นิยาย จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ -บทที่ 1 - (โดย เพอฟูเม่ ติ่งตี่เจมส์ มาร์ )

กระทู้สนทนา
เป็นการเริ่มต้นของการเขียนนิยาย ไม่ได้เก่งกาจ วาดหวังไว้สูงนัก และแต่งขึ้นจากจินตนาการ มิได้พาดพิงหรือ บิดเบือนความจริงจากเรื่องใดๆนะคะ ( เป็นเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้นนะคะ)
บทแรก การค้นพบ http://ppantip.com/topic/32121665                                                                   
                                                                  
                                                                    จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
                                                                               บทที่ 1

               
               ห้องประชุมของสถาบันวิจัยธรรมชาติ จันทรวลัย วันนี้เต็มไปด้วยนักวิชาการจากหลายประเทศเข้ามาร่วมฟังการบรรยายการทำงาน และผลงานความสมบูรณ์ของป่าที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจาก ป่าเซลวาสของสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล    และเมื่อการ Present ของ ดร.กรชวัล จบลง เสียงปรบมือแสดงความชื่นชมดังไม่หยุด หลายคนต่างเข้าไปแสดงความยินดีกับผู้บรรยายคนเก่ง สีหน้าของทุกคนต่างพอใจ เหล่านักวิชาการและนักลงทุนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าควรมีการเพิ่มทุนให้กับทางสถาบันฯ แห่งนี้ เพื่อสานต่อโครงการที่มีประโยชน์อื่นๆอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงงานนี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงการสรุปผลงานอันน่าทึ่งของหัวหน้าคนเก่งของพวกเขา

               “ ดร.กร เธอเก่งจริงๆเนอะ งานไหนงานนั้น ไม่มีพลาด ” เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยปากอย่างชื่นชม   
               “ ใช่ๆ เห็นหน้าละอ่อนแบบนั้น ฝีมือขั้นเทพ “ อีกคนรีบสมทบด้วยสายตาท่าทางเคลือบเคลิ้ม “ บรรยายได้น่าฟัง เสียงก็เพราะเนื้อหาก็ฟังข้าใจ มองเห็นภาพดี  ”

               ดร. กรชวัล ดิศราณุกรณ์ ขึ้นชื่อทั้งในเรื่อง การวางตัว และอัธยาศัยที่เขามีต่อทุกคน  แม้อายุจะเริ่มเข้าเลข 3 ซึ่งผิดกับหน้าตาที่ดูยังไงก็แค่ 20 ต้นๆ บวกกับการทำงานในแต่ละโครงการ ผลงานที่ออกมาก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทุกครั้ง ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของสาวแท้ สาวเทียม ที่ต่างออกปากชมกันเสมอว่า ‘ ไม่หล่อมากมาย แต่ทำให้ใจละลายได้เสมอ ’



               “ ตาจืดนั่นคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลื้มกับผลงานตัวเองอยู่แน่เลยเนอะจันทร์ “ น้ำเสียงที่แลดูประชดประชันนี้ออกมาจากปากสาวท่าทางเปรี้ยวจี๊ดแทบเข็ดฟัน  
               “ นี่ตะวัน ที่พูดถึงนั่น หนะ คือคนที่ทำให้จันทร์ได้เงินสนับสนุนมานะ” แสงจันทร์ ส่ายหน้าเล็กน้อย ระอากับท่าทางและคำพูดของน้องสาว

               นางสาว แสงตะวัน  วัฒนเวศ นางแบบสาวแสนมั่น ที่กำลังเป็นที่จับตามองของทุกสื่อ ความดังของเธอไม่ได้มาเพราะความสวย แต่ได้มาเพราะความเป็นมืออาชีพในการทำงานทำให้ชื่อเสียงของเธอดังไปไกลยังต่างประเทศ เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ ฉลาด และเก่งในงานที่เธอทำ แต่ทุกครั้งที่ได้มาเจอ ดร.กรชวัล คนคนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง  ท่าทียักไหล่เล็กน้อยทำทีไม่สนใจในสิ่งที่พี่สาวพูด แต่สายตากลับมองหาใครซักคนขณะที่กำลังเดินไปยังห้องทำงานของแสงจันทร์

