กทค.ย้ำอนุป.ป.ช.ยังไม่มีมติ ชี้มูลส่อฮั้ว 'ประมูล3G ความถี่ 2.1 GHz'

กทค. สยบข่าวลือกรณี 'อนุกรรมการ ปปช. ชี้มูลจัดประมูล 3Gส่อ ฮั้วราคา' ย้