เป็นการเริ่มต้นของการเขียนนิยาย ไม่ได้เก่งกาจ วาดหวังไว้สูงนัก และแต่งขึ้นจากจินตนาการ มิได้พาดพิงหรือ บิดเบือนความจริงจากเรื่องใดๆนะคะ ( เป็นเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้นนะคะ)
บทแรก การค้นพบ
http://ppantip.com/topic/32121665
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
บทที่ 1
ห้องประชุมของสถาบันวิจัยธรรมชาติ จันทรวลัย วันนี้เต็มไปด้วยนักวิชาการจากหลายประเทศเข้ามาร่วมฟังการบรรยายการทำงาน และผลงานความสมบูรณ์ของป่าที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจาก ป่าเซลวาสของสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และเมื่อการ Present ของ ดร.กรชวัล จบลง เสียงปรบมือแสดงความชื่นชมดังไม่หยุด หลายคนต่างเข้าไปแสดงความยินดีกับผู้บรรยายคนเก่ง สีหน้าของทุกคนต่างพอใจ เหล่านักวิชาการและนักลงทุนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าควรมีการเพิ่มทุนให้กับทางสถาบันฯ แห่งนี้ เพื่อสานต่อโครงการที่มีประโยชน์อื่นๆอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงงานนี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงการสรุปผลงานอันน่าทึ่งของหัวหน้าคนเก่งของพวกเขา
“ ดร.กร เธอเก่งจริงๆเนอะ งานไหนงานนั้น ไม่มีพลาด ” เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยปากอย่างชื่นชม
“ ใช่ๆ เห็นหน้าละอ่อนแบบนั้น ฝีมือขั้นเทพ “ อีกคนรีบสมทบด้วยสายตาท่าทางเคลือบเคลิ้ม
“ บรรยายได้น่าฟัง เสียงก็เพราะเนื้อหาก็ฟังข้าใจ มองเห็นภาพดี ”
ดร. กรชวัล ดิศราณุกรณ์ ขึ้นชื่อทั้งในเรื่อง การวางตัว และอัธยาศัยที่เขามีต่อทุกคน แม้อายุจะเริ่มเข้าเลข 3 ซึ่งผิดกับหน้าตาที่ดูยังไงก็แค่ 20 ต้นๆ บวกกับการทำงานในแต่ละโครงการ ผลงานที่ออกมาก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทุกครั้ง ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของสาวแท้ สาวเทียม ที่ต่างออกปากชมกันเสมอว่า
‘ ไม่หล่อมากมาย แต่ทำให้ใจละลายได้เสมอ ’
“ ตาจืดนั่นคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลื้มกับผลงานตัวเองอยู่แน่เลยเนอะจันทร์ “ น้ำเสียงที่แลดูประชดประชันนี้ออกมาจากปากสาวท่าทางเปรี้ยวจี๊ดแทบเข็ดฟัน
“ นี่ตะวัน ที่พูดถึงนั่น หนะ คือคนที่ทำให้จันทร์ได้เงินสนับสนุนมานะ” แสงจันทร์ ส่ายหน้าเล็กน้อย ระอากับท่าทางและคำพูดของน้องสาว
นางสาว แสงตะวัน วัฒนเวศ นางแบบสาวแสนมั่น ที่กำลังเป็นที่จับตามองของทุกสื่อ ความดังของเธอไม่ได้มาเพราะความสวย แต่ได้มาเพราะความเป็นมืออาชีพในการทำงานทำให้ชื่อเสียงของเธอดังไปไกลยังต่างประเทศ เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ ฉลาด และเก่งในงานที่เธอทำ แต่ทุกครั้งที่ได้มาเจอ
ดร.กรชวัล คนคนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ท่าทียักไหล่เล็กน้อยทำทีไม่สนใจในสิ่งที่พี่สาวพูด แต่สายตากลับมองหาใครซักคนขณะที่กำลังเดินไปยังห้องทำงานของแสงจันทร์
