เป็นการเริ่มต้นของการเขียนนิยาย ไม่ได้เก่งกาจ วาดหวังไว้สูงนัก และแต่งขึ้นจากจินตนาการ มิได้คิดพาดพิงหรือ บิดเบือนความจริงจากเรื่องใดๆนะคะ ( เป็นเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้นนะคะ)
บทแรก การค้นพบ
http://ppantip.com/topic/32121665
บทที่ -1-
http://ppantip.com/topic/32130617
บทที่ -2-
http://ppantip.com/topic/32148915
บทที่ -3-
http://ppantip.com/topic/32184172
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
บทที่ 4
อาคารสำนักงานของสถาบันฯ พนักงานและเจ้าหน้าที่ต่างพากันเร่งเดินเข้ามาสแกนบัตรเข้างานกันอย่างกระตือรือร้น งานสำคัญผ่านไปอย่างราบรื่น ทำให้ทีมวิจัยต่างมีกำลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ร่างสูงในชุดสูท เดินขึ้นบันไดมาอย่างช้าๆ สายตามองดูสระน้ำด้านล่าง นึกถึงนาฬิกาเรือนเก่าที่ตกหายไป เมื่อมาถึงชั้น 3 จึงได้เห็นเจ้านายสาวคนเก่งนั่งจิบกาแฟท่าทางเหม่อลอย แสงแดดยามเช้าตกมาส่องกระทบผิวขาว สีหน้าแสดงความอิดโรย ทำให้ชายหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้
“ เป็นอะไรไปครับ คุณจันทร์ “ ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้มานั่งด้วย
หญิงสาวตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่า คนที่เธอกำลังนึกถึงจะมานั่งอยู่ตรงหน้าได้ สายตาที่แสดงออกถึงความห่วงใย ทำให้หัวใจที่อ่อนล้าของเธอ เริ่มเต้นแรงขึ้น เธอคลี่ยิ้มออกให้เขา วันนี้ช่างเป็นวันเริ่มงานที่ดีจริงๆ
“ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือครับ หรืองานวิจัยมีปัญหาครับ “
“ เอ่อ ไม่มีคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีคะ “
“ แต่สีหน้าคุณจันทร์ไม่ค่อยดีเลยนะครับ หรือว่าไม่สบาย ผมว่ากลับไปพักผ่อนดีกว่านะครับ “ กรชวัลเอื้อมมือไปแตะหน้าผากอย่างลืมตัวด้วยความเป็นห่วง
“ ขอบคุณนะคะ แต่จันทร์ไม่เป็นไรจริงๆคะ “ แสงจันทร์แก้เขินด้วยการก้มหน้าจิบกาแฟ
ภาพที่คนทั้งคู่นั่งคุยกันอย่างสนิทสนม ยิ่งตอกย้ำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ ฟันธงเป็นเสียงเดียวกันว่า คู่นี้ต้องมีอะไรมากไปกว่า เพื่อนร่วมงานแน่ และถ้าเป็นจริงมันคงดีไม่น้อยเลย
แสงจันทร์หันไปหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋า
“ อาจไม่เหมือนเรือนเก่านะคะ แต่จันทร์ว่าใกล้เคียงมากเลยคะ “
กล่องสีน้ำเงินทรงสวยเก๋เมื่อเปิดออก กรชวัล รู้สึกแปลกใจเพราะสิ่งที่เห็นมันช่างเหมือนนาฬิกาเรือนเก่าของเขาจริงๆ
" ลองใส่เลยนะคะ "แสงจันทร์หยิบนาฬิกามาใส่ที่ข้อมือให้เขาอย่างเป็นกันเอง
เขาไม่เคยใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้รู้สึกว่าหูทั้งสองข้างของเขาร้อนขึ้นมาเฉยๆ แสงจันทร์ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้เพราะหูของคนตรงหน้าเป็นสีแดงเข้มทั้งสองข้าง
