ตอนที่ 1 และ 2 ค่ะ
http://ppantip.com/topic/30512776
ตอนที่ 3เมื่ออุษาสาง
ใกล้จะถึงแล้วหมู่บ้านสบช้างที่คนในหมู่บ้านม้งพูดถึงแล้ว เธอตระเวนไปทั่วทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนามในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะคำบอกเล่าที่หมู่บ้านม้งทางเหนือของหลวงพระบางนั่นเองที่ทำให้เธอต้องย้อนกลับมาลาวอีกครั้ง เทศกาลพระจันทร์พรายและอั้วแสงจันทร์ ดอกกล้วยไม้ดินที่จะผลิบานเฉพาะคืนพระจันทร์พรายเท่านั้น หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำคนนำทางให้เสร็จสรรพ แสงอุษาหวังว่าสบช้าง พระจันทร์พราย และอั้วแสงจันทร์จะคุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้ของเธอ
นอกจากจะได้พักผ่อนแล้วยังได้ภาพสวยๆไว้ไปเป็นข้อมูลเขียนคอลัมน์อีกด้วยคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แสงอุษานึกคำนวณในใจคร่าวๆว่ากลับไปเธอคงเขียนคอลัมม์ได้เกือบสิบเรื่อง หากถ้าไม่นับที่บังเอิญไปเห็นอัฌชาให้ใจแกว่งเมื่อสองวันก่อนการพักร้อนของเธอครั้งนี้จะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว แสงอุษาไม่ได้นับว่าอัฌชาคือเรื่องไม่ดี แต่มันดีเกินไปจนเธอไม่อาจรับไว้ต่างหาก ครบสองอาทิตย์แล้วตั้งแต่หยุดงานมาที่เธอไม่ได้ติดต่อกลับเมืองไทยเลย แม่กับพ่อคงไม่เป็นห่วงเธอเท่าไหร่เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่เชียงใหม่เธอก็แทบจะไม่ได้เจอทั้งสองคนเลยนอกจากโทรศัพท์ติดต่อกันนานๆครั้ง พ้นจากภูเขาลูกนี้ก็จะถึงสบช้างแล้ว คุณลุงคำมาผู้นำทางบอกว่าจะอับสัญญาณไปตลอด หมู่บ้านสบช้างที่พักแรมคืนนี้ก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใดใด
“สวัสดีค่ะพ่อ ษาคิดถึงจังค่ะ ตอนนี้ษาอยู่ที่ลาวค่ะมาเที่ยวด้วยทำงานด้วย พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ฝากบอกแม่ด้วยว่าษาคิดถึง เท่านี้ก่อนค่ะไม่ค่อยมีสัญญาณเลย พ่อดูแลตัวเองด้วยนะคะ ษารักพ่อค่ะ” แสงอุษาเพียงฝากข้อความเสียงถึงพ่อเธอเท่านั้น ไม่ได้โทรไปคุยอย่างที่คิดไว้ทีแรก เธอสนิทกับศักดิเดชผู้เป็นพ่อมากกว่าเพลินตาผู้เป็นแม่ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผิดกับบวรพงษ์พี่ชายของเธอที่ติดแม่แจ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ยิ่งแย่ลงหลังจากปัญหาเรื่องเธอกับอัฌชา
แสงอุษาต่ออีกสายไปที่ทำงานหานิชคุณ “ดีค่ะพี่หนิง ษาโทรมากวนหรือเปล่าคะ”
