แด่ คนอึยาก หน้าท้องแบนราบกับอาการท้องผูกที่หายไป

กระทู้สนทนา
ขอแชร์ประสบการณ์กับการต่อสู้เรื่องอาการท้องผูก  เผื่อเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆคะ

เรามีเพื่อนหลายคนที่มักบ่นเรื่องท้องผูก และถ่ายไม่ค่อยออกให้ฟัง
และบางคน  ไม่ค่อยถ่ายหลายวันต่อสัปดาห์  คิดว่าการอึไม่สำคัญเท่าไหร่

เราเป็นคนหนึ่งที่ตั้งแต่เด็กไม่ได้สนใจเรื่องการขับถ่ายเท่าไหร่  
เพราะเป็นคนถ่ายง่าย ถ่ายได้ทุกวัน
จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน  
ที่ต้องเดินทางแต่เช้า  กินน้ำน้อย  เริ่มสังเกตว่า  ตัวเอง ถ่ายน้อยลง  มีปัญหาเรื่องการถ่าย
สองวันครั้งก็ถือว่า   ไม่ไหวแล้วนะ  สำหรับเรา
มันอึดอัด  ท้องป่อง  เต็มไปด้วยแก๊ส  
เริ่มสังเกตว่าเรากินเยอะมาก แล้วมันไปอยู่ไหน  ปล่อยออกมาเถอะนะ

ด้วยความกลัวว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้ !!!
เราเลยเริ่มหาวิธีกับการต่อสู้กับอาการท้องผูกนี้ต่างๆมากมาย
เริ่มจาก


วิธีที่ 1  กินอาหารที่มีกากใย  

วิธีเบสิกมากๆ  ใครก็ชอบบอกว่า  เป็นเพราะเราไม่กินอาหารที่มีกากใย
จากที่ชอบกินขนมนู้นนี่นั่น  ก็เปลี่ยนมากิน ผักผลไม้  สลัด  พูดจริงๆว่ากินเยอะมาก  แทบจะไม่ได้กินเนื้อสัตว์เลย

ผล     ปรากฎว่า  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  ดีต่อสุขภาพ  แต่การขับถ่ายเหมือนเดิม


วิธีที่ 2  กินน้ำตลอดวัน (ช่วงกลางวันระหว่างทำงาน)   เริ่มด้วยการมีน้ำติดโต๊ะทำงาน หนึ่งกระบอก  คอยจิบระหว่างวัน  ช่วงนั้นดื่มเกินมาตราฐานที่ร่างกายต้องการไปเลย  ดื่มไปหลายลิตรต่อวัน

ผล   ปวดฉี่ เข้าห้องน้ำทั้งวัน  ได้ยินเสียงน้ำวิ่งไปมาในท้อง  เหมือนจะดี แต่ก็มากเกินกว่าร่างกายต้องการ  แต่การขับถ่ายเหมือนเดิม  เห้อ


วิธีที่ 3  กินกล้วยหอม 1 ลูก ตอนเช้า ตามด้วยน้ำ 1-2 แก้ว    อ่านเจอมาจากหนังสือ

ผล  ใช้เวลาให้ร่างกายปรับตัวหน่อย สัก 2- 3วัน    ได้ผล !  ถ่ายดีงาม  ทุกเช้า  รู้สึกประสบความสำเร็จ  
พอถ่ายได้ทุกเช้า  ก็เริ่มรู้สึกชีวิตง่ายขึ้น  เหมือนได้จัดการธุระไปให้เสร็จหนึ่งอย่าง  ไม่ต้องคอยหาห้องน้ำ ปวดท้องระหว่างวัน  มันทรมาน  ไหนจะต้องเข้าห้องน้ำสาธารณะ  มันไม่สะดวกเลยทั้งวัน  แถมแก๊สที่ปล่อยระหว่างวันก็น้อยลงไป หลายเท่าตัว  รู้สึกชีวิตดีขึ้น   เริ่มรู้สึกว่า  เช้าไหนถ่ายออก  เหมือนได้รับพรจากพระเจ้า (มันหนักหนาจริงๆนะ)
หลังจากติดใจเรื่องการขับถ่ายในตอนเช้าได้สัก สอง อาทิตย์  ก็เหมือนกับ  มีอาการดื้อยา  วิธีการนี้เริ่มไม่ได้ผล  ทั้งที่กินเหมือนเดิม เวลาเดิม  แต่ทำไมไม่ออกมานะ  เลยต้องหาวิธีใหม่