“ เราถามหน่อย วันนี้นึกยังไง มาหากันถึงที่นี่ได้ คงไม่ใช่แค่ว่าอยากจะมาฟังการบรรยาย เท่านั้นละมั้งจ๊ะ ” แสงจันทร์ เร่งฝีเท้าเดินมาดักหน้าน้องสาวคนสวยของเธอ
“ ทำไมละจันทร์ ตะวันก็แค่อยากมาเจอ เราไปทำงานที่สิงคโปร์ ตั้ง 2 อาทิตย์ คิดถึ้ง คิดถึง ” เธอพูดไปก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆ หมายจะหอมแก้มพี่สาว
“ เดี๋ยวเถอะตะวัน เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ “ แสงจันทร์ หมุนตัวหลบแทบไม่ทัน แสงตะวันเห็นท่าทางเขินของอีกฝ่ายก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ
แม้ว่าทั้งสอง จะเป็นพี่น้องฝาแฝดก็ตาม แต่ไม่ว่าจะหน้าตา นิสัยใจคอ ความชอบในเรื่องต่างๆกลับแตกต่างกันสุดขั้ว แสงตะวัน จะขี้เล่น ซุกซน ชื่นชอบความท้าทาย ส่วนแสงจันทร์จะเรียบร้อย อ่อนหวาน สุขุมรอบคอบ ส่วนเรื่องความสวย ทั้งคู่มีไม่แพ้กัน
“ ตะวัน จันทร์ถามหน่อยซิ ซีเรียสนะ ช่วงนี้มีฝันอะไรแปลกๆบ้างไหมอะ 2 อาทิตย์มานี้ จันทร์ฝันแปลกๆหละ “ น้ำเสียงแสดงความไม่สบายใจ เธอจ้องตาน้องสาวมุ่งมั่นอยากได้คำตอบจากคนตรงหน้า ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“ ป๋าโทรมา ขอรับก่อนนะจันทร์ ” ตะวันรู้สึกโล่งใจที่ มีตัวช่วยไม่งั้นเธอก็ต้องตอบคำถาม ที่ไม่อยากตอบ ระหว่างพี่น้องทั้งคู่ไม่เคยโกหกกันจึงรู้ดีว่า ถ้าแสงจันทร์ได้คำตอบจากเธอ จะต้องคิดมากแน่นอน ทิ้งไว้ให้คลุมเครือแบบนี้ยังดีกว่า
หญิงสาวเดินถือโทรศัพท์ออกมาพูดคุยด้านนอกห้องทำงาน โถงทางเดินด้านนอก ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ช่องแสงขนาดใหญ่ด้านบนทำให้ภายในตัวอาคาร มีความสว่าง การจัดพื้นที่ภายในที่เน้นความร่มรื่น และความสบายตา เป็นการออกแบบที่ใครๆที่ได้เข้ามายังสถาบันฯแห่งนี้ก็ออกปากชมตลอดเวลา แสงตะวันเดินทอดสายตาไปเรื่อยๆ นึกถึงช่วงเวลาการพบกันครั้งแรก ระหว่าง เธอกับเขาคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรง เคอะเขิน และแลดูเป็นผู้หญิงที่แสนเอาแต่ใจทุกครั้งที่ได้เจอกัน
“ โอ๊ย “ ร่างของหญิงสาวเซล้มลง ช่วงเวลานั้นภายในใจคิดแต่เพียงว่า แย่แล้ว แต่เหมือนทุกอย่างรอบตัวเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เธอค่อยๆลืมตาขึ้นสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าของเธอ คือใบหน้าขาวๆ และหน่วยตาเล็กๆ กำลังจ้องตาของเธออยู่
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย มือข้างหนึ่งของเขาโอบรอบเอวบางของเธอส่วนอีกมือก็จับราวบันไดไว้แน่น ถ้าช้าอีกเพียงนิด หรือถ้ามือไม่ไวพอ ร่างของเขาและเธอคงลงไปนอนกลิ้งอยู่ด้านล่างแน่นอน
“ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ” เสียงทุ้มต่ำ ดังขึ้นข้างหู ทำให้แสงตะวันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดเจน เธออึดอัดขัดเขิน เกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้
‘ กรี๊ด ทำไงดี เขาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าชั้นนี่ ใกล้กันจนจมูกจะชนอยู่แล้ว ‘ ใบหน้าหญิงสาวเริ่มมีสีเลือดฝาดเด่นชัดขึ้น ความใกล้ ทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมจากคนตรงหน้า กลิ่นหอมเย็นๆ เธอกลัวว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้ ถ้าเขารู้จะหัวเราะเยาะเธอหรือเปล่า