“โอ้ย ยัยษา นังชะนีชีไพร ฉันก็รอว่าเมื่อไหร่หล่อนจะออกจากป่าโทรหาฉันได้ ส่งอีเมลไปก็ไม่มีตอบกลับ ทำไมยะผู้ชายแถวนั้นมันน่าล่อลวงมากหรือไงถึงไม่มีกะจิตกะใจจะติดต่อฉันบ้าง เฟสบุ๊คก็ไม่อัพเดตปล่อยฉันรอเก้อนึกว่าหล่อนจะมีรูปผู้ชายให้ฉันกรุ่มกริ่ม” นิชคุณพูดมาแบบไม่มีหลบฉาก ทำเอาแสงอุษาหลุดหัวเราะออกมา
“แหมพี่หนิงคะ จะถามสักคำว่าน้องสบายดีหรือเปล่าก็ไม่เลย ถามหาแต่หนุ่มตลอด ษาแค่โทรมาบอกค่ะว่าจะไปตามหาช้างเผือกรูปงามในป่าเพราะฉะนั้นประดาผู้ชายในเมืองที่ษาถ่ายเก็บไว้ให้พี่หนิงเนี่ย รอไปชมที่เชียงใหม่พร้อมกันจะดีกว่า” แสงอุษาเย้านิชคุณ
“ให้แน่เถอะย่ะ ฉันจะรอดูช้างเผือกที่หล่อนว่า ถ้าเกิดพบแล้วลากเข้ากรุงเลยนะยะ เอามาสังเวยเจ้าแม่หนิงหนิงเพื่อความงามอันเป็นอมตะ ว่าแล้วฉันไปทำสปาต่อดีกว่า น้องทะลายหมากรออยู่”
“อร้าย พี่หนิงคะ น้องหมากยังยืนยงคงกระพันนะคะ ษานึกว่าเปลี่ยนใจหาคนอื่นแล้วเสียอีก”
“ย่ะหล่อน คนนี้ฉันปลื้ม เท่านี้นะ ฉํนจะไปฟินต่อ” นิชคุณพูดตัดบทแล้ววางสายไปก่อนเช่นทุกครั้ง แสงอุษาได้แต่หัวเราะร่วนคนเดียว
การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้งแสงอุษามองผืนป่าตรงหน้าอย่าพึงพอใจ ภูมิทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่เธอล่องเรือมาแตกต่างอย่างชัดเจนกับที่นี่ สองชายฝั่งแม่น้ำโขงขณะล่องเรือมานั้นป่าไม้ถูกตัดจนเหลือเพียงภูเขาหญ้าและพืชไร่ของชาวเขา ที่นี้เธอเห็นนกเงือก หมูป่ารวมถึงกวางสวนสนามกันไปมาชัดเจน พระอาทิตย์ใกล้ลับเหลี่ยมเขาแล้วเมื่อลุงบุญคำมาพาแสงอุษาและโสภา ลูกสาวของลุงบุญคำมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ แม่ของโสภาเป็นคนของหมู่บ้านนี้หากลุงบุญคำเป็นม้ง ลุงบุญคำจึงต้องพาทั้งลูกและเมียเดินทางมาเยี่ยมญาติบ่อยครั้ง ผิดแต่ครั้งนี้เขาพาแขกต่างถิ่นมาพร้อมลูกสาวเท่านั้น
“พี่อัฌชา” แสงอุษาอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าสิ้นสุดปลายทางหมู่บ้านสบช้างที่ลุงบุญคำนำทางมามีใครมาถึงก่อนแล้ว เธอจะหันหลังกลับไปก็ไม่ได้จะให้เดินหน้าก็ยังเกรงหัวใจตัวเองอยู่
“คุณษาเจ้า เป็นอะหยังไปก่ะเจ้า” อั้วคำลูกสาวลุงบุญคำเดินเข้าประชิดถาม
“เปล่าจ่ะ พี่แค่เจอคนรู้จักเท่านั้น”
“ใช่คนที่นั่งอยู่นั่นก่อ รูปงามแท้” อั้วคำเพยิดหน้าไปทางอัฌชา
“อั้วคำ เจ้าอย่าไปเซ้าซี้พี่ษาเขา ยุ่งแท้เป็นเด็กเป็นเล็กอยู่” บุญคำส่งเสียงปรามมา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุงบุญคำ อั้วคำก็ถามตามประสาเด็ก” แสงอุษาหันไปหาอั้วคำแล้วยิ้มตอบไป
“จ่ะอั้วคำ เขาเป็นอาจารย์ที่มหาลัยที่พี่เรียน” แสงอุษาอธิบายไปตามนั้น