วิธีที่ 4  นมเปรี้ยว 2 ขวดเล็ก  บวก กล้วย 1 ลูก หรือ น้ำ 1-2 แก้ว
ด้วยผลจากดูโฆษณาแอคทีเวีย  และมีเพื่อนแนะนำมาว่า ได้ผล  เลยลองดูบ้าง
โดยที่เลือกแอคทีเวีย เพราะน้ำตาลน้อย  แคลอรี่ไม่เยอะมาก  

ผล   ได้ผลอีกแล้ว  เย้ !  ซื้อติดตู้เย็นเป็นโหล  แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม  ได้ผลสักระยะ  ก็เหมือนร่างกายดื้อยา
จนต้องหาวิธีใหม่


วิธีสุดท้ายตลอดชีวิต (มา  3 ปีกว่า)  หลังจากผิดหวังกับวิธีต่างๆ ได้สักระยะ  เราได้เปิดอ่านเจอ  วิธีแบบธรรมชาติบำบัด  ซึ่งที่จริง เราก็ปฏิบัติอยู่แล้ว  เพียงแต่ ไม่ตรงตามเวลาของร่างกาย และปริมาณ  ที่ควรจะเป็น
คือ

การดื่มน้ำ 1 ลิตร ทุกเช้า ตื่นนอนก่อนแปรงฟัน   โดยมีรายละเอียดเพื่อความสมบูรณ์ในการถ่ายอย่างมีประสิทธิภาพดังนี้

1.    การเริ่มต้นดื่ม
ช่วงแรกๆ ไม่ง่ายเลยที่จะดื่มน้ำให้ได้เป็นลิตร  แต่ก็ค่อยๆ เริ่มต้นจาก 2 แก้ว เป็น  3 แก้ว และเป็นหนึ่งลิตร จนได้
ขอแนะนำว่า ควรจะค่อยๆ ดื่ม อย่างไม่รีบร้อน  และควรเป็นน้ำในอุณหภูมิห้อง  เพื่อให้พอเหมาะในการทำงานของลำไส้และร่างกาย  


2.    ช่วงเวลา 05.00 - 8.00 น.
ช่วงเวลาสำคัญมาก  เพราะเคยสังเกตตัวเอง  วันไหนที่มานั่งถ่ายหลัง แปดโมง  แม้จะทำวิธีเดียวกัน  แต่กลับถ่ายไม่ออก  พอมาเจอข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาชีวิต  ที่บอกว่า 05.00 – 07.00 น. ก็คิดว่ามันน่าจะสัมพันธ์กันกับการถ่ายไม่ออกของเรา  ดังนั้นจึงพยายามให้เวลาในการขับถ่ายอยู่ในช่วงเวลานี้   จะเป็นช่วงเวลาที่ถ่ายง่าย  ไม่ต้องออกแรงเบ่งใดๆ  ทานน้ำเสร็จก็รู้สึกปวดท้องทันที


3.     ดื่มน้ำเสร็จให้ลองมานั่งทันที  ไม่ต้องรอให้ปวด
ในช่วงแรกๆของการปฏิบัติ  ควรจะทำให้ร่างกายเคยชิน  ลองใช้แรงเบ่งเล็กน้อยๆ ให้ร่างกายคุ้นเคย  ส่วนตัว ช่วงแรก เรารอให้ปวดแล้วค่อยมาถ่าย ซึ่งก็จะมีบางวันที่ไม่ได้ปวดก็ไม่มานั่ง  เพราะคิดว่าไม่น่าจะออก  แต่มีเช้าวันหนึ่งลองมานั่งดู หลังดื่มน้ำเสร็จทั้งที่ไม่ปวด ปรากฏว่า ก็ถ่ายออก  จึงได้บทเรียนว่า  ไม่ว่าจะปวดหรือไม่  ก็ต้องมานั่งก่อน  ดีที่สุด


