เนื่องจากช่วงนี้มูนนี่กำลังคลั่งไททันอย่างมากมาย(มหาศาล) สมองมีแต่เรื่องนี้วิ่งพล่านไปหมด เลยต้องกลับมาเขียนแฟนฟิคอีกครั้ง (ตามคำขอของน้องหลายคน) แต่เรื่องนี้จะต่างจาก My Spy คือจะอิงจากไททันหลังตอนที่ 14 (ในอนิเมะ) เป็นต้นไป เป็นช่วงที่เอเลนเข้าไปอยู่ในหน่วยพิเศษของรีไว
แน่นอนว่าเป็น Yaoi นะครับ ผู้อ่านท่านใดไม่โปรด กรุณาปิดไปเลย อย่าอ่านไม่งั้นอาจติดใจ ^ ^
ไม่มีฉากเรทค่ะ เอ๊ะ หรือว่ามี ?
ทำไมถึงตั้งชื่อเรื่องแบบนี้...?
- เพราะชอบเพลงประกอบอันนี้มากๆค่ะ (จากตอนแรก ฉากเปิดตัวทีมสำรวจ) ลองกดฟังได้เลย
https://www.youtube.com/watch?v=4PuP7IkpRLU
************************
เมื่อได้รับการตอบรับเข้าสู่หน่วยสำรวจ สิ่งที่เอเลนต้องทำก็คือ
ฝึกความพร้อมกับหน่วยพิเศษของรีไว
ด้วยหัวใจของความมุ่งมั่น และความตั้งใจอย่างแรงกล้า
ที่จะกวาดล้างไททันให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้
ทำให้รีไวต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเอเลนเสียใหม่
จากเด็กเหลือขอ เจ้าปัญหา เป็นหนุ่มน้อยที่เขาจะต้องคอยปกป้อง คุ้มครองและดูแล
เพื่อจะได้อยู่นอกกำแพงอย่างมีความสุข เคียงคู่กันตลอดไป
Counter Attack Mankind
1
ดวงตาที่มุ่งมั่น
จากการที่กำแพงในเขตทรอสต์ ถูกไททันมหึมาพังจนทะลุเป็นช่องโหว่ปล่อยให้ไททันจำนวนมากบุกเข้ามาสังหารมนุษย์ อาร์มินจึงเสนอแผนการให้เอเลนแปลงร่างเป็นไททันแบกก้อนหินขนาดใหญ่ไปอุดช่องดังกล่าวเพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ยักษ์ร้ายหลั่งไหลเข้ามาในดินแดนมนุษย์มากไปกว่านี้ แม้จะมีหลายคนคัดค้าน แต่ดอท พิกซิส ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังรักษาการณ์กลับเห็นด้วยกับความคิดนี้ จึงสั่งให้ทหารทุกคนคอยให้การคุ้มกันเอเลน ที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองระหว่างแบกก้อนหินได้ ดำเนินการปิดช่องกำแพงจนเป็นผลสำเร็จ แต่หลังจากภารกิจดังกล่าวลุล่วง เอเลนกลับถูกกองสารวัตรทหารนำตัวไปจองจำไว้ในคุกใต้ดิน เพื่อรอการพิจารณาโทษข้อหาเป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
แน่นอนว่าพิกซิสไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว เพราะเขามองว่าด้วยพลังของเอเลน ทำให้มีโอกาสชนะศัตรู แต่ความหวาดกลัวของคนกลุ่มใหญ่มีอำนาจเหนือกว่า เขาจึงจำต้องยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มถูกกักขัง โชคดีที่เอลวิน สมิธ ผู้บัญชาการหน่วยสำรวจได้เดินทางกลับเข้ามาในเมือง หลังจากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว เขาก็มีแผนการดึงตัวเอเลนเข้ามาในหน่วยเพื่อจะได้ศึกษาและใช้ประโยชน์จากพลังของไททัน
การสอบสวนดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด และเกือบจะเกิดเหตุการณ์วิกฤตเมื่อเอเลนโกรธในพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นบุคคลผู้สูงส่ง อาการเกรี้ยวกราดของเขาทำให้ ไนล์ ดอร์ค ผบ.กองสารวัตรทหารบังเกิดความกลัวจนถึงกับออกคำสั่งให้ลูกน้องเล็งปืนไปยังเด็กหนุ่ม แต่รีไวเข้ามาแก้สถานการณ์ไว้ได้ทัน จากนั้นเอลวินจึงเสนอความคิดเรื่องการเดินทางไปยังเขตชิกันชิน่าร์ เพื่อค้นหาความลับของไททันที่ถูกฝังอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านเยเกอร์
ด้วยความคิดนี่เองทำให้ ดาริอุส แซคเคลย์ ผู้บัญชาการสูงสุดเห็นด้วย เมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวนเอเลนจึงได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมกับหน่วยสำรวจ โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ รีไว
ในตอนแรก เอแลนยังคงถูกกักบริเวณ เพราะแม้จะถูกบรรจุให้เข้าไปอยู่ในหน่วยสำรวจแล้ว แต่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะกองสารวัตรทหาร ยังคงหวาดระแวงในตัวเขา ไนล์ถึงกับออกคำสั่งให้นำตัวเอเลนไปขังไว้ในคุกใต้ดินตามเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ฮันซี่กลับแย้งและออกปากรับประกันด้วยตำแหน่งของตัวเองว่า เอเลนจะไม่มีวันกลายร่างเป็นไททันและไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับใครแน่ๆ
ไม้ดื้อชนิดหัวชนฝาของฮันซี่ ทำให้คนหัวแข็งอย่างไนล์ต้องยอมจำนน เขาจึงปล่อยให้เอเลนนอนพักบนห้องรับรองของหน่วยอย่างไม่เต็มใจนัก และออกคำสั่งห้ามทุกคนเข้าพบเอเลน ยกเว้นเอลวิน ฮันซี่และรีไว
ระหว่างที่อยู่ตามลำพัง เอเลนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดว่าเขาจะกลายร่างเป็นสิ่งที่ตนเองชิงชังรังเกียจอย่างไททันได้ เด็กหนุ่มพยายามคิดแล้วคิดอีกว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่นอกจากภาพพร่ามัวของพ่อ กับคำสัญญาเรื่องห้องใต้ดินแล้ว เขาก็นึกอะไรไม่ออก พอคิดมากๆเข้าก็เริ่มหงุดหงิด เอเลนจึงเอาหัวโขกกำแพงเพื่อระบายความคับแค้นในใจ รีไวซึ่งเข้ามาเห็นพอดีจึงเอ่ยปากถาม
“ทำอะไรของแก”
เอเลนหยุดแต่ยังเอาหัวพิงผนังเอาไว้แบบนั้น ปล่อยให้เลือดสีแดงเข้มไหลผ่านหางตาลงไปยังแก้มจนถึงปลายคาง
“ผมเครียดที่ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลายเป็นไททัน”
รีไวมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาเรียวสีเทาเฉยชายากแก่การอ่าน
“ทำแบบนั้นแล้วจะคิดออกเหรอ”
“ไม่ครับ” เอเลนตอบอย่างปวดร้าว หัวหน้าทหารร่างเล็กจึงยืนกอดอกและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเชิงดูถูก
“รู้ว่าไม่ แต่แกก็ยังอุตส่าห์ทำเรื่องโง่ๆนี่อยู่อีก”
ช่างเป็นคำพูดประชดที่เหมือนกับมีดปักเข้าไปในหัวใจ เอเลนเม้มปากแน่นก่อนหันไปโต้
“แล้วจะให้ผมทำยังไงละครับ”
“เลิกทำตัวไร้สาระและเตรียมตัวออกเดินทาง” รีไวพูด “แกจะต้องไปที่ศูนย์บัญชาการเก่ากับฉันและฝึกเพื่อความพร้อมสำหรับการสำรวจครั้งต่อไป ฉันไม่สนหรอกว่าเด็กเหลือขออย่างแกจะเป็นมนุษย์หรือไททัน ขอแค่อย่าทำตัวเป็นภาระกับคนอื่นเท่านั้นก็พอ”
คำพูดของรีไวทำให้เอเลนต้องขมวดคิ้วด้วยความฉงน
“ออกเดินทาง? ศูนย์บัญชาการของหน่วยสำรวจไม่ได้อยู่ในเมืองหรอกเหรอครับ”
“ถ้าอยู่ในเมืองแล้วจะเรียกว่าหน่วยสำรวจได้ยังไง” รีไวพูดเสียงกระด้างพลางจ้องเด็กหนุ่มเขม็งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้แกหยุดคิดเรื่องโง่ๆพวกนั้นแล้วพักผ่อนให้มากๆก็พอ”
เขาหยุดพูดและมองเลือดที่แห้งเกรอะกรังบนใบหน้าของเอเลนแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก
“สกปรกชะมัด”
เด็กหนุ่มสะดุ้งและยกมือขึ้นแตะใบหน้าของตัวเองโดยอัตโนมัติ
“อ๊ะ ! ขอโทษครับ ผมจะไปล้างเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยว” รีไวร้องห้ามพร้อมกับยื่นห่อผ้าที่ถือมาด้วยไปข้างหน้า “ของแก”
“อะไรเหรอครับ” ปากถามพร้อมกับรับมาถืออย่างงุนงง หัวหน้าทหารร่างเล็กนิ่วหน้าอย่างรำคาญใจ
“ฉันต้องอธิบายให้ฟังทุกเรื่องเลยหรือไง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดจนเอเลนต้องรีบขยับถอยออกห่างเพราะกลัวว่าจะโดนลูกเตะมหากาฬซ้ำอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูเสียเฉยๆ พอมือแตะลูกบิด รีไวก็เอี้ยวคอหันกลับมา
“พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า”
เหมือนเป็นคำสั่งกลายๆว่าให้เด็กหนุ่มรีบเข้านอน เอเลนจึงรีบยกกำปั้นข้างขวาขึ้นจรดบนอกเพื่อแสดงความเคารพก่อนเอ่ยปากขานรับ
“ครับ”
รีไวมองเด็กหนุ่มด้วยหางตาแต่ไม่ได้พูดอะไร พออีกฝ่ายพ้นจากห้องไปแล้ว เอเลนจึงรีบเปิดผ้าห่อนั้นและอ้าปากค้างเมื่อพบว่ามันเป็นเครื่องแบบของหน่วยสำรวจ
“ปีกแห่งเสรี” เด็กหนุ่มพึมพำพลางลูบปีกนกสีน้ำเงินสลับขาวอันเป็นตราสัญลักษณ์ของหน่วยสำรวจ หัวใจบังเกิดความปลื้มปีติขึ้นมาอย่างท่วมท้น ในที่สุดเขาก็ได้เข้าร่วมกับหน่วยที่เคยใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก หน่วยที่ได้ก้าวออกจากกำแพงอันแสนอุดอู้ออกไปสู่โลกภายนอก หน่วยที่ได้ต่อสู้กับไททันเพื่ออิสรภาพของมนุษยชาติอย่างแท้จริง
“เราทำสำเร็จแล้ว” เอเลนพูดกับตัวเองด้วยความดีใจ
Counter Attack Mankind บทที่ 1 ดวงตาที่มุ่งมั่น (แฟนฟิค Attack on Titan)
แน่นอนว่าเป็น Yaoi นะครับ ผู้อ่านท่านใดไม่โปรด กรุณาปิดไปเลย อย่าอ่านไม่งั้นอาจติดใจ ^ ^
ไม่มีฉากเรทค่ะ เอ๊ะ หรือว่ามี ?
ทำไมถึงตั้งชื่อเรื่องแบบนี้...?
- เพราะชอบเพลงประกอบอันนี้มากๆค่ะ (จากตอนแรก ฉากเปิดตัวทีมสำรวจ) ลองกดฟังได้เลย
https://www.youtube.com/watch?v=4PuP7IkpRLU
************************
เมื่อได้รับการตอบรับเข้าสู่หน่วยสำรวจ สิ่งที่เอเลนต้องทำก็คือ
ฝึกความพร้อมกับหน่วยพิเศษของรีไว
ด้วยหัวใจของความมุ่งมั่น และความตั้งใจอย่างแรงกล้า
ที่จะกวาดล้างไททันให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้
ทำให้รีไวต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเอเลนเสียใหม่
จากเด็กเหลือขอ เจ้าปัญหา เป็นหนุ่มน้อยที่เขาจะต้องคอยปกป้อง คุ้มครองและดูแล
เพื่อจะได้อยู่นอกกำแพงอย่างมีความสุข เคียงคู่กันตลอดไป
Counter Attack Mankind
1
ดวงตาที่มุ่งมั่น