“เป็นพ่อครูนั่นเอง” แล้วอั้วคำก็ยิ้มแฉ่งวุ่งปรู๊ดเดียวไปถึงอัฌชาทียังคงทำหน้างงอยู่
“พ่อครู เป็นครูของพี่ษา อั้วคำไหว้เจ้า” อั้วคำเอ่ยเสียงไม่เบานักขณะที่แสงอุษาและบุญคำเดินตามหลังมาติดๆ
“สวัสดีครับอั้วคำ แสงอุษา คุณลุง” อัฌชาไม่อาจเลี่ยงได้อีกเมื่อคนเปิดการสนทนาคืออั้วคำ ไม่ใช่แสงอุษา “ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอษาที่นี่ สบายดีหรือ”
“ษาก็สบายดีเป็นปกติค่ะ” กลับเป็นแสงอุษาเองที่เปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงไม่ทันเพราะมันฟังดูไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน
ไม่ทันที่จะสนทนากันต่อ หนานอินก็ตะโกนเรียกให้ทุกคนเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมทั้งทักทายบุญคำอย่างสนิทสนม คนที่นี่ดูเหมือนจะรู้จักกันไปหมด อั้วคำดูเหมือนจะมีความสุขที่ได้กลับมาเยี่ยมญาติจึงวิ่งปรื๋อออกไปก่อน
อัฌชาจึงสงวนคำพูดที่คิดจะต่อปากต่อคำกับแสงอุษาเอาไว้ก่อน เมื่อหลีกหนีกันยังไงก็ไม่พ้นแบบนี้ จะด้วยเพราะพระพรหมเป็นใจหรืออะไรก็ตาม เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่า เวลาที่เปลี่ยนไปบวกกับความคิดที่โตขึ้นตามวัย ความรักของเขาและแสงอุษาอาจจะง่ายกว่าครั้งเก่าก็ได้ สองปีนานเกินไปแล้วที่จะหนีหัวใจตัวเอง
แสงอุษาเองก็ได้คิดทบทวน เธอหนีเขานับครั้งไม่ถ้วนตลอดสองปีที่ผ่านมา หลังจากที่เลิกกันใหม่ๆ เธอเคยแอบไปดูอัฌชาที่คณะด้วยซ้ำ หากสองปีที่ผ่านมาเมื่อัฌชาไม่เคยตามมาปรับความเข้าใจ เธอก็เข้าใจไปเองว่าเขาคงหมดรักเธอแล้วจริงๆ ถ้าการพบกันที่หลีกเลี่ยงได้ยากครั้งนี้เปิดโอกาสให้เธอเริ่มต้นใหม่กับเขา แสงอุษารู้ดีว่ามีคำตอบเดียวเท่านั้นที่เธอตอบแก่ตัวเองได้
“มาเถอะ ใกล้จะมืดแล้ว” หนานอินเร่งทุกคน
หนานอินและบุญคำเดินนำทุกคนไปที่หน้าเรือนไม้หลังใหญ่ หน้าบ้านเป็นลานกว้างมีกองฟืนจุดไฟอยู่ หกโมงเย็นพอดีเมื่อทุกคนได้นั่งลงพูดคุยกับผู้เฒ่าตื้อผู้ใหญ่บ้านสบช้าง บุญคำและอั้วคำแยกตัวไปพักที่บ้านญาติไม่ไกลนัก คณะของอัฌชาทั้งหมดได้พักที่บนเรือนของผู้เฒ่าตื้อ หากแสงอุษา ผู้เฒ่าตื้อจัดให้พักที่เรือนผูกหลังเล็กแยกมาทางชานบ้านทิศใต้เพื่อไม่ให้ปะปนกับผู้ชายและมีบันใดขึ้นลงห้องน้ำส่วนตัว
หลังจากอาหารมื้อเย็นที่ผู้มาใหม่หุงหากันเดี๋ยวนั้นเพราะชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านถือศีลแปดงดเว้นอาหารค่ำ สุรวงศ์และอัฌชามอบของฝากทั้งหมดที่นำมาพร้อมแสดงเจตนาถึงการมาครั้งนี้ต่อผู้เฒ่าตื้อ แสงอุษาเองก็เช่นกัน เธอบอกถึงจุดประสงค์ว่าจะผ่านทางไปชมทุ่งอั้วแสงจันทร์จากนั้นก็ต่างแยกย้ายไปดูแลตัวเอง
