใส่ด้วยกันได้”
พอเห็นแววตาวาววับเหมือนไม่พอใจของอีกฝ่าย เอเลนก็รีบโบกมือพร้อมกับกล่าวแก้จนลิ้นแทบจะพันกัน
“ผมไม่ได้หมายความว่าตัวคุณเตี้ยนะครับ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” รีไวพูดเสียงเย็นพลางฉวยผ้าเช็ดตัวและลุกขึ้น “ห้องน้ำอยู่ไหน”
คำถามนั้นทำให้เอเลนคลี่ยิ้มอย่างดีใจ เขารีบชี้ไปที่ด้านข้าง
“ทางนั้นครับ”
ถึงจะบอกว่ามีรูปร่างพอๆกันแต่พอเอาเข้าจริงขนาดลำตัวของรีไวหนากว่าเอเลนมาก แม้จะสวมเสื้อได้แต่ความกว้างของไหล่กับความหนาแผ่นอกทำให้ไม่สามารถติดกระดุมได้สักเม็ด หลังจากพยายามอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้
“ไม่มีตัวอื่นแล้วหรือ”
“มีแต่เสื้อยืดครับ แต่ผมคิดว่าคุณคงใส่ไม่ได้” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับกางเสื้อให้ดู ขนาดของมันทำให้รีไวถอนใจ
“คงต้องนอนทั้งแบบนี้” พูดพลางก้มลงมองแผ่นอกที่โผล่พ้นเสื้อก่อนเหลือบตามองไปที่เอเลนและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “นายคงไม่ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งฉันใช่ไหม”
“ค...ใครจะทำแบบนั้นกันครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยใบหน้าที่แดงจัด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมองเหมือนกำลังส่อความนัยบางอย่างด้วยแล้ว ก็ยิ่งเขินจนต้องหาเรื่องพูดเพื่อลดความอาย “ด...ดึกแล้ว รีบนอนกันดีกว่านะครับ”
“ก็ดี” รีไวพูดพร้อมกับหย่อนตัวนั่งบนเตียง พอเห็นเอเลนยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขาก็ถาม “แล้วนายล่ะ”
“ผมขอเก็บเสื้อนี่ก่อนครับ” พูดพลางพับเสื้อไปพลาง แต่ความประหม่าทำให้มือสั่นพับยังไงก็ไม่เรียบ พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เด็กหนุ่มจึงเผลอตัวร้องออกมาอย่างหงุดหงิด “โธ่เอ๊ย!”
มือแข็งแกร่งสอดมาจากทางด้านหลัง ดึงเสื้อตัวนั้นไปพับและใส่ไว้ในตู้
“ใจเย็นๆสิ” เสียงทุ้มน่าฟังกระซิบริมหู แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างผอมบางเอาไว้ขณะที่เจ้าตัวก้มหน้าลงจูบต้นคอ “เอาล่ะ ไปนอนกันได้แล้ว”
พูดจบก็ช้อนร่างคนตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน เอเลนใจหายวาบ ถามเสียงสั่น
“จ...จะทำอะไรครับ”
“พาเด็กไปนอน” รีไวตอบเสียงเรียบและหลุบตาลงมองคนที่เขากำลังอุ้ม “หรือจะให้เป็นพาเจ้าสาวขึ้นเตียงก็ได้นะ”
หน้าของเอเลนแดงจัดกว่าทุกครั้ง
“ม...ไม่ได้นะครับ”
“ทำไมล่ะ นายเองก็รักฉันไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่หรอกครับ แต่ว่า...” เด็กหนุ่มตอบอย่างเอียงอาย “ผมยังไม่ได้เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้”
รีไววางเอเลนลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวลและโน้มตัวตามลงไป
“นายควรเตรียมใจเอาไว้ได้แล้ว เอเลน เสร็จคดีนี้เมื่อไหร่” เขาก้มลงจุมพิตแก้มเด็กหนุ่มเบาๆก่อนจะกระซิบ “นายต้องเป็นของฉัน ตลอดไป”
*/*/*/*/*
My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ บทที่ 21
http://ppantip.com/topic/32269801
บทที่ 21
แสงไฟที่ส่องทะลุมู่ลี่เข้ามาในร้านทำให้แจนผงกหัวขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นรีไวเขาก็รีบลุกไปเปิดประตูพร้อมกับดูนาฬิกาไปด้วย
“ทำไมมาซะดึกป่านนี้”
เขาพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนักพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบให้เพื่อนมองเข้าไปในร้าน แม้จะค่อนข้างมืดแต่แสงจากโคมไฟตรงเคาท์เตอร์สว่างพอที่จะเห็นร่างผอมบางของใครบางคนนอนฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ
“เอเลนรอนายจนหลับไป” แจนอธิบายขณะกดล็อคประตู ส่วนรีไวเดินไปยืนข้างเด็กหนุ่ม พอเห็นจานสเต๊กที่วางไว้ข้างๆ คำพูดของเอลวินก็สะท้อนก้องอยู่ในหัว
เอเลนต้องนั่งรอจนกว่านายจะไป
“เจ้าเด็กบ้า” เขาพึมพำพลางแตะผมสีน้ำตาลอย่างแผ่วเบา แจนรีบเสนอหน้าอธิบาย
“เอเลนทำไว้ให้นายน่ะ รีบกินซะสิ หรือถ้ากลัวมันชืด จะให้ฉันไปอุ่นก่อนก็ได้”
มือยื่นไปหมายจะหยิบไปทำอย่างที่พูดแต่รีไวกลับปัดออก
“อย่ายุ่ง”
“แค่นี้ก็ต้องดุกันด้วย” แจนแกล้งทำท่าจ๋อยพูดเสียงเครือ รีไวชำเลืองมองด้วยหางตา
“นายไปนอนเถอะ”
ท่าทางที่แสร้งทำเป็นเศร้าหายไปราวกับปลิดทิ้ง ดวงตาเจ้าเล่ห์หรี่ลงและยิ้มอย่างรู้ทัน
“แหม รีบไล่เชียวนะ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่อยู่เป็นก้างขวางคอนายหรอกน่า”
“อยากตายใช่ไหม” น้ำเสียงห้วนอย่างมีโมโห แจนรีบถอยออกห่างแต่ยังไม่วายกระเซ้า
“จะกินอะไรก็ให้เงียบๆหน่อยแล้วกัน”
รีไวหันไปจ้องตาขวาง อีกฝ่ายจึงเผ่นแน่บกลับไปที่นอนของตัวเอง พอตัวป่วนไปแล้วชายหนุ่มจึงลากเก้าอี้มานั่ง เขามองจานอาหารบนโต๊ะแวบหนึ่งก่อนเลื่อนไปที่เอเลน ใจนึกอยากจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มสักฟอดให้สมกับความคิดถึง แต่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น เขาจึงนั่งมองอย่างเงียบๆ กระทั่งเด็กหนุ่มขยับตัวเงยหน้าขึ้น พอเห็นคนข้างๆเขาก็ยิ้มด้วยความดีใจ
“คุณรีไว” ทักพร้อมกับขยี้ตาอย่างงัวเงีย รีไวจึงพูดเหมือนดุ
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องรอ”
“ได้ยังไงกันครับ ขืนทำตามสั่ง คุณรีไวก็หิวแย่เลยสิครับ” เอเลนเถียงอ้อมแอ้มไม่เต็มปาก ตาเลื่อนไปที่จานสเต๊ก “ป่านนี้มันคงเย็นหมดแล้ว ผมเอาไปอุ่นให้ก่อน...”
รีไวไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาคว้ามือที่กำลังยื่นออกไปแล้วดึงร่างเล็กๆเข้ามากอด ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมา
“จ...จะทำอะไรครับ”
“จัดการมื้อค่ำไง” ไม่พูดเปล่ายังก้มหน้าลงหอมแก้มทั้งซ้ายขวาและทำท่าจะจูบ เอเลนรีบเอามือดันอกเขาไว้พร้อมกับร้องห้าม
“เดี๋ยวสิครับ”
“อย่าเสียงดังสิ!” รีไวดุเบาๆพลางชำเลืองตาไปทางแจน “อยากให้คนอื่นมาเห็นหรือไง”
เอเลนมองตามและยอมเงียบตามสั่ง แต่ยังไม่วายพูด
“ผมกลัวมิคาสะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง” ชายหนุ่มบอกเสียงนุ่มและค่อยๆโน้มใบหน้าลง “ฉันจะจูบนายเงียบๆ”
รีไวทำตามที่พูด เขากดริมฝีปากจุมพิตเอเลนอย่างนุ่มนวล มันไม่ร้อนแรงเหมือนเช่นครั้งก่อน แต่กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ชายหนุ่มละเลียดความหวานของคนในอ้อมกอดอยู่นาน จนท้องเริ่มส่งเสียงอุทธรณ์ เขาจึงจำต้องละกลีบปากนุ่มอย่างเสียดาย
“เป็นอะไรหรือครับ” เอเลนถามเสียงแผ่วเมื่ออีกฝ่ายคลายอ้อมแขน รีไวส่งยิ้มน้อยๆ