ภายในห้องทำงานชายหนุ่มนั่งมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้มีความสุขได้ แปลกจริง “ แม้ว่าในตอนนี้เขาได้จิตเดิมกลับมาแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกในภูมิมนุษย์ที่เขาได้เกิดและเติบโตมาก็ยังมีอยู่มิได้หายไปไหน
“ นายท่าน ผนึกแรกถูกปลดออกแล้ว “
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองมาตามเสียง ตอนนี้เบื้องหน้าเขาคือต้นไม้ใหญ่ในป่าโบราณ
“ ปรมัตถ์ เจ้าว่า ผนึกถูกทำลายลง “
ผู้ถูกเรียกก้าวออกมาจากต้นไม้โบราณ ตาสีเขียวส่องประกาย โค้งคำนับอย่างอ้อนน้อม
“ ผนึกแห่งโทสะ ครานี้เป็นผนึกแรกที่อสุรราชาเลือก “ ร่างแบบบางปรากฏกายขึ้นพร้อมด้วยเสียงหวานนุ่มเอ่ยตอบคำถามของผู้เป็นนาย รอยยิ้มมิได้จางไปจากใบหน้า เธอโค้งคำนับผู้เป็นนายเช่นเดียวกับปรมัตถ์
“ ผนึกที่สองจะถูกทำลายลงเมื่อใด กัษษากร “ มาบัดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าบริวารเก่าแก่ ชายหนุ่มที่เคยมีท่าทีสุภาพเรียบร้อยกลับกลายเป็นชายหนุ่มท่าทางมุ่งมั่น ภายในดวงตาครานี้จากสีน้ำตาล กลายเป็นสีฟ้าใส
“ อีก 2 ราตรี ผนึกแห่งตะกละจะถูกทำลายลง“ หญิงสาวตอบกลับผู้เป็นนายอย่างนุ่มนวล
“ ตอนนี้นายท่านต้องเร่งฟื้นคืนพลังแห่งจิตเดิม ด้วยเหตุมนุษย์ในตอนนี้ พลังด้านมืดได้แผ่อำนาจเข้าไปครอบงำจิตใจได้รวดเร็วและเพิ่มขึ้นทุกขณะ “ ชายชราในชุดชาวเดินก้าวเข้ามายืนเคียงข้างปรมัตถ์ และ กัษษากร พร้อมโค้งคำนับผู้เป็นนาย สีหน้าแสดงความยินดีที่ผู้เป็นนายได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เขาได้เฝ้ารอมานาน
“ พวกท่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ทาฒะ กัษษากร ปรมัตถ์ เราซิไม่เหมือนเดิมเลย “ กรชวัลยิ้มน้อยๆ ท่าทางขี้เล่นกลับมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง เสียงเคาะประตูของเลขาหน้าห้องทำให้เขากลับมายังโลกแห่งนี่อีกครั้ง
“ เชิญครับคุณจิตร “
“
คุณกรคะ ตารางวันนี้ ช่วงเช้ามีสรุปผลงานของฝ่ายต่างๆนะคะ และบ่าย 3 มีประชุมกับแผนกวิจัย ฝ่ายพันธุ์พืชน้ำจืด เรื่องการการขยายพันธุ์พืชอนุรักษ์นะคะ ” เสียงรายงาน เจื้อยแจ้วของสมจิตรเลขาคนเก่ง ไม่ได้ทำให้กรชวัล สนใจมากนัก เขารู้สึกกังวลเพราะเครื่องสังเวยแรกทางฝ่ายความมืดได้ลงมือสำเร็จแล้ว วิญญาณแห่งโทสะได้ก้าวข้ามเขตแห่งโลกันต์นรกมายังมนุษย์ภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีกไม่นาน เครื่องสังเวยที่สองสำหรับการปลดผนึกอีกอันก็จะสำเร็จในอีกแค่ 2 วันเท่านั้น
“
คุณกรคะ พรุ่งนี้มีนักศึกษามาเริ่มฝึกงานแล้วนะคะ คุณจันทร์อยากให้คุณกรเป็นคนอบรมให้ก่อนนะคะ “ เลขาสมจิตรนิ่งรอฟังคำตอบ
“ คราวนี้มากันกี่คนครับ “
“ ทั้งหมดก็ 12 คนคะ จากมหิดล 2 คน จากเทคโนลาดกระบัง 3 คน จากเอเชีย 3 คน มช 2 คน แล้วก็ หัวเฉียว 2 คน คะ
“ ครับงั้นพรุ่งนี้ คุณจิตรจัดการเรื่องห้องประชุมเล็กให้ด้วยนะครับ อืมประมาณ 9 โมงนะครับ”