คืนแรกที่สบช้าง อัฌชาแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์จากระเบียงห้อง พระจันทร์คืนนี้ดูสุกสว่างกว่าที่เขาเคยเห็นมาทั้งชีวิต พระจันทร์เสี้ยวขึ้นห้าค่ำดูเรียวราวเคียวเกี่ยวข้าว เขาอดนึกถึงฉากเดินทางไปเขาพระศิวะที่ รพินทร์ ไพรวัลย์ไปเห็นปิ่นพระศิวะในหนังสือ ‘เพชรพระอุมา’ ของ คุณพนมเทียนไม่ได้ เพียงขึ้นห้าค่ำพระจันทร์เสี้ยวก็ส่องแสงมลังมเลืองสว่างทั่ว ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าก็จริงแต่แสงจากพระจันทร์สว่างราวหลอดไฟทีเดียว
“น่าอาบน้ำชะมัด” อยู่ดีดีก็เกิดนึกอยากอาบน้ำขึ้นมา อัฌชาหันไปหาสุรวงศ์ที่หลับไปแล้ว เขาไม่คิดปลุกแต่อย่างใด จึงจัดข้าวของลงมาอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านล่างของเรือนไม้ ห้องน้ำที่เขาเห็นตั้งแต่ก่อนขึ้นไปเก็บของบนเรือน เกือบเที่ยงคืนแล้วนอื่นๆคงหลับกันหมด อัฌชาเดินลงมาที่ห้องน้ำอย่างเงียบๆด้วยเกรงจะปลุกคนอื่น
ห้องน้ำที่นี่แปลกกว่าห้องน้ำทั่วไป อัฌชาพบว่าด้านหน้าที่เห็นเป็นประตูนั้น แท้จริงคือกระดานไม้ขัดไว้เป็นช่องให้เดินเข้าไปในซุ้มดอกเล็บมือนางที่ออกดอกสะพรั่งไปทั้งต้น ส่งกลิ่มหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ เดินเข้ามาก็พบอ่างหินธรรมชาติมีกระบอกไม้ไผ่ส่งน้ำจากลำธารมาที่อ่างหิน จมูกอัฌชาได้กลิ่นหอมแปลกไป หอมเหมือนวานิลลา กุหลาบ และอบเชยผสมกัน หอมเหมือนตัวแสงอุษา ก่อนที่อัฌชาจะออกจากเงาซุ้มเล็บมือนางเขาก็ได้เห็นร่างงามของแสงอุษานอนทอดกายอยู่ติดกับอ่างหินนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอคงหมดสติเพราะอาบน้ำเย็นจัด
อัฌชาปราดเข้าไปประคองร่างบางขึ้นมาแนบอก พลางหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาคลุมร่างแสงอุษาไว้ เขาไม่พยายามมองร่างเปลือยเปล่านั่นมากนักหากสายตาก็อดชื่นชมมันไม่ได้ “ษา น้องษา ได้ยินพี่ไหม ษา” อัฌชาเรียกพลางสำรวจร่างกายอีกฝ่ายโดยเร็วว่ามีแผลหรือร่องรอยอันตรายใดใดหรือไม่ หากไม่พบอะไรผิดปกติ
“แสงอุษา ฟื้นสิครับ ษา น้องษา” อัฌชาอุ้มแสงอุษาแนบอกอีกครั้ง เขาพาเธอวางบนตั่งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอ่างหิน พลางนวดมือนวดเท้าเธอให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นพร้อมทั้งก้มลงแนบแก้มกับเธอหลายครั้งจนเนื้อตัวเธออุ่นขึ้น หากเธอก็ยังไม่ฟื้น
“ขืนถ้ายังมัวพยาบาลแบบงูๆปลาๆไปแบบนี้ ท่าทางจะไม่ดีแน่ ษาฟื้นสิครับ เร็วเข้า ไม่งั้นพี่จูบละนะ” อัฌชาพูดส่งไปแต่แสงอุษาก็ยังไม่ฟื้น เขาจึงก้มลงจูบเธอจริงๆ