‘ ไม่ไม่ อย่าเสียฟอร์มนะตะวัน เชิดไว้เธอเป็นสุดยอดนางแบบนะ ’ แสงตะวันข่มความอาย พยายามทำตัวให้เป็นปรกติที่สุด
“ ปล่อยได้แล้ว จะกอดอีกนานไหม “ หญิงสาวละสายตาจากใบหน้าตรงหน้า ลงมามองที่มือเรียวยาวที่กอดเอวเธออยู่
‘ นี่มือผู้ชายแน่หรือทำไมมันช่างสวยขนาดนี้ ‘
ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมือออกจากเอวคอดนั่น
“ เจ็บตรงไหนไหมครับ ” เขาถามซ้ำ สายตาก็พยายามสำรวจว่า หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ามีบาดแผลหรือไม่ เขามองจนมั่นใจได้ว่า เธอไม่มีแผลหรือบาดเจ็บอะไรแน่ นอกจากรองเท้าที่กลายเป็นถั่วปากอ้าเท่านั้น พนักงาน 2-3 คนที่เห็นเหตุการณ์ รีบเข้ามาช่วยพยุงแสงตะวัน ชายหนุ่ม จับที่ข้อมือข้างที่เขาใช้จับราวบันไดเมื่อกี้ นาฬิกาเรือนเก่งของเขาหายไปจากข้อมือ เขามองหามันในบริเวณที่เกิดเหตุ
“ สงสัยหล่นลงสระไปแล้ว “ เขาพึมพำเบาๆพร้อมถอนหายใจ เมื่อมองลงไปด้านล่างที่เป็นสระน้ำที่ทำเป็นน้ำตกจำลอง ความหวังที่จะเจอแล้วใช้การได้เหมือนเดิมคงไม่มี
ท่าทางที่แสดงถึงความเสียใจนั่น ทำให้แสงตะวันรู้สึกเสียใจที่ทำให้เขาต้องเสียของรักไป
‘ สำคัญมากนักรึไง เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ก็ได้ ‘ เธอตะโกนบอกเขาด้วยสายตา
“ ตะวัน ตะวัน เป็นไงบ้าง ” แสงจันทร์วิ่งเข้ามาดูน้องสาวอย่างเป็นห่วง เธอรีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานทันที เมื่อมีคนเข้ามาบอกว่าแสงตะวันตกบันได
“ สบายดี จันทร์ เราไม่เป็นไร ไร้รอยขีดข่วนใดๆเลยนะ ” แสงตะวันหมุนตัวโชว์ เธอไม่อยากเห็นสีหน้าไม่สบายใจแบบนี้ของพี่สาว
“ รองเท้าเรามันเกเร สงสัยใช้งานมันมากไปหน่อย ส้นรองเท้ามันเลยขอลาออกแบบถาวร ” เธอพูดตลกเพื่อกลบเกลื่อน สายตาแอบเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตอบคำถามของสาวๆที่เข้าไปรุมล้อมด้วยความเป็นห่วง อาการหมั่นใส่ก็ประทุออกมาไม่รู้ตัว
“ ไปจันทร์ กลับไปที่ห้องทำงานกัน ” จมูกเรียวยาวเชิดขึ้น สายตาฉายแววไม่สบอารมณ์กับภาพที่เห็น แต่จากรองเท้าที่ส้นหักทำให้การเดินของเจ้าหล่อนอยู่ในสภาพทุลักทุเล รู้สึกตัวอีกร่างบางๆก็ลอยละลิ่วอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน
“ ปล่อยเรานะ ณรงค์ “ เมื่อเห็นหน้าคนอุ้มชัดเจน แสงตะวันดิ้นสุดตัว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องปล่อยตัว
“ มาได้ไง แล้วมาทำไม “ เสียงแห่งความไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่เท้าเธอแตะพื้น แต่สายตากลับมองไปอีกทาง เธอกลัวคนตรงข้ามจะเห็นตอนที่เธอโดนอุ้ม แต่จากสายตาที่เขามองเธอมันช่างทำให้เธอยิ่งโกรธ
ณรงค์ฤทธิ์ มากขึ้นไปอีก แก้มของแสงตะวันเป็นสีแดงด้วยความโกรธและอายปนกัน
‘ มองแบบนั้นหมายความว่าไงเนี่ย ยังมายิ้มแบบนี้อีก มันน่าทุบนัก อีตาบ้า บ้า บ้า บ้า ’ เธอถลึงตาโตคู่งามใส่ฝ่ายตรงข้าม ปากยื่นขึ้นมาจนเกือบชนกับจมูกรั้นๆ พร้อมสะบัดหน้าหนีซ่อนความอายจากสายตาของเขาที่มองมาที่เธอ