" ได้คะ " สมจิตรรับคำก่อนขอตัวออกไปจัดเตรียมงานต่อ
เสียงร้องเพลงลูกทุ่งดังเจื้อยแจ้ว เร็วบ้างช้าบ้างตามแต่คนร้องจะนึกเนื้อเพลงได้ ซึ่งได้สร้างความรำคาญให้คุณแม่บ้านไม่น้อย แม้จะมีสายตาเชิงตำหนิส่งไปเป็นระลอก แต่เหมือนนักร้องสมัครเล่นจะอยู่ในโหมดส่วนตัวไม่ได้สนใจในอาการของคนใกล้ตัวเลย
“ พอ พอ ยายแหนม ร้องอะไรไม่ได้เรื่อง ยิ่งกว่าแผ่นเสียงตกร่องเสียอีก “ แม่บ้านอาวุโสเก็บอารมณ์ไว้ไม่ไหวจนได้
“ แหม ป้าเนียม ไม่มีอารมณ์ สุนทู เลย “
“ เขาเรียก สุนทรีย์ หนอย หนอย มาทำเป็นมีมุขนะ “
สองสาวต่างวัย ต่อล้อต่อเถียงกันอย่างสนุกสนาน ขณะกำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องทำงานของนายหนุ่ม แหนมตั้งท่าจะร้องเพลงต่อ แต่ก็ต้องหน้าซีดเผือดลงทันทีเมื่อกล่องไม้ตรงหน้ามีการขยับเขยื้อน เธอขยี้ตาทันที ในใจก็ภาวนาว่าตัวเองตาฝาด อาการตลกๆของแหนมทำเอาอีกคนตั้งท่าเท้าสะเอวที่ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ เพราะคิดว่าเด็กสาวอู้งาน แต่ยังไม่ทันที่จะบ่นอะไร อาการตาโตก็มาแทนทีเสียก่อน
กล่องไม้ใบงามขยับอีก 2-3 ครั้งก่อนจะนิ่งสนิทไป สองสาวหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก กลัวก็กลัว อยากรู้ก็อยาก แต่สุดท้ายความกลัวก็ชนะทุกสิ่ง สองสาวตัดสินใจหยุดมือจากการทำงานแล้วออกมาจากห้องจะเป็นการดีกว่า
หลังอาหารมื้อเย็นนายหญิงแห่งบ้านดิศราณุกรณ์ และสองสาวใช้คนสนิทได้เข้ามานั่งสวดมนต์ในห้องพระของบ้าน แม้จะแปลกใจไม่น้อยกับอาการอยากเข้ามาไหว้พระของสองสาว ที่แต่ไหนแต่ไรมา จะชวนมาไหว้พระแต่ละครั้งช่างแสนยากแต่วันนี้กลับขอร้องเสียเอง
“ วันนี้ท่าทางพายุจะเข้านะครับ “
เสียงทักทายจากชายหนุ่มที่หน้าห้องทำเอาคนถูกเย้าเขินม้วนด้วยความอาย สองสาวใช้หัวเราะเขินๆ
“ สวัสดีครับคุณแม่ “ ชายหนุ่มคลานเข่าเข้ามากราบตักผู้เป็นแม่ในภูมินี้ แล้วหันไปยิ้มกระเซ้าอีกสองคนที่นั่งพับเพียบถัดไป
“ เหนื่อยไหมลูกวันนี้ ทานอะไรมาหรือยัง หิวไหม “ คุณอำภาลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน คำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“ ไม่เหนื่อยครับ แล้วก็ทานมาเรียบร้อยแล้วด้วยครับ นี่คุณแม่เข้ามาห้องพระกันนานหรือยังครับ “
“ เพิ่งสวดมนต์เสร็จนี่แหละคะคุณกร “ แหนมรายงานเอาหน้า
“ งั้นคุณแม่รอผมด้วยได้ไหมครับ ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน วันนี้ผมขอมานั่งสมาธิด้วยคนนะครับ “ สายตาอ้อนวอนของเขาทำเอาคุณอำภาขำออกมา ด้วยเห็นชายหนุ่มตรงหน้าแสดงท่าทางเหมือนเด็กน้อยขี้อ้อน
“ ดีซิลูก เราไม่ได้มานั่งสมาธิด้วยกันนานแล้วเนอะ “
ขณะนี้จิตของกรชวัลเริ่มเข้มแข็งมากขึ้น จนเกือบจะเหมือนเก่า การได้นั่งสมาธิแต่เด็กทำให้จิตใจของเขาสงบนิ่งและมีพลังที่แกร่งกล้า กรชวัลรู้สึกขอบคุณที่ได้เกิดและถูกเลี้ยงดูมาโดยคนจิตบริสุทธิ์อย่างคุณอำภา ที่สอนให้เขาได้รู้ว่าธรรมในใจคืออะไร