[นิยาย] แสงอุษา: พระจันทร์พราย
ตอนที่ 3เมื่ออุษาสาง
ใกล้จะถึงแล้วหมู่บ้านสบช้างที่คนในหมู่บ้านม้งพูดถึงแล้ว เธอตระเวนไปทั่วทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนามในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะคำบอกเล่าที่หมู่บ้านม้งทางเหนือของหลวงพระบางนั่นเองที่ทำให้เธอต้องย้อนกลับมาลาวอีกครั้ง เทศกาลพระจันทร์พรายและอั้วแสงจันทร์ ดอกกล้วยไม้ดินที่จะผลิบานเฉพาะคืนพระจันทร์พรายเท่านั้น หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำคนนำทางให้เสร็จสรรพ แสงอุษาหวังว่าสบช้าง พระจันทร์พราย และอั้วแสงจันทร์จะคุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้ของเธอ
นอกจากจะได้พักผ่อนแล้วยังได้ภาพสวยๆไว้ไปเป็นข้อมูลเขียนคอลัมน์อีกด้วยคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แสงอุษานึกคำนวณในใจคร่าวๆว่ากลับไปเธอคงเขียนคอลัมม์ได้เกือบสิบเรื่อง หากถ้าไม่นับที่บังเอิญไปเห็นอัฌชาให้ใจแกว่งเมื่อสองวันก่อนการพักร้อนของเธอครั้งนี้จะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว แสงอุษาไม่ได้นับว่าอัฌชาคือเรื่องไม่ดี แต่มันดีเกินไปจนเธอไม่อาจรับไว้ต่างหาก ครบสองอาทิตย์แล้วตั้งแต่หยุดงานมาที่เธอไม่ได้ติดต่อกลับเมืองไทยเลย แม่กับพ่อคงไม่เป็นห่วงเธอเท่าไหร่เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่เชียงใหม่เธอก็แทบจะไม่ได้เจอทั้งสองคนเลยนอกจากโทรศัพท์ติดต่อกันนานๆครั้ง พ้นจากภูเขาลูกนี้ก็จะถึงสบช้างแล้ว คุณลุงคำมาผู้นำทางบอกว่าจะอับสัญญาณไปตลอด หมู่บ้านสบช้างที่พักแรมคืนนี้ก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใดใด
“สวัสดีค่ะพ่อ ษาคิดถึงจังค่ะ ตอนนี้ษาอยู่ที่ลาวค่ะมาเที่ยวด้วยทำงานด้วย พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ฝากบอกแม่ด้วยว่าษาคิดถึง เท่านี้ก่อนค่ะไม่ค่อยมีสัญญาณเลย พ่อดูแลตัวเองด้วยนะคะ ษารักพ่อค่ะ” แสงอุษาเพียงฝากข้อความเสียงถึงพ่อเธอเท่านั้น ไม่ได้โทรไปคุยอย่างที่คิดไว้ทีแรก เธอสนิทกับศักดิเดชผู้เป็นพ่อมากกว่าเพลินตาผู้เป็นแม่ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผิดกับบวรพงษ์พี่ชายของเธอที่ติดแม่แจ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ยิ่งแย่ลงหลังจากปัญหาเรื่องเธอกับอัฌชา
แสงอุษาต่ออีกสายไปที่ทำงานหานิชคุณ “ดีค่ะพี่หนิง ษาโทรมากวนหรือเปล่าคะ”