4.    ดื่มน้ำก่อนแปรงฟัน  อย่ารังเกียจ  แบคทีเรียในปากมีส่วนช่วยในการขับถ่ายนะ  เคยลองดื่มน้ำหลังแปรงฟัน  ส่วนใหญ่จะถ่ายไม่ออก  (อันนี้แล้วแต่บุคคล)


5.    ตื่นมานอนคว่ำหน้า สัก 10 นาที        เป็นวิธีเสริมที่ได้เรียนรู้มาทีหลังจากญาติ  ซึ่งค้นพบว่าช่วยกระตุ้นได้ดี โดยเมื่อลืมตาตื่นปุ๊บ ให้ลองนอนคว่ำทันที  ให้ท้องได้กดทับไปกับที่นอน  บางเช้า  โดยไม่ต้องดื่มน้ำ  ก็รู้สึกปวดทันทีด้วยวิธีนี้  หรือจะ นอนคว่ำหลังดื่มน้ำอีกครั้งก็ได้  ในกรณีที่ไม่รู้สึกปวด


6.    นวดท้องหลังดื่มน้ำเสร็จ    เป็นวิธีเสริมอีกเช่นกัน  ในกรณีที่ดื่มน้ำแล้วยังไม่รู้สึกปวด  ลองใช้นิ้วมือนวดวนเป็นวงกลมบริเวณหน้าท้องไปมา  สามารถช่วยกระตุ้นอาการปวดได้ดี


ซึ่งวิธีสุดท้ายนี้  เป็นวิธีที่ได้ผลสม่ำเสมอไม่มีขาดตกบกพร่อง  ทำให้ถ่ายคล่องได้ทุกวัน  สิ่งที่สังเกตได้คือ  หน้าท้องที่เคยป่อง ยุบหายไป  , ปริมาณแก๊สในท้องน้อยลง 2 เท่า , ชีวิตดีขึ้น ไม่ทรมานปวดระหว่างวัน  และหลายสิ่งมากมาย

หมายเหตุ  

- ในช่วงเริ่มต้น  ร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับตัว  จึงอาจใช้เวลา 3-4 วัน หรือมากกว่านั้นแล้วแต่คน  อย่าเพิ่งรีบท้อ  ให้ลองไปเรื่อยๆจนปวด  เมื่อปวดครั้งนึงแล้ว  ร่างกายจะปรับให้ปวดในเวลานั้นทุกวัน
-    เมื่อร่างกายเริ่มขับถ่ายได้เป็นปกติทุกวัน  ก็ค่อยๆปรับปริมาณน้ำลงมา  ¼ หรือในปริมาณที่น้อยลง แต่ร่างกายยังรู้สึกปวดเหมือนเดิม  เพื่อใช้เวลาในการปวดฉี่หลังดื่มน้ำน้อยลง  ในกรณีที่ต้องเดินทาง

**** ข้อเสียข้อเดียวสำหรับคนที่ไม่อยู่ในที่ๆมีห้องน้ำ หรือเดินทางไกล  คือ หลังถ่ายทุกเช้า  จะปวดฉี่ประมาณ 2 ครั้ง  จึงควรอยู่ในสถานที่ๆมีห้องน้ำ  ไม่ควรอั้น  ช่วงที่เราขับรถไปทำงานไกลๆตอนเช้า  เราจะใช้วิธีหลังถ่ายเมื่อทำอะไรเสร็จก็จะนั่งฉี่ก่อนออกจากบ้านหนึ่งครั้ง  เพื่อลดปริมาณน้ำลงไปบ้าง

            หลังจากใช้วิธีนี้แล้วได้ผลกับตัวเองมาระยะหนึ่ง ก็ลองแนะนำให้เพื่อนๆได้ทำ  และหลายๆคนที่ไม่ถ่ายเป็นสัปดาห์  กลับมาถ่ายคล่องทุกวัน  จึงหวังว่า  วิธีนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ได้อ่าน  และมีปัญหาเดียวกัน


เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่า  ตื่นเช้ามา  ถ่ายออกทุกวัน  เย้!  


แนบประโยชน์อีกมากมาย จากการดื่มน้ำทุกเช้า เพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมคะ

http://www.trueactivist.com/drinking-water-on-empty-stomach/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่