นิยาย จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ - บทที่ 4 - (โดย เพอฟูเม่ ติ่งตี๋เจมส์ มาร์ )
บทแรก การค้นพบ http://ppantip.com/topic/32121665
บทที่ -1- http://ppantip.com/topic/32130617
บทที่ -2- http://ppantip.com/topic/32148915
บทที่ -3- http://ppantip.com/topic/32184172
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
บทที่ 4
อาคารสำนักงานของสถาบันฯ พนักงานและเจ้าหน้าที่ต่างพากันเร่งเดินเข้ามาสแกนบัตรเข้างานกันอย่างกระตือรือร้น งานสำคัญผ่านไปอย่างราบรื่น ทำให้ทีมวิจัยต่างมีกำลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ร่างสูงในชุดสูท เดินขึ้นบันไดมาอย่างช้าๆ สายตามองดูสระน้ำด้านล่าง นึกถึงนาฬิกาเรือนเก่าที่ตกหายไป เมื่อมาถึงชั้น 3 จึงได้เห็นเจ้านายสาวคนเก่งนั่งจิบกาแฟท่าทางเหม่อลอย แสงแดดยามเช้าตกมาส่องกระทบผิวขาว สีหน้าแสดงความอิดโรย ทำให้ชายหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้
“ เป็นอะไรไปครับ คุณจันทร์ “ ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้มานั่งด้วย
หญิงสาวตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่า คนที่เธอกำลังนึกถึงจะมานั่งอยู่ตรงหน้าได้ สายตาที่แสดงออกถึงความห่วงใย ทำให้หัวใจที่อ่อนล้าของเธอ เริ่มเต้นแรงขึ้น เธอคลี่ยิ้มออกให้เขา วันนี้ช่างเป็นวันเริ่มงานที่ดีจริงๆ
“ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือครับ หรืองานวิจัยมีปัญหาครับ “
“ เอ่อ ไม่มีคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีคะ “
“ แต่สีหน้าคุณจันทร์ไม่ค่อยดีเลยนะครับ หรือว่าไม่สบาย ผมว่ากลับไปพักผ่อนดีกว่านะครับ “ กรชวัลเอื้อมมือไปแตะหน้าผากอย่างลืมตัวด้วยความเป็นห่วง
“ ขอบคุณนะคะ แต่จันทร์ไม่เป็นไรจริงๆคะ “ แสงจันทร์แก้เขินด้วยการก้มหน้าจิบกาแฟ
ภาพที่คนทั้งคู่นั่งคุยกันอย่างสนิทสนม ยิ่งตอกย้ำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ ฟันธงเป็นเสียงเดียวกันว่า คู่นี้ต้องมีอะไรมากไปกว่า เพื่อนร่วมงานแน่ และถ้าเป็นจริงมันคงดีไม่น้อยเลย
แสงจันทร์หันไปหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋า “ อาจไม่เหมือนเรือนเก่านะคะ แต่จันทร์ว่าใกล้เคียงมากเลยคะ “
กล่องสีน้ำเงินทรงสวยเก๋เมื่อเปิดออก กรชวัล รู้สึกแปลกใจเพราะสิ่งที่เห็นมันช่างเหมือนนาฬิกาเรือนเก่าของเขาจริงๆ
" ลองใส่เลยนะคะ "แสงจันทร์หยิบนาฬิกามาใส่ที่ข้อมือให้เขาอย่างเป็นกันเอง
เขาไม่เคยใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้รู้สึกว่าหูทั้งสองข้างของเขาร้อนขึ้นมาเฉยๆ แสงจันทร์ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้เพราะหูของคนตรงหน้าเป็นสีแดงเข้มทั้งสองข้าง