“โอ้ย ยัยษา นังชะนีชีไพร ฉันก็รอว่าเมื่อไหร่หล่อนจะออกจากป่าโทรหาฉันได้ ส่งอีเมลไปก็ไม่มีตอบกลับ ทำไมยะผู้ชายแถวนั้นมันน่าล่อลวงมากหรือไงถึงไม่มีกะจิตกะใจจะติดต่อฉันบ้าง เฟสบุ๊คก็ไม่อัพเดตปล่อยฉันรอเก้อนึกว่าหล่อนจะมีรูปผู้ชายให้ฉันกรุ่มกริ่ม” นิชคุณพูดมาแบบไม่มีหลบฉาก ทำเอาแสงอุษาหลุดหัวเราะออกมา
“แหมพี่หนิงคะ จะถามสักคำว่าน้องสบายดีหรือเปล่าก็ไม่เลย ถามหาแต่หนุ่มตลอด ษาแค่โทรมาบอกค่ะว่าจะไปตามหาช้างเผือกรูปงามในป่าเพราะฉะนั้นประดาผู้ชายในเมืองที่ษาถ่ายเก็บไว้ให้พี่หนิงเนี่ย รอไปชมที่เชียงใหม่พร้อมกันจะดีกว่า” แสงอุษาเย้านิชคุณ
“ให้แน่เถอะย่ะ ฉันจะรอดูช้างเผือกที่หล่อนว่า ถ้าเกิดพบแล้วลากเข้ากรุงเลยนะยะ เอามาสังเวยเจ้าแม่หนิงหนิงเพื่อความงามอันเป็นอมตะ ว่าแล้วฉันไปทำสปาต่อดีกว่า น้องทะลายหมากรออยู่”
“อร้าย พี่หนิงคะ น้องหมากยังยืนยงคงกระพันนะคะ ษานึกว่าเปลี่ยนใจหาคนอื่นแล้วเสียอีก”
“ย่ะหล่อน คนนี้ฉันปลื้ม เท่านี้นะ ฉํนจะไปฟินต่อ” นิชคุณพูดตัดบทแล้ววางสายไปก่อนเช่นทุกครั้ง แสงอุษาได้แต่หัวเราะร่วนคนเดียว
การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้งแสงอุษามองผืนป่าตรงหน้าอย่าพึงพอใจ ภูมิทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่เธอล่องเรือมาแตกต่างอย่างชัดเจนกับที่นี่ สองชายฝั่งแม่น้ำโขงขณะล่องเรือมานั้นป่าไม้ถูกตัดจนเหลือเพียงภูเขาหญ้าและพืชไร่ของชาวเขา ที่นี้เธอเห็นนกเงือก หมูป่ารวมถึงกวางสวนสนามกันไปมาชัดเจน พระอาทิตย์ใกล้ลับเหลี่ยมเขาแล้วเมื่อลุงบุญคำมาพาแสงอุษาและโสภา ลูกสาวของลุงบุญคำมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ แม่ของโสภาเป็นคนของหมู่บ้านนี้หากลุงบุญคำเป็นม้ง ลุงบุญคำจึงต้องพาทั้งลูกและเมียเดินทางมาเยี่ยมญาติบ่อยครั้ง ผิดแต่ครั้งนี้เขาพาแขกต่างถิ่นมาพร้อมลูกสาวเท่านั้น
“พี่อัฌชา” แสงอุษาอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าสิ้นสุดปลายทางหมู่บ้านสบช้างที่ลุงบุญคำนำทางมามีใครมาถึงก่อนแล้ว เธอจะหันหลังกลับไปก็ไม่ได้จะให้เดินหน้าก็ยังเกรงหัวใจตัวเองอยู่
“คุณษาเจ้า เป็นอะหยังไปก่ะเจ้า” อั้วคำลูกสาวลุงบุญคำเดินเข้าประชิดถาม
“เปล่าจ่ะ พี่แค่เจอคนรู้จักเท่านั้น”
“ใช่คนที่นั่งอยู่นั่นก่อ รูปงามแท้” อั้วคำเพยิดหน้าไปทางอัฌชา
“อั้วคำ เจ้าอย่าไปเซ้าซี้พี่ษาเขา ยุ่งแท้เป็นเด็กเป็นเล็กอยู่” บุญคำส่งเสียงปรามมา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุงบุญคำ อั้วคำก็ถามตามประสาเด็ก” แสงอุษาหันไปหาอั้วคำแล้วยิ้มตอบไป
“จ่ะอั้วคำ เขาเป็นอาจารย์ที่มหาลัยที่พี่เรียน” แสงอุษาอธิบายไปตามนั้น
“เป็นพ่อครูนั่นเอง” แล้วอั้วคำก็ยิ้มแฉ่งวุ่งปรู๊ดเดียวไปถึงอัฌชาทียังคงทำหน้างงอยู่