“ฉันหิว” เขานิ่งไปเล็กน้อยและเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นดวงหน้าสวยฉายความตระหนกออกมาจางๆเหมือนกลัวว่าจะโดนล่วงเกินมากไปกว่านั้น ความที่ไม่อยากให้เด็กหนุ่มเข้าใจผิด เขาจึงรีบอธิบาย “หมายถึงหิวจริงๆ”
“งั้นหรือครับ” น้ำเสียงเจือความโล่งใจขณะที่เจ้าตัวขยับลงจากตักและเอื้อมมือไปหยิบจานบนโต๊ะ “ผมขอไปอุ่นเจ้านี่ก่อนนะครับ จะได้ชงกาแฟให้คุณด้วย”
ใช้เวลาไม่นานสเต๊กที่มีควันกรุ่นก็วางตรงหน้ารีไว พอจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเอเลนก็นั่งมองรีไวรับประทานอาหารที่ตัวเองทำอย่างมีความสุข พอหมดจานเด็กหนุ่มก็ถาม
“รับของหวานไหมครับ”
“แค่กาแฟก็พอ” รีไวตอบเสียงเรียบ หลังจากดื่มกาแฟไปสองแก้วและรอจนเอเลนล้างถ้วยจานแล้วเขาจัดการเก็บเก้าอี้โดยยกขึ้นคว่ำไว้บนโต๊ะอย่างที่เด็กหนุ่มทำ จากนั้นก็หันมาสั่ง
“ขึ้นนอนได้แล้ว”
“แต่ผมยังไม่ง่วงนี่ครับ” เอเลนแย้งพร้อมกับเปิดปากหาว รีไวจึงโยกศีรษะเขาเบาๆอย่างเอ็นดู
“ยังจะมาทำเป็นปากแข็ง ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วนะ” มือเลื่อนลงไปเชยคาง “หรือต้องให้ฉันขึ้นไปส่งที่ห้องนอน”
“ได้หรือครับ” ถามด้วยความดีใจ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“จะได้ยังไงกันล่ะ ถ้าขึ้นไปส่งนายแล้วใครจะเป็นคนปิดประตู” เขาหยุดและเหลือบไปทางแจน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเอเลนก็แทรกขึ้นมาก่อน
“งั้นคุณก็ค้างที่นี่เลยสิครับ”
“อะไรนะ” รีไวหันมาถามและส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก”
“ทำไมละครับ” เด็กหนุ่มถามด้วยใบหน้าที่สลดลง “หรือว่าคุณรังเกียจผม”
ชายหนุ่มโคลงศีรษะน้อยๆอย่างอ่อนใจ
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น แต่ที่ไม่อยากค้างเพราะมันไม่เหมาะ”
“ไม่เหมาะยังไงหรือครับ” เอเลนถามพร้อมกับมองด้วยดวงตาทำให้หัวใจที่แข็งแกร่งของรีไวถึงกับอ่อนยวบ เขาถอนใจเบาๆ
“อย่าซักได้ไหม”
“ก็ผมไม่เข้าใจนี่ครับ ถ้าจะบอกว่าเป็นการรบกวน มันน่าจะเป็นทางเรามากกว่าเพราะคุณต้องมาคอยวุ่นวายดูแลผมกับมิคาสะ แต่ถ้าบอกว่าเพราะเป็นผู้ชาย” เด็กหนุ่มหันไปทางคนที่นอนหลับอุตุอยู่กลางร้าน “ทำไมคุณแจนถึงนอนค้างได้ละครับ”
“มันไม่เหมือนกัน” รีไวพูดไม่เต็มเสียง เอเลนขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับเอียงหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ
“มันจะไปเหมือนกันได้ยังไงละครับ ก็คนที่ผมรักคือคุณ” เขาพูดด้วยใบหน้าสีชมพู มือวางบนอกของชายหนุ่ม “เพราะฉะนั้น ค้างที่นี่เถอะนะครับ”
เป็นข้ออ้างที่ไร้เดียงสาแต่เข้าข้างตัวเองชะมัด รีไวคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา ที่น่าโมโหก็คือทั้งที่ตั้งใจจะปฏิเสธแต่เอาเข้าจริงกลับพยักหน้ารับและเดินตามเอเลนไปชั้นบนอย่างไม่รู้ตัว พอเข้าไปในห้อง เด็กหนุ่มก็ลากเขาไปที่เก้าอี้และชวนคุยโน่นพูดนี่อย่างตื่นเต้น
“ห้องรกไปหน่อยนะครับ” พูดพลางหยิบตุ๊กตาออกจากเตียงไปวางไว้บนหลังตู้จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูยื่นส่งให้ “คุณรีไวจะนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนหรืออาบน้ำเลยครับ”
ชายหนุ่มมองผ้าในมือของเอเลนแล้วส่ายหน้า
“ฉันกลับดีกว่า”
พูดพร้อมกับทำท่าจะลุกแต่เด็กหนุ่มฉุดเขาไว้
“ทำไมละครับ”
“ฉันไม่ได้เตรียมชุดนอนมาด้วย”