               “ เราถามหน่อย วันนี้นึกยังไง มาหากันถึงที่นี่ได้ คงไม่ใช่แค่ว่าอยากจะมาฟังการบรรยาย เท่านั้นละมั้งจ๊ะ ”  แสงจันทร์ เร่งฝีเท้าเดินมาดักหน้าน้องสาวคนสวยของเธอ
             “ ทำไมละจันทร์  ตะวันก็แค่อยากมาเจอ เราไปทำงานที่สิงคโปร์ ตั้ง 2 อาทิตย์ คิดถึ้ง คิดถึง ” เธอพูดไปก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆ หมายจะหอมแก้มพี่สาว
             “ เดี๋ยวเถอะตะวัน เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ “ แสงจันทร์ หมุนตัวหลบแทบไม่ทัน  แสงตะวันเห็นท่าทางเขินของอีกฝ่ายก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ  
               
               แม้ว่าทั้งสอง จะเป็นพี่น้องฝาแฝดก็ตาม แต่ไม่ว่าจะหน้าตา นิสัยใจคอ ความชอบในเรื่องต่างๆกลับแตกต่างกันสุดขั้ว แสงตะวัน จะขี้เล่น ซุกซน ชื่นชอบความท้าทาย ส่วนแสงจันทร์จะเรียบร้อย  อ่อนหวาน สุขุมรอบคอบ ส่วนเรื่องความสวย ทั้งคู่มีไม่แพ้กัน

               “ ตะวัน จันทร์ถามหน่อยซิ ซีเรียสนะ ช่วงนี้มีฝันอะไรแปลกๆบ้างไหมอะ  2 อาทิตย์มานี้ จันทร์ฝันแปลกๆหละ “ น้ำเสียงแสดงความไม่สบายใจ เธอจ้องตาน้องสาวมุ่งมั่นอยากได้คำตอบจากคนตรงหน้า ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

               “ ป๋าโทรมา ขอรับก่อนนะจันทร์ ” ตะวันรู้สึกโล่งใจที่ มีตัวช่วยไม่งั้นเธอก็ต้องตอบคำถาม ที่ไม่อยากตอบ ระหว่างพี่น้องทั้งคู่ไม่เคยโกหกกันจึงรู้ดีว่า ถ้าแสงจันทร์ได้คำตอบจากเธอ จะต้องคิดมากแน่นอน ทิ้งไว้ให้คลุมเครือแบบนี้ยังดีกว่า  



               หญิงสาวเดินถือโทรศัพท์ออกมาพูดคุยด้านนอกห้องทำงาน โถงทางเดินด้านนอก ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ช่องแสงขนาดใหญ่ด้านบนทำให้ภายในตัวอาคาร  มีความสว่าง การจัดพื้นที่ภายในที่เน้นความร่มรื่น และความสบายตา เป็นการออกแบบที่ใครๆที่ได้เข้ามายังสถาบันฯแห่งนี้ก็ออกปากชมตลอดเวลา แสงตะวันเดินทอดสายตาไปเรื่อยๆ นึกถึงช่วงเวลาการพบกันครั้งแรก ระหว่าง เธอกับเขาคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรง เคอะเขิน และแลดูเป็นผู้หญิงที่แสนเอาแต่ใจทุกครั้งที่ได้เจอกัน

             “ โอ๊ย “ ร่างของหญิงสาวเซล้มลง ช่วงเวลานั้นภายในใจคิดแต่เพียงว่า แย่แล้ว แต่เหมือนทุกอย่างรอบตัวเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เธอค่อยๆลืมตาขึ้นสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าของเธอ คือใบหน้าขาวๆ และหน่วยตาเล็กๆ กำลังจ้องตาของเธออยู่  

               ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย มือข้างหนึ่งของเขาโอบรอบเอวบางของเธอส่วนอีกมือก็จับราวบันไดไว้แน่น ถ้าช้าอีกเพียงนิด หรือถ้ามือไม่ไวพอ ร่างของเขาและเธอคงลงไปนอนกลิ้งอยู่ด้านล่างแน่นอน “ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ” เสียงทุ้มต่ำ ดังขึ้นข้างหู ทำให้แสงตะวันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดเจน เธออึดอัดขัดเขิน เกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้

             ‘ กรี๊ด ทำไงดี เขาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าชั้นนี่ ใกล้กันจนจมูกจะชนอยู่แล้ว ‘  ใบหน้าหญิงสาวเริ่มมีสีเลือดฝาดเด่นชัดขึ้น ความใกล้ ทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมจากคนตรงหน้า กลิ่นหอมเย็นๆ เธอกลัวว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้ ถ้าเขารู้จะหัวเราะเยาะเธอหรือเปล่า ‘ ไม่ไม่ อย่าเสียฟอร์มนะตะวัน เชิดไว้เธอเป็นสุดยอดนางแบบนะ ’ แสงตะวันข่มความอาย พยายามทำตัวให้เป็นปรกติที่สุด