นิยาย จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ -บทที่ 1 - (โดย เพอฟูเม่ ติ่งตี่เจมส์ มาร์ )
บทแรก การค้นพบ http://ppantip.com/topic/32121665
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
บทที่ 1
ห้องประชุมของสถาบันวิจัยธรรมชาติ จันทรวลัย วันนี้เต็มไปด้วยนักวิชาการจากหลายประเทศเข้ามาร่วมฟังการบรรยายการทำงาน และผลงานความสมบูรณ์ของป่าที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจาก ป่าเซลวาสของสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และเมื่อการ Present ของ ดร.กรชวัล จบลง เสียงปรบมือแสดงความชื่นชมดังไม่หยุด หลายคนต่างเข้าไปแสดงความยินดีกับผู้บรรยายคนเก่ง สีหน้าของทุกคนต่างพอใจ เหล่านักวิชาการและนักลงทุนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าควรมีการเพิ่มทุนให้กับทางสถาบันฯ แห่งนี้ เพื่อสานต่อโครงการที่มีประโยชน์อื่นๆอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงงานนี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงการสรุปผลงานอันน่าทึ่งของหัวหน้าคนเก่งของพวกเขา
“ ดร.กร เธอเก่งจริงๆเนอะ งานไหนงานนั้น ไม่มีพลาด ” เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยปากอย่างชื่นชม
“ ใช่ๆ เห็นหน้าละอ่อนแบบนั้น ฝีมือขั้นเทพ “ อีกคนรีบสมทบด้วยสายตาท่าทางเคลือบเคลิ้ม “ บรรยายได้น่าฟัง เสียงก็เพราะเนื้อหาก็ฟังข้าใจ มองเห็นภาพดี ”
ดร. กรชวัล ดิศราณุกรณ์ ขึ้นชื่อทั้งในเรื่อง การวางตัว และอัธยาศัยที่เขามีต่อทุกคน แม้อายุจะเริ่มเข้าเลข 3 ซึ่งผิดกับหน้าตาที่ดูยังไงก็แค่ 20 ต้นๆ บวกกับการทำงานในแต่ละโครงการ ผลงานที่ออกมาก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทุกครั้ง ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของสาวแท้ สาวเทียม ที่ต่างออกปากชมกันเสมอว่า ‘ ไม่หล่อมากมาย แต่ทำให้ใจละลายได้เสมอ ’
“ ตาจืดนั่นคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลื้มกับผลงานตัวเองอยู่แน่เลยเนอะจันทร์ “ น้ำเสียงที่แลดูประชดประชันนี้ออกมาจากปากสาวท่าทางเปรี้ยวจี๊ดแทบเข็ดฟัน
“ นี่ตะวัน ที่พูดถึงนั่น หนะ คือคนที่ทำให้จันทร์ได้เงินสนับสนุนมานะ” แสงจันทร์ ส่ายหน้าเล็กน้อย ระอากับท่าทางและคำพูดของน้องสาว
นางสาว แสงตะวัน วัฒนเวศ นางแบบสาวแสนมั่น ที่กำลังเป็นที่จับตามองของทุกสื่อ ความดังของเธอไม่ได้มาเพราะความสวย แต่ได้มาเพราะความเป็นมืออาชีพในการทำงานทำให้ชื่อเสียงของเธอดังไปไกลยังต่างประเทศ เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ ฉลาด และเก่งในงานที่เธอทำ แต่ทุกครั้งที่ได้มาเจอ ดร.กรชวัล คนคนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ท่าทียักไหล่เล็กน้อยทำทีไม่สนใจในสิ่งที่พี่สาวพูด แต่สายตากลับมองหาใครซักคนขณะที่กำลังเดินไปยังห้องทำงานของแสงจันทร์
“ เราถามหน่อย วันนี้นึกยังไง มาหากันถึงที่นี่ได้ คงไม่ใช่แค่ว่าอยากจะมาฟังการบรรยาย เท่านั้นละมั้งจ๊ะ ” แสงจันทร์ เร่งฝีเท้าเดินมาดักหน้าน้องสาวคนสวยของเธอ