“พ่อครู เป็นครูของพี่ษา อั้วคำไหว้เจ้า” อั้วคำเอ่ยเสียงไม่เบานักขณะที่แสงอุษาและบุญคำเดินตามหลังมาติดๆ
“สวัสดีครับอั้วคำ แสงอุษา คุณลุง” อัฌชาไม่อาจเลี่ยงได้อีกเมื่อคนเปิดการสนทนาคืออั้วคำ ไม่ใช่แสงอุษา “ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอษาที่นี่ สบายดีหรือ”
“ษาก็สบายดีเป็นปกติค่ะ” กลับเป็นแสงอุษาเองที่เปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงไม่ทันเพราะมันฟังดูไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน
ไม่ทันที่จะสนทนากันต่อ หนานอินก็ตะโกนเรียกให้ทุกคนเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมทั้งทักทายบุญคำอย่างสนิทสนม คนที่นี่ดูเหมือนจะรู้จักกันไปหมด อั้วคำดูเหมือนจะมีความสุขที่ได้กลับมาเยี่ยมญาติจึงวิ่งปรื๋อออกไปก่อน
อัฌชาจึงสงวนคำพูดที่คิดจะต่อปากต่อคำกับแสงอุษาเอาไว้ก่อน เมื่อหลีกหนีกันยังไงก็ไม่พ้นแบบนี้ จะด้วยเพราะพระพรหมเป็นใจหรืออะไรก็ตาม เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่า เวลาที่เปลี่ยนไปบวกกับความคิดที่โตขึ้นตามวัย ความรักของเขาและแสงอุษาอาจจะง่ายกว่าครั้งเก่าก็ได้ สองปีนานเกินไปแล้วที่จะหนีหัวใจตัวเอง
แสงอุษาเองก็ได้คิดทบทวน เธอหนีเขานับครั้งไม่ถ้วนตลอดสองปีที่ผ่านมา หลังจากที่เลิกกันใหม่ๆ เธอเคยแอบไปดูอัฌชาที่คณะด้วยซ้ำ หากสองปีที่ผ่านมาเมื่อัฌชาไม่เคยตามมาปรับความเข้าใจ เธอก็เข้าใจไปเองว่าเขาคงหมดรักเธอแล้วจริงๆ ถ้าการพบกันที่หลีกเลี่ยงได้ยากครั้งนี้เปิดโอกาสให้เธอเริ่มต้นใหม่กับเขา แสงอุษารู้ดีว่ามีคำตอบเดียวเท่านั้นที่เธอตอบแก่ตัวเองได้
“มาเถอะ ใกล้จะมืดแล้ว” หนานอินเร่งทุกคน
หนานอินและบุญคำเดินนำทุกคนไปที่หน้าเรือนไม้หลังใหญ่ หน้าบ้านเป็นลานกว้างมีกองฟืนจุดไฟอยู่ หกโมงเย็นพอดีเมื่อทุกคนได้นั่งลงพูดคุยกับผู้เฒ่าตื้อผู้ใหญ่บ้านสบช้าง บุญคำและอั้วคำแยกตัวไปพักที่บ้านญาติไม่ไกลนัก คณะของอัฌชาทั้งหมดได้พักที่บนเรือนของผู้เฒ่าตื้อ หากแสงอุษา ผู้เฒ่าตื้อจัดให้พักที่เรือนผูกหลังเล็กแยกมาทางชานบ้านทิศใต้เพื่อไม่ให้ปะปนกับผู้ชายและมีบันใดขึ้นลงห้องน้ำส่วนตัว
หลังจากอาหารมื้อเย็นที่ผู้มาใหม่หุงหากันเดี๋ยวนั้นเพราะชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านถือศีลแปดงดเว้นอาหารค่ำ สุรวงศ์และอัฌชามอบของฝากทั้งหมดที่นำมาพร้อมแสดงเจตนาถึงการมาครั้งนี้ต่อผู้เฒ่าตื้อ แสงอุษาเองก็เช่นกัน เธอบอกถึงจุดประสงค์ว่าจะผ่านทางไปชมทุ่งอั้วแสงจันทร์จากนั้นก็ต่างแยกย้ายไปดูแลตัวเอง