จากการที่กำแพงในเขตทรอสต์ ถูกไททันมหึมาพังจนทะลุเป็นช่องโหว่ปล่อยให้ไททันจำนวนมากบุกเข้ามาสังหารมนุษย์ อาร์มินจึงเสนอแผนการให้เอเลนแปลงร่างเป็นไททันแบกก้อนหินขนาดใหญ่ไปอุดช่องดังกล่าวเพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ยักษ์ร้ายหลั่งไหลเข้ามาในดินแดนมนุษย์มากไปกว่านี้ แม้จะมีหลายคนคัดค้าน แต่ดอท พิกซิส ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังรักษาการณ์กลับเห็นด้วยกับความคิดนี้ จึงสั่งให้ทหารทุกคนคอยให้การคุ้มกันเอเลน ที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองระหว่างแบกก้อนหินได้ ดำเนินการปิดช่องกำแพงจนเป็นผลสำเร็จ แต่หลังจากภารกิจดังกล่าวลุล่วง เอเลนกลับถูกกองสารวัตรทหารนำตัวไปจองจำไว้ในคุกใต้ดิน เพื่อรอการพิจารณาโทษข้อหาเป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
แน่นอนว่าพิกซิสไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว เพราะเขามองว่าด้วยพลังของเอเลน ทำให้มีโอกาสชนะศัตรู แต่ความหวาดกลัวของคนกลุ่มใหญ่มีอำนาจเหนือกว่า เขาจึงจำต้องยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มถูกกักขัง โชคดีที่เอลวิน สมิธ ผู้บัญชาการหน่วยสำรวจได้เดินทางกลับเข้ามาในเมือง หลังจากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว เขาก็มีแผนการดึงตัวเอเลนเข้ามาในหน่วยเพื่อจะได้ศึกษาและใช้ประโยชน์จากพลังของไททัน
การสอบสวนดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด และเกือบจะเกิดเหตุการณ์วิกฤตเมื่อเอเลนโกรธในพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นบุคคลผู้สูงส่ง อาการเกรี้ยวกราดของเขาทำให้ ไนล์ ดอร์ค ผบ.กองสารวัตรทหารบังเกิดความกลัวจนถึงกับออกคำสั่งให้ลูกน้องเล็งปืนไปยังเด็กหนุ่ม แต่รีไวเข้ามาแก้สถานการณ์ไว้ได้ทัน จากนั้นเอลวินจึงเสนอความคิดเรื่องการเดินทางไปยังเขตชิกันชิน่าร์ เพื่อค้นหาความลับของไททันที่ถูกฝังอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านเยเกอร์
ด้วยความคิดนี่เองทำให้ ดาริอุส แซคเคลย์ ผู้บัญชาการสูงสุดเห็นด้วย เมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวนเอเลนจึงได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมกับหน่วยสำรวจ โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ รีไว
ในตอนแรก เอแลนยังคงถูกกักบริเวณ เพราะแม้จะถูกบรรจุให้เข้าไปอยู่ในหน่วยสำรวจแล้ว แต่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะกองสารวัตรทหาร ยังคงหวาดระแวงในตัวเขา ไนล์ถึงกับออกคำสั่งให้นำตัวเอเลนไปขังไว้ในคุกใต้ดินตามเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ฮันซี่กลับแย้งและออกปากรับประกันด้วยตำแหน่งของตัวเองว่า เอเลนจะไม่มีวันกลายร่างเป็นไททันและไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับใครแน่ๆ
ไม้ดื้อชนิดหัวชนฝาของฮันซี่ ทำให้คนหัวแข็งอย่างไนล์ต้องยอมจำนน เขาจึงปล่อยให้เอเลนนอนพักบนห้องรับรองของหน่วยอย่างไม่เต็มใจนัก และออกคำสั่งห้ามทุกคนเข้าพบเอเลน ยกเว้นเอลวิน ฮันซี่และรีไว
ระหว่างที่อยู่ตามลำพัง เอเลนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดว่าเขาจะกลายร่างเป็นสิ่งที่ตนเองชิงชังรังเกียจอย่างไททันได้ เด็กหนุ่มพยายามคิดแล้วคิดอีกว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่นอกจากภาพพร่ามัวของพ่อ กับคำสัญญาเรื่องห้องใต้ดินแล้ว เขาก็นึกอะไรไม่ออก พอคิดมากๆเข้าก็เริ่มหงุดหงิด เอเลนจึงเอาหัวโขกกำแพงเพื่อระบายความคับแค้นในใจ รีไวซึ่งเข้ามาเห็นพอดีจึงเอ่ยปากถาม