“ ทำไมละจันทร์ ตะวันก็แค่อยากมาเจอ เราไปทำงานที่สิงคโปร์ ตั้ง 2 อาทิตย์ คิดถึ้ง คิดถึง ” เธอพูดไปก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆ หมายจะหอมแก้มพี่สาว
“ เดี๋ยวเถอะตะวัน เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ “ แสงจันทร์ หมุนตัวหลบแทบไม่ทัน แสงตะวันเห็นท่าทางเขินของอีกฝ่ายก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ
แม้ว่าทั้งสอง จะเป็นพี่น้องฝาแฝดก็ตาม แต่ไม่ว่าจะหน้าตา นิสัยใจคอ ความชอบในเรื่องต่างๆกลับแตกต่างกันสุดขั้ว แสงตะวัน จะขี้เล่น ซุกซน ชื่นชอบความท้าทาย ส่วนแสงจันทร์จะเรียบร้อย อ่อนหวาน สุขุมรอบคอบ ส่วนเรื่องความสวย ทั้งคู่มีไม่แพ้กัน
“ ตะวัน จันทร์ถามหน่อยซิ ซีเรียสนะ ช่วงนี้มีฝันอะไรแปลกๆบ้างไหมอะ 2 อาทิตย์มานี้ จันทร์ฝันแปลกๆหละ “ น้ำเสียงแสดงความไม่สบายใจ เธอจ้องตาน้องสาวมุ่งมั่นอยากได้คำตอบจากคนตรงหน้า ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“ ป๋าโทรมา ขอรับก่อนนะจันทร์ ” ตะวันรู้สึกโล่งใจที่ มีตัวช่วยไม่งั้นเธอก็ต้องตอบคำถาม ที่ไม่อยากตอบ ระหว่างพี่น้องทั้งคู่ไม่เคยโกหกกันจึงรู้ดีว่า ถ้าแสงจันทร์ได้คำตอบจากเธอ จะต้องคิดมากแน่นอน ทิ้งไว้ให้คลุมเครือแบบนี้ยังดีกว่า
หญิงสาวเดินถือโทรศัพท์ออกมาพูดคุยด้านนอกห้องทำงาน โถงทางเดินด้านนอก ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ช่องแสงขนาดใหญ่ด้านบนทำให้ภายในตัวอาคาร มีความสว่าง การจัดพื้นที่ภายในที่เน้นความร่มรื่น และความสบายตา เป็นการออกแบบที่ใครๆที่ได้เข้ามายังสถาบันฯแห่งนี้ก็ออกปากชมตลอดเวลา แสงตะวันเดินทอดสายตาไปเรื่อยๆ นึกถึงช่วงเวลาการพบกันครั้งแรก ระหว่าง เธอกับเขาคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรง เคอะเขิน และแลดูเป็นผู้หญิงที่แสนเอาแต่ใจทุกครั้งที่ได้เจอกัน
“ โอ๊ย “ ร่างของหญิงสาวเซล้มลง ช่วงเวลานั้นภายในใจคิดแต่เพียงว่า แย่แล้ว แต่เหมือนทุกอย่างรอบตัวเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เธอค่อยๆลืมตาขึ้นสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าของเธอ คือใบหน้าขาวๆ และหน่วยตาเล็กๆ กำลังจ้องตาของเธออยู่
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย มือข้างหนึ่งของเขาโอบรอบเอวบางของเธอส่วนอีกมือก็จับราวบันไดไว้แน่น ถ้าช้าอีกเพียงนิด หรือถ้ามือไม่ไวพอ ร่างของเขาและเธอคงลงไปนอนกลิ้งอยู่ด้านล่างแน่นอน “ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ” เสียงทุ้มต่ำ ดังขึ้นข้างหู ทำให้แสงตะวันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดเจน เธออึดอัดขัดเขิน เกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้
‘ กรี๊ด ทำไงดี เขาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าชั้นนี่ ใกล้กันจนจมูกจะชนอยู่แล้ว ‘ ใบหน้าหญิงสาวเริ่มมีสีเลือดฝาดเด่นชัดขึ้น ความใกล้ ทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมจากคนตรงหน้า กลิ่นหอมเย็นๆ เธอกลัวว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้ ถ้าเขารู้จะหัวเราะเยาะเธอหรือเปล่า ‘ ไม่ไม่ อย่าเสียฟอร์มนะตะวัน เชิดไว้เธอเป็นสุดยอดนางแบบนะ ’ แสงตะวันข่มความอาย พยายามทำตัวให้เป็นปรกติที่สุด