คืนแรกที่สบช้าง อัฌชาแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์จากระเบียงห้อง พระจันทร์คืนนี้ดูสุกสว่างกว่าที่เขาเคยเห็นมาทั้งชีวิต พระจันทร์เสี้ยวขึ้นห้าค่ำดูเรียวราวเคียวเกี่ยวข้าว เขาอดนึกถึงฉากเดินทางไปเขาพระศิวะที่ รพินทร์ ไพรวัลย์ไปเห็นปิ่นพระศิวะในหนังสือ ‘เพชรพระอุมา’ ของ คุณพนมเทียนไม่ได้ เพียงขึ้นห้าค่ำพระจันทร์เสี้ยวก็ส่องแสงมลังมเลืองสว่างทั่ว ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าก็จริงแต่แสงจากพระจันทร์สว่างราวหลอดไฟทีเดียว
“น่าอาบน้ำชะมัด” อยู่ดีดีก็เกิดนึกอยากอาบน้ำขึ้นมา อัฌชาหันไปหาสุรวงศ์ที่หลับไปแล้ว เขาไม่คิดปลุกแต่อย่างใด จึงจัดข้าวของลงมาอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านล่างของเรือนไม้ ห้องน้ำที่เขาเห็นตั้งแต่ก่อนขึ้นไปเก็บของบนเรือน เกือบเที่ยงคืนแล้วนอื่นๆคงหลับกันหมด อัฌชาเดินลงมาที่ห้องน้ำอย่างเงียบๆด้วยเกรงจะปลุกคนอื่น
ห้องน้ำที่นี่แปลกกว่าห้องน้ำทั่วไป อัฌชาพบว่าด้านหน้าที่เห็นเป็นประตูนั้น แท้จริงคือกระดานไม้ขัดไว้เป็นช่องให้เดินเข้าไปในซุ้มดอกเล็บมือนางที่ออกดอกสะพรั่งไปทั้งต้น ส่งกลิ่มหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ เดินเข้ามาก็พบอ่างหินธรรมชาติมีกระบอกไม้ไผ่ส่งน้ำจากลำธารมาที่อ่างหิน จมูกอัฌชาได้กลิ่นหอมแปลกไป หอมเหมือนวานิลลา กุหลาบ และอบเชยผสมกัน หอมเหมือนตัวแสงอุษา ก่อนที่อัฌชาจะออกจากเงาซุ้มเล็บมือนางเขาก็ได้เห็นร่างงามของแสงอุษานอนทอดกายอยู่ติดกับอ่างหินนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอคงหมดสติเพราะอาบน้ำเย็นจัด
อัฌชาปราดเข้าไปประคองร่างบางขึ้นมาแนบอก พลางหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาคลุมร่างแสงอุษาไว้ เขาไม่พยายามมองร่างเปลือยเปล่านั่นมากนักหากสายตาก็อดชื่นชมมันไม่ได้ “ษา น้องษา ได้ยินพี่ไหม ษา” อัฌชาเรียกพลางสำรวจร่างกายอีกฝ่ายโดยเร็วว่ามีแผลหรือร่องรอยอันตรายใดใดหรือไม่ หากไม่พบอะไรผิดปกติ
“แสงอุษา ฟื้นสิครับ ษา น้องษา” อัฌชาอุ้มแสงอุษาแนบอกอีกครั้ง เขาพาเธอวางบนตั่งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอ่างหิน พลางนวดมือนวดเท้าเธอให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นพร้อมทั้งก้มลงแนบแก้มกับเธอหลายครั้งจนเนื้อตัวเธออุ่นขึ้น หากเธอก็ยังไม่ฟื้น
“ขืนถ้ายังมัวพยาบาลแบบงูๆปลาๆไปแบบนี้ ท่าทางจะไม่ดีแน่ ษาฟื้นสิครับ เร็วเข้า ไม่งั้นพี่จูบละนะ” อัฌชาพูดส่งไปแต่แสงอุษาก็ยังไม่ฟื้น เขาจึงก้มลงจูบเธอจริงๆ