“ทำอะไรของแก”
เอเลนหยุดแต่ยังเอาหัวพิงผนังเอาไว้แบบนั้น ปล่อยให้เลือดสีแดงเข้มไหลผ่านหางตาลงไปยังแก้มจนถึงปลายคาง
“ผมเครียดที่ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลายเป็นไททัน”
รีไวมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาเรียวสีเทาเฉยชายากแก่การอ่าน
“ทำแบบนั้นแล้วจะคิดออกเหรอ”
“ไม่ครับ” เอเลนตอบอย่างปวดร้าว หัวหน้าทหารร่างเล็กจึงยืนกอดอกและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเชิงดูถูก
“รู้ว่าไม่ แต่แกก็ยังอุตส่าห์ทำเรื่องโง่ๆนี่อยู่อีก”
ช่างเป็นคำพูดประชดที่เหมือนกับมีดปักเข้าไปในหัวใจ เอเลนเม้มปากแน่นก่อนหันไปโต้
“แล้วจะให้ผมทำยังไงละครับ”
“เลิกทำตัวไร้สาระและเตรียมตัวออกเดินทาง” รีไวพูด “แกจะต้องไปที่ศูนย์บัญชาการเก่ากับฉันและฝึกเพื่อความพร้อมสำหรับการสำรวจครั้งต่อไป ฉันไม่สนหรอกว่าเด็กเหลือขออย่างแกจะเป็นมนุษย์หรือไททัน ขอแค่อย่าทำตัวเป็นภาระกับคนอื่นเท่านั้นก็พอ”
คำพูดของรีไวทำให้เอเลนต้องขมวดคิ้วด้วยความฉงน
“ออกเดินทาง? ศูนย์บัญชาการของหน่วยสำรวจไม่ได้อยู่ในเมืองหรอกเหรอครับ”
“ถ้าอยู่ในเมืองแล้วจะเรียกว่าหน่วยสำรวจได้ยังไง” รีไวพูดเสียงกระด้างพลางจ้องเด็กหนุ่มเขม็งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้แกหยุดคิดเรื่องโง่ๆพวกนั้นแล้วพักผ่อนให้มากๆก็พอ”
เขาหยุดพูดและมองเลือดที่แห้งเกรอะกรังบนใบหน้าของเอเลนแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก
“สกปรกชะมัด”
เด็กหนุ่มสะดุ้งและยกมือขึ้นแตะใบหน้าของตัวเองโดยอัตโนมัติ
“อ๊ะ ! ขอโทษครับ ผมจะไปล้างเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยว” รีไวร้องห้ามพร้อมกับยื่นห่อผ้าที่ถือมาด้วยไปข้างหน้า “ของแก”
“อะไรเหรอครับ” ปากถามพร้อมกับรับมาถืออย่างงุนงง หัวหน้าทหารร่างเล็กนิ่วหน้าอย่างรำคาญใจ
“ฉันต้องอธิบายให้ฟังทุกเรื่องเลยหรือไง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดจนเอเลนต้องรีบขยับถอยออกห่างเพราะกลัวว่าจะโดนลูกเตะมหากาฬซ้ำอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตูเสียเฉยๆ พอมือแตะลูกบิด รีไวก็เอี้ยวคอหันกลับมา
“พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า”
เหมือนเป็นคำสั่งกลายๆว่าให้เด็กหนุ่มรีบเข้านอน เอเลนจึงรีบยกกำปั้นข้างขวาขึ้นจรดบนอกเพื่อแสดงความเคารพก่อนเอ่ยปากขานรับ
“ครับ”
รีไวมองเด็กหนุ่มด้วยหางตาแต่ไม่ได้พูดอะไร พออีกฝ่ายพ้นจากห้องไปแล้ว เอเลนจึงรีบเปิดผ้าห่อนั้นและอ้าปากค้างเมื่อพบว่ามันเป็นเครื่องแบบของหน่วยสำรวจ
“ปีกแห่งเสรี” เด็กหนุ่มพึมพำพลางลูบปีกนกสีน้ำเงินสลับขาวอันเป็นตราสัญลักษณ์ของหน่วยสำรวจ หัวใจบังเกิดความปลื้มปีติขึ้นมาอย่างท่วมท้น ในที่สุดเขาก็ได้เข้าร่วมกับหน่วยที่เคยใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก หน่วยที่ได้ก้าวออกจากกำแพงอันแสนอุดอู้ออกไปสู่โลกภายนอก หน่วยที่ได้ต่อสู้กับไททันเพื่ออิสรภาพของมนุษยชาติอย่างแท้จริง
“เราทำสำเร็จแล้ว” เอเลนพูดกับตัวเองด้วยความดีใจ