“ ปล่อยได้แล้ว จะกอดอีกนานไหม “ หญิงสาวละสายตาจากใบหน้าตรงหน้า ลงมามองที่มือเรียวยาวที่กอดเอวเธออยู่ ‘ นี่มือผู้ชายแน่หรือทำไมมันช่างสวยขนาดนี้ ‘
ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมือออกจากเอวคอดนั่น “ เจ็บตรงไหนไหมครับ ” เขาถามซ้ำ สายตาก็พยายามสำรวจว่า หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ามีบาดแผลหรือไม่ เขามองจนมั่นใจได้ว่า เธอไม่มีแผลหรือบาดเจ็บอะไรแน่ นอกจากรองเท้าที่กลายเป็นถั่วปากอ้าเท่านั้น พนักงาน 2-3 คนที่เห็นเหตุการณ์ รีบเข้ามาช่วยพยุงแสงตะวัน ชายหนุ่ม จับที่ข้อมือข้างที่เขาใช้จับราวบันไดเมื่อกี้ นาฬิกาเรือนเก่งของเขาหายไปจากข้อมือ เขามองหามันในบริเวณที่เกิดเหตุ “ สงสัยหล่นลงสระไปแล้ว “ เขาพึมพำเบาๆพร้อมถอนหายใจ เมื่อมองลงไปด้านล่างที่เป็นสระน้ำที่ทำเป็นน้ำตกจำลอง ความหวังที่จะเจอแล้วใช้การได้เหมือนเดิมคงไม่มี
ท่าทางที่แสดงถึงความเสียใจนั่น ทำให้แสงตะวันรู้สึกเสียใจที่ทำให้เขาต้องเสียของรักไป ‘ สำคัญมากนักรึไง เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ก็ได้ ‘ เธอตะโกนบอกเขาด้วยสายตา
“ ตะวัน ตะวัน เป็นไงบ้าง ” แสงจันทร์วิ่งเข้ามาดูน้องสาวอย่างเป็นห่วง เธอรีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานทันที เมื่อมีคนเข้ามาบอกว่าแสงตะวันตกบันได
“ สบายดี จันทร์ เราไม่เป็นไร ไร้รอยขีดข่วนใดๆเลยนะ ” แสงตะวันหมุนตัวโชว์ เธอไม่อยากเห็นสีหน้าไม่สบายใจแบบนี้ของพี่สาว
“ รองเท้าเรามันเกเร สงสัยใช้งานมันมากไปหน่อย ส้นรองเท้ามันเลยขอลาออกแบบถาวร ” เธอพูดตลกเพื่อกลบเกลื่อน สายตาแอบเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตอบคำถามของสาวๆที่เข้าไปรุมล้อมด้วยความเป็นห่วง อาการหมั่นใส่ก็ประทุออกมาไม่รู้ตัว
“ ไปจันทร์ กลับไปที่ห้องทำงานกัน ” จมูกเรียวยาวเชิดขึ้น สายตาฉายแววไม่สบอารมณ์กับภาพที่เห็น แต่จากรองเท้าที่ส้นหักทำให้การเดินของเจ้าหล่อนอยู่ในสภาพทุลักทุเล รู้สึกตัวอีกร่างบางๆก็ลอยละลิ่วอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน
“ ปล่อยเรานะ ณรงค์ “ เมื่อเห็นหน้าคนอุ้มชัดเจน แสงตะวันดิ้นสุดตัว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องปล่อยตัว
“ มาได้ไง แล้วมาทำไม “ เสียงแห่งความไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่เท้าเธอแตะพื้น แต่สายตากลับมองไปอีกทาง เธอกลัวคนตรงข้ามจะเห็นตอนที่เธอโดนอุ้ม แต่จากสายตาที่เขามองเธอมันช่างทำให้เธอยิ่งโกรธ ณรงค์ฤทธิ์ มากขึ้นไปอีก แก้มของแสงตะวันเป็นสีแดงด้วยความโกรธและอายปนกัน ‘ มองแบบนั้นหมายความว่าไงเนี่ย ยังมายิ้มแบบนี้อีก มันน่าทุบนัก อีตาบ้า บ้า บ้า บ้า ’ เธอถลึงตาโตคู่งามใส่ฝ่ายตรงข้าม ปากยื่นขึ้นมาจนเกือบชนกับจมูกรั้นๆ พร้อมสะบัดหน้าหนีซ่อนความอายจากสายตาของเขาที่มองมาที่เธอ