              “ ปล่อยได้แล้ว จะกอดอีกนานไหม “ หญิงสาวละสายตาจากใบหน้าตรงหน้า ลงมามองที่มือเรียวยาวที่กอดเอวเธออยู่ ‘ นี่มือผู้ชายแน่หรือทำไมมันช่างสวยขนาดนี้ ‘

              ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมือออกจากเอวคอดนั่น “ เจ็บตรงไหนไหมครับ ” เขาถามซ้ำ สายตาก็พยายามสำรวจว่า หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ามีบาดแผลหรือไม่ เขามองจนมั่นใจได้ว่า เธอไม่มีแผลหรือบาดเจ็บอะไรแน่ นอกจากรองเท้าที่กลายเป็นถั่วปากอ้าเท่านั้น  พนักงาน 2-3 คนที่เห็นเหตุการณ์ รีบเข้ามาช่วยพยุงแสงตะวัน   ชายหนุ่ม จับที่ข้อมือข้างที่เขาใช้จับราวบันไดเมื่อกี้ นาฬิกาเรือนเก่งของเขาหายไปจากข้อมือ เขามองหามันในบริเวณที่เกิดเหตุ “ สงสัยหล่นลงสระไปแล้ว “ เขาพึมพำเบาๆพร้อมถอนหายใจ เมื่อมองลงไปด้านล่างที่เป็นสระน้ำที่ทำเป็นน้ำตกจำลอง ความหวังที่จะเจอแล้วใช้การได้เหมือนเดิมคงไม่มี

               ท่าทางที่แสดงถึงความเสียใจนั่น ทำให้แสงตะวันรู้สึกเสียใจที่ทำให้เขาต้องเสียของรักไป ‘ สำคัญมากนักรึไง เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ก็ได้ ‘ เธอตะโกนบอกเขาด้วยสายตา

               “ ตะวัน ตะวัน เป็นไงบ้าง ” แสงจันทร์วิ่งเข้ามาดูน้องสาวอย่างเป็นห่วง เธอรีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานทันที เมื่อมีคนเข้ามาบอกว่าแสงตะวันตกบันได
               “ สบายดี จันทร์ เราไม่เป็นไร ไร้รอยขีดข่วนใดๆเลยนะ ” แสงตะวันหมุนตัวโชว์ เธอไม่อยากเห็นสีหน้าไม่สบายใจแบบนี้ของพี่สาว  
              “ รองเท้าเรามันเกเร สงสัยใช้งานมันมากไปหน่อย ส้นรองเท้ามันเลยขอลาออกแบบถาวร  ”  เธอพูดตลกเพื่อกลบเกลื่อน สายตาแอบเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตอบคำถามของสาวๆที่เข้าไปรุมล้อมด้วยความเป็นห่วง อาการหมั่นใส่ก็ประทุออกมาไม่รู้ตัว
             “ ไปจันทร์ กลับไปที่ห้องทำงานกัน ”  จมูกเรียวยาวเชิดขึ้น สายตาฉายแววไม่สบอารมณ์กับภาพที่เห็น แต่จากรองเท้าที่ส้นหักทำให้การเดินของเจ้าหล่อนอยู่ในสภาพทุลักทุเล รู้สึกตัวอีกร่างบางๆก็ลอยละลิ่วอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน

             “ ปล่อยเรานะ ณรงค์ “ เมื่อเห็นหน้าคนอุ้มชัดเจน แสงตะวันดิ้นสุดตัว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องปล่อยตัว
             “ มาได้ไง แล้วมาทำไม “ เสียงแห่งความไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่เท้าเธอแตะพื้น แต่สายตากลับมองไปอีกทาง เธอกลัวคนตรงข้ามจะเห็นตอนที่เธอโดนอุ้ม แต่จากสายตาที่เขามองเธอมันช่างทำให้เธอยิ่งโกรธ ณรงค์ฤทธิ์  มากขึ้นไปอีก แก้มของแสงตะวันเป็นสีแดงด้วยความโกรธและอายปนกัน ‘ มองแบบนั้นหมายความว่าไงเนี่ย ยังมายิ้มแบบนี้อีก มันน่าทุบนัก อีตาบ้า บ้า บ้า บ้า ’ เธอถลึงตาโตคู่งามใส่ฝ่ายตรงข้าม ปากยื่นขึ้นมาจนเกือบชนกับจมูกรั้นๆ พร้อมสะบัดหน้าหนีซ่อนความอายจากสายตาของเขาที่มองมาที่เธอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่