เอเลนยิ้มกว้าง เขาวางผ้าเช็ดตัวไว้บนโต๊ะและเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อชุดหนึ่งออกมา
“ใช้ของผมก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มมองรูปร่างของคนตรงหน้าและพูดต่อด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม “คุณ
รีไวตัวพอๆกับผม น่าจะใส่ด้วยกันได้”
พอเห็นแววตาวาววับเหมือนไม่พอใจของอีกฝ่าย เอเลนก็รีบโบกมือพร้อมกับกล่าวแก้จนลิ้นแทบจะพันกัน
“ผมไม่ได้หมายความว่าตัวคุณเตี้ยนะครับ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” รีไวพูดเสียงเย็นพลางฉวยผ้าเช็ดตัวและลุกขึ้น “ห้องน้ำอยู่ไหน”
คำถามนั้นทำให้เอเลนคลี่ยิ้มอย่างดีใจ เขารีบชี้ไปที่ด้านข้าง
“ทางนั้นครับ”
ถึงจะบอกว่ามีรูปร่างพอๆกันแต่พอเอาเข้าจริงขนาดลำตัวของรีไวหนากว่าเอเลนมาก แม้จะสวมเสื้อได้แต่ความกว้างของไหล่กับความหนาแผ่นอกทำให้ไม่สามารถติดกระดุมได้สักเม็ด หลังจากพยายามอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้
“ไม่มีตัวอื่นแล้วหรือ”
“มีแต่เสื้อยืดครับ แต่ผมคิดว่าคุณคงใส่ไม่ได้” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับกางเสื้อให้ดู ขนาดของมันทำให้รีไวถอนใจ
“คงต้องนอนทั้งแบบนี้” พูดพลางก้มลงมองแผ่นอกที่โผล่พ้นเสื้อก่อนเหลือบตามองไปที่เอเลนและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “นายคงไม่ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งฉันใช่ไหม”
“ค...ใครจะทำแบบนั้นกันครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยใบหน้าที่แดงจัด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมองเหมือนกำลังส่อความนัยบางอย่างด้วยแล้ว ก็ยิ่งเขินจนต้องหาเรื่องพูดเพื่อลดความอาย “ด...ดึกแล้ว รีบนอนกันดีกว่านะครับ”
“ก็ดี” รีไวพูดพร้อมกับหย่อนตัวนั่งบนเตียง พอเห็นเอเลนยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขาก็ถาม “แล้วนายล่ะ”
“ผมขอเก็บเสื้อนี่ก่อนครับ” พูดพลางพับเสื้อไปพลาง แต่ความประหม่าทำให้มือสั่นพับยังไงก็ไม่เรียบ พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เด็กหนุ่มจึงเผลอตัวร้องออกมาอย่างหงุดหงิด “โธ่เอ๊ย!”
มือแข็งแกร่งสอดมาจากทางด้านหลัง ดึงเสื้อตัวนั้นไปพับและใส่ไว้ในตู้
“ใจเย็นๆสิ” เสียงทุ้มน่าฟังกระซิบริมหู แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างผอมบางเอาไว้ขณะที่เจ้าตัวก้มหน้าลงจูบต้นคอ “เอาล่ะ ไปนอนกันได้แล้ว”
พูดจบก็ช้อนร่างคนตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน เอเลนใจหายวาบ ถามเสียงสั่น
“จ...จะทำอะไรครับ”
“พาเด็กไปนอน” รีไวตอบเสียงเรียบและหลุบตาลงมองคนที่เขากำลังอุ้ม “หรือจะให้เป็นพาเจ้าสาวขึ้นเตียงก็ได้นะ”
หน้าของเอเลนแดงจัดกว่าทุกครั้ง
“ม...ไม่ได้นะครับ”
“ทำไมล่ะ นายเองก็รักฉันไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่หรอกครับ แต่ว่า...” เด็กหนุ่มตอบอย่างเอียงอาย “ผมยังไม่ได้เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้”
รีไววางเอเลนลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวลและโน้มตัวตามลงไป
“นายควรเตรียมใจเอาไว้ได้แล้ว เอเลน เสร็จคดีนี้เมื่อไหร่” เขาก้มลงจุมพิตแก้มเด็กหนุ่มเบาๆก่อนจะกระซิบ “นายต้องเป็นของฉัน ตลอดไป”
*/*/*/*/*