ภายในห้องทำงานชายหนุ่มนั่งมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้มีความสุขได้ แปลกจริง “ แม้ว่าในตอนนี้เขาได้จิตเดิมกลับมาแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกในภูมิมนุษย์ที่เขาได้เกิดและเติบโตมาก็ยังมีอยู่มิได้หายไปไหน
“ นายท่าน ผนึกแรกถูกปลดออกแล้ว “
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองมาตามเสียง ตอนนี้เบื้องหน้าเขาคือต้นไม้ใหญ่ในป่าโบราณ
“ ปรมัตถ์ เจ้าว่า ผนึกถูกทำลายลง “
ผู้ถูกเรียกก้าวออกมาจากต้นไม้โบราณ ตาสีเขียวส่องประกาย โค้งคำนับอย่างอ้อนน้อม
“ ผนึกแห่งโทสะ ครานี้เป็นผนึกแรกที่อสุรราชาเลือก “ ร่างแบบบางปรากฏกายขึ้นพร้อมด้วยเสียงหวานนุ่มเอ่ยตอบคำถามของผู้เป็นนาย รอยยิ้มมิได้จางไปจากใบหน้า เธอโค้งคำนับผู้เป็นนายเช่นเดียวกับปรมัตถ์
“ ผนึกที่สองจะถูกทำลายลงเมื่อใด กัษษากร “ มาบัดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าบริวารเก่าแก่ ชายหนุ่มที่เคยมีท่าทีสุภาพเรียบร้อยกลับกลายเป็นชายหนุ่มท่าทางมุ่งมั่น ภายในดวงตาครานี้จากสีน้ำตาล กลายเป็นสีฟ้าใส
“ อีก 2 ราตรี ผนึกแห่งตะกละจะถูกทำลายลง“ หญิงสาวตอบกลับผู้เป็นนายอย่างนุ่มนวล
“ ตอนนี้นายท่านต้องเร่งฟื้นคืนพลังแห่งจิตเดิม ด้วยเหตุมนุษย์ในตอนนี้ พลังด้านมืดได้แผ่อำนาจเข้าไปครอบงำจิตใจได้รวดเร็วและเพิ่มขึ้นทุกขณะ “ ชายชราในชุดชาวเดินก้าวเข้ามายืนเคียงข้างปรมัตถ์ และ กัษษากร พร้อมโค้งคำนับผู้เป็นนาย สีหน้าแสดงความยินดีที่ผู้เป็นนายได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เขาได้เฝ้ารอมานาน
“ พวกท่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ทาฒะ กัษษากร ปรมัตถ์ เราซิไม่เหมือนเดิมเลย “ กรชวัลยิ้มน้อยๆ ท่าทางขี้เล่นกลับมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง เสียงเคาะประตูของเลขาหน้าห้องทำให้เขากลับมายังโลกแห่งนี่อีกครั้ง
“ เชิญครับคุณจิตร “
“ คุณกรคะ ตารางวันนี้ ช่วงเช้ามีสรุปผลงานของฝ่ายต่างๆนะคะ และบ่าย 3 มีประชุมกับแผนกวิจัย ฝ่ายพันธุ์พืชน้ำจืด เรื่องการการขยายพันธุ์พืชอนุรักษ์นะคะ ” เสียงรายงาน เจื้อยแจ้วของสมจิตรเลขาคนเก่ง ไม่ได้ทำให้กรชวัล สนใจมากนัก เขารู้สึกกังวลเพราะเครื่องสังเวยแรกทางฝ่ายความมืดได้ลงมือสำเร็จแล้ว วิญญาณแห่งโทสะได้ก้าวข้ามเขตแห่งโลกันต์นรกมายังมนุษย์ภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีกไม่นาน เครื่องสังเวยที่สองสำหรับการปลดผนึกอีกอันก็จะสำเร็จในอีกแค่ 2 วันเท่านั้น
“ คุณกรคะ พรุ่งนี้มีนักศึกษามาเริ่มฝึกงานแล้วนะคะ คุณจันทร์อยากให้คุณกรเป็นคนอบรมให้ก่อนนะคะ “ เลขาสมจิตรนิ่งรอฟังคำตอบ
“ คราวนี้มากันกี่คนครับ “
“ ทั้งหมดก็ 12 คนคะ จากมหิดล 2 คน จากเทคโนลาดกระบัง 3 คน จากเอเชีย 3 คน มช 2 คน แล้วก็ หัวเฉียว 2 คน คะ
“ ครับงั้นพรุ่งนี้ คุณจิตรจัดการเรื่องห้องประชุมเล็กให้ด้วยนะครับ อืมประมาณ 9 โมงนะครับ”
" ได้คะ " สมจิตรรับคำก่อนขอตัวออกไปจัดเตรียมงานต่อ
เสียงร้องเพลงลูกทุ่งดังเจื้อยแจ้ว เร็วบ้างช้าบ้างตามแต่คนร้องจะนึกเนื้อเพลงได้ ซึ่งได้สร้างความรำคาญให้คุณแม่บ้านไม่น้อย แม้จะมีสายตาเชิงตำหนิส่งไปเป็นระลอก แต่เหมือนนักร้องสมัครเล่นจะอยู่ในโหมดส่วนตัวไม่ได้สนใจในอาการของคนใกล้ตัวเลย
“ พอ พอ ยายแหนม ร้องอะไรไม่ได้เรื่อง ยิ่งกว่าแผ่นเสียงตกร่องเสียอีก “ แม่บ้านอาวุโสเก็บอารมณ์ไว้ไม่ไหวจนได้
“ แหม ป้าเนียม ไม่มีอารมณ์ สุนทู เลย “
“ เขาเรียก สุนทรีย์ หนอย หนอย มาทำเป็นมีมุขนะ “
สองสาวต่างวัย ต่อล้อต่อเถียงกันอย่างสนุกสนาน ขณะกำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องทำงานของนายหนุ่ม แหนมตั้งท่าจะร้องเพลงต่อ แต่ก็ต้องหน้าซีดเผือดลงทันทีเมื่อกล่องไม้ตรงหน้ามีการขยับเขยื้อน เธอขยี้ตาทันที ในใจก็ภาวนาว่าตัวเองตาฝาด อาการตลกๆของแหนมทำเอาอีกคนตั้งท่าเท้าสะเอวที่ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ เพราะคิดว่าเด็กสาวอู้งาน แต่ยังไม่ทันที่จะบ่นอะไร อาการตาโตก็มาแทนทีเสียก่อน
กล่องไม้ใบงามขยับอีก 2-3 ครั้งก่อนจะนิ่งสนิทไป สองสาวหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก กลัวก็กลัว อยากรู้ก็อยาก แต่สุดท้ายความกลัวก็ชนะทุกสิ่ง สองสาวตัดสินใจหยุดมือจากการทำงานแล้วออกมาจากห้องจะเป็นการดีกว่า
หลังอาหารมื้อเย็นนายหญิงแห่งบ้านดิศราณุกรณ์ และสองสาวใช้คนสนิทได้เข้ามานั่งสวดมนต์ในห้องพระของบ้าน แม้จะแปลกใจไม่น้อยกับอาการอยากเข้ามาไหว้พระของสองสาว ที่แต่ไหนแต่ไรมา จะชวนมาไหว้พระแต่ละครั้งช่างแสนยากแต่วันนี้กลับขอร้องเสียเอง
“ วันนี้ท่าทางพายุจะเข้านะครับ “
เสียงทักทายจากชายหนุ่มที่หน้าห้องทำเอาคนถูกเย้าเขินม้วนด้วยความอาย สองสาวใช้หัวเราะเขินๆ
“ สวัสดีครับคุณแม่ “ ชายหนุ่มคลานเข่าเข้ามากราบตักผู้เป็นแม่ในภูมินี้ แล้วหันไปยิ้มกระเซ้าอีกสองคนที่นั่งพับเพียบถัดไป
“ เหนื่อยไหมลูกวันนี้ ทานอะไรมาหรือยัง หิวไหม “ คุณอำภาลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน คำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“ ไม่เหนื่อยครับ แล้วก็ทานมาเรียบร้อยแล้วด้วยครับ นี่คุณแม่เข้ามาห้องพระกันนานหรือยังครับ “
“ เพิ่งสวดมนต์เสร็จนี่แหละคะคุณกร “ แหนมรายงานเอาหน้า
“ งั้นคุณแม่รอผมด้วยได้ไหมครับ ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน วันนี้ผมขอมานั่งสมาธิด้วยคนนะครับ “ สายตาอ้อนวอนของเขาทำเอาคุณอำภาขำออกมา ด้วยเห็นชายหนุ่มตรงหน้าแสดงท่าทางเหมือนเด็กน้อยขี้อ้อน
“ ดีซิลูก เราไม่ได้มานั่งสมาธิด้วยกันนานแล้วเนอะ “
ขณะนี้จิตของกรชวัลเริ่มเข้มแข็งมากขึ้น จนเกือบจะเหมือนเก่า การได้นั่งสมาธิแต่เด็กทำให้จิตใจของเขาสงบนิ่งและมีพลังที่แกร่งกล้า กรชวัลรู้สึกขอบคุณที่ได้เกิดและถูกเลี้ยงดูมาโดยคนจิตบริสุทธิ์อย่างคุณอำภา ที่สอนให้เขาได้รู้ว่าธรรมในใจคืออะไร