เป็นการเริ่มต้นของการเขียนนิยาย ไม่ได้เก่งกาจ วาดหวังไว้สูงนัก และแต่งขึ้นจากจินตนาการ มิได้พาดพิงหรือ บิดเบือนความจริงจากเรื่องใดๆนะคะ ( เป็นเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้นนะคะ)
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
- ค้นพบ -
เมื่อความมืดได้เข้ามาแทนที่แสงสุดท้ายที่ค่อยๆลับหายไป แสงนวลจางๆ จากพระจันทร์ดวงน้อย ที่ทอแสงทำหน้าที่ให้ความสว่างแก่กลุ่มนักสำรวจ กว่า 10 ชีวิตที่เข้ามาทำหน้าที่เก็บตัวอย่าง และข้อมูลทางธรรมชาติของป่าแห่งนี้ ซึ่งตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเก็บอุปกรณ์ และเตรียมพักผ่อนสำหรับคืนนี้ เป็นอีกวันที่แสนเหนื่อยสำหรับ
กรชวัล ชายหนุ่มวัย 30 ที่นำคณะนักวิชาการ เข้าป่ามาทำงานสำรวจและวิจัยด้านสภาพความสมบูรณ์ของพื้นป่า
เบญจภูมิ ป่าที่ได้ชื่อว่า อุดมสมบูรณ์ มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ของการทำงานที่นี่หลังจากทำงานหนักมาถึง 6 เดือนเต็ม งานทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เสียที เสียงวุ่นวายค่อยๆเงียบหายไป ได้ยินก็แต่เสียงหายใจเบาๆของเหล่าชาวคณะที่ต่างพากันหลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย ชายหนุ่มค่อยๆเอนกายลงเปลนอนด้วยความเหนื่อยล้าแต่ยังไม่ทันที่หลับตาสนิทดี กลิ่นหอมหวานอ่อนๆก็ลอยมาเตะจมูก สร้างความแปลกใจไม่น้อย เขาไม่สามารถทัดทานความสงสัยในที่มาของกลิ่นพิเศษนี้ได้ เขาจึงพยายามลืมตาเล็กๆของเขาเพ่งมองหาที่มาของกลิ่น
“ แปลกจัง กลิ่นอะไรเนี่ย อยู่มาหลายเดือนไม่เคยได้กลิ่น ดอกไม้ชนิดไหนกันนะ ” เขาพึมพำเบาๆ พร้อมกับลุกขึ้น เพื่อเดินหาต้นไม้ที่เป็นต้นตอของกลิ่นหอมนี้
“ นาย นาย นายกร นั่นนายจะไปไหนครับ ” เสียงแหบๆดังขึ้นทันทีเมื่อ กรชวัล เดินผ่านที่พักของนายอุ่น หนึ่งในคนงานที่เข้ามาช่วยดูแลอำนวยความสะดวกแก่คณะสำรวจนี้
“ ขอโทษนะครับ ทำให้ลุงอุ่นตื่นเลย ” ชายหนุ่มก้มหัวลงเล็กน้อย สายตาแสดงความเกรงใจในที
“ เปล่าครับนาย ผมยังไม่ได้นอนครับ “ ลุงอุ่นรีบตอบทันทีเมื่อเห็นท่าทางที่แสนสุภาพของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า
“ ตกลงนาย จะไปไหนครับ ทำไมยังไม่นอน คนอื่นๆเขาแข่งกันไปเฝ้าพระอินทร์กันหมดแล้วนะครับ ” ลุงอุ่นพูดพร้อมทำมือชี้ไปบนฟ้าประกอบ
กรชวัลยิ้มนึกขำในคำพูดและท่าทางของลุงอุ่น
“ ลุงได้กลิ่นหอมๆมั่งไหมครับ ผมกำลังเดินหาที่มาของมัน อยากรู้จังว่าต้นอะไร “
ชายแก่ส่ายหัว
“ไม่นะครับ ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลยครับ นายกร ไปนอนได้แล้วครับ ค่ำๆมืดๆ อย่ามาเดินแบบนี้ ไปพักผ่อนนะครับ มามาผมเดินไปส่งครับ ” แกพูดไปมือก็ดันหลัง กรชวัล ให้เดินกลับไปที่เต็นท์ อย่างเอ็นดู แต่ภายในแววตาของลุงอุ่น กลับฉายแววหวาดหวั่นอย่างประหลาด
ชายหนุ่มกลับมานอนอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่แต่ตัวเขาเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะดื้อดึง เขาหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ต้องมาสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงกระซิบเรียก
“ ใคร ใครครับ “ เขายันกายลุกขึ้นยืน มองไปตามเสียงเรียกนั้น จมูกรับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำ ส่วนขาตัวดีสมองยังไม่ได้สั่งงาน ก็เดินตามเสียงเรียกอย่างว่าง่าย แสงสีนวลส่องนำทาง ความสว่างจากแสงดาวในคืนเดือนหงาย เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่ม ตาเรียวยาวเล็กๆคู่นั้น กำลังมองหาที่มาของเสียงเรียกที่ได้ยิน ริมฝีปากเริ่มสั่นเล็กน้อยจากความหนาวที่มาปะทะร่างกาย จมูกเป็นสันโด่งได้รูป คิ้วหนา ช่างตัดกันกับผิวที่ขาวจัด พลันสายตาของชายหนุ่มก็สะดุดที่
ของ สิ่งหนึ่ง เขารีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหามัน สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือ หินสีดำแกะสลักเป็นรูปเหรียญ มีขนาดเท่ากำปั้นเด็ก สิ่งที่ได้พบทำให้เขาลืมเรื่องเสียงเรียก และกลิ่นหอมประหลาดไปเสียสนิท เขาหยิบมันขึ้นมาโดยที่ตัวเขาไม่รู้เลยว่า ..... ณ.ตอนนี้ ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
นิยาย จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ - ค้นพบ - (จากติ่งตี๋เจมส์ มาร์)
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
- ค้นพบ -
เมื่อความมืดได้เข้ามาแทนที่แสงสุดท้ายที่ค่อยๆลับหายไป แสงนวลจางๆ จากพระจันทร์ดวงน้อย ที่ทอแสงทำหน้าที่ให้ความสว่างแก่กลุ่มนักสำรวจ กว่า 10 ชีวิตที่เข้ามาทำหน้าที่เก็บตัวอย่าง และข้อมูลทางธรรมชาติของป่าแห่งนี้ ซึ่งตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการเก็บอุปกรณ์ และเตรียมพักผ่อนสำหรับคืนนี้ เป็นอีกวันที่แสนเหนื่อยสำหรับ กรชวัล ชายหนุ่มวัย 30 ที่นำคณะนักวิชาการ เข้าป่ามาทำงานสำรวจและวิจัยด้านสภาพความสมบูรณ์ของพื้นป่า เบญจภูมิ ป่าที่ได้ชื่อว่า อุดมสมบูรณ์ มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ของการทำงานที่นี่หลังจากทำงานหนักมาถึง 6 เดือนเต็ม งานทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เสียที เสียงวุ่นวายค่อยๆเงียบหายไป ได้ยินก็แต่เสียงหายใจเบาๆของเหล่าชาวคณะที่ต่างพากันหลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย ชายหนุ่มค่อยๆเอนกายลงเปลนอนด้วยความเหนื่อยล้าแต่ยังไม่ทันที่หลับตาสนิทดี กลิ่นหอมหวานอ่อนๆก็ลอยมาเตะจมูก สร้างความแปลกใจไม่น้อย เขาไม่สามารถทัดทานความสงสัยในที่มาของกลิ่นพิเศษนี้ได้ เขาจึงพยายามลืมตาเล็กๆของเขาเพ่งมองหาที่มาของกลิ่น
“ แปลกจัง กลิ่นอะไรเนี่ย อยู่มาหลายเดือนไม่เคยได้กลิ่น ดอกไม้ชนิดไหนกันนะ ” เขาพึมพำเบาๆ พร้อมกับลุกขึ้น เพื่อเดินหาต้นไม้ที่เป็นต้นตอของกลิ่นหอมนี้
“ นาย นาย นายกร นั่นนายจะไปไหนครับ ” เสียงแหบๆดังขึ้นทันทีเมื่อ กรชวัล เดินผ่านที่พักของนายอุ่น หนึ่งในคนงานที่เข้ามาช่วยดูแลอำนวยความสะดวกแก่คณะสำรวจนี้
“ ขอโทษนะครับ ทำให้ลุงอุ่นตื่นเลย ” ชายหนุ่มก้มหัวลงเล็กน้อย สายตาแสดงความเกรงใจในที
“ เปล่าครับนาย ผมยังไม่ได้นอนครับ “ ลุงอุ่นรีบตอบทันทีเมื่อเห็นท่าทางที่แสนสุภาพของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า “ ตกลงนาย จะไปไหนครับ ทำไมยังไม่นอน คนอื่นๆเขาแข่งกันไปเฝ้าพระอินทร์กันหมดแล้วนะครับ ” ลุงอุ่นพูดพร้อมทำมือชี้ไปบนฟ้าประกอบ
กรชวัลยิ้มนึกขำในคำพูดและท่าทางของลุงอุ่น “ ลุงได้กลิ่นหอมๆมั่งไหมครับ ผมกำลังเดินหาที่มาของมัน อยากรู้จังว่าต้นอะไร “
ชายแก่ส่ายหัว “ไม่นะครับ ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลยครับ นายกร ไปนอนได้แล้วครับ ค่ำๆมืดๆ อย่ามาเดินแบบนี้ ไปพักผ่อนนะครับ มามาผมเดินไปส่งครับ ” แกพูดไปมือก็ดันหลัง กรชวัล ให้เดินกลับไปที่เต็นท์ อย่างเอ็นดู แต่ภายในแววตาของลุงอุ่น กลับฉายแววหวาดหวั่นอย่างประหลาด
ชายหนุ่มกลับมานอนอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่แต่ตัวเขาเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะดื้อดึง เขาหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ต้องมาสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงกระซิบเรียก “ ใคร ใครครับ “ เขายันกายลุกขึ้นยืน มองไปตามเสียงเรียกนั้น จมูกรับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำ ส่วนขาตัวดีสมองยังไม่ได้สั่งงาน ก็เดินตามเสียงเรียกอย่างว่าง่าย แสงสีนวลส่องนำทาง ความสว่างจากแสงดาวในคืนเดือนหงาย เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่ม ตาเรียวยาวเล็กๆคู่นั้น กำลังมองหาที่มาของเสียงเรียกที่ได้ยิน ริมฝีปากเริ่มสั่นเล็กน้อยจากความหนาวที่มาปะทะร่างกาย จมูกเป็นสันโด่งได้รูป คิ้วหนา ช่างตัดกันกับผิวที่ขาวจัด พลันสายตาของชายหนุ่มก็สะดุดที่ ของ สิ่งหนึ่ง เขารีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหามัน สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือ หินสีดำแกะสลักเป็นรูปเหรียญ มีขนาดเท่ากำปั้นเด็ก สิ่งที่ได้พบทำให้เขาลืมเรื่องเสียงเรียก และกลิ่นหอมประหลาดไปเสียสนิท เขาหยิบมันขึ้นมาโดยที่ตัวเขาไม่รู้เลยว่า ..... ณ.ตอนนี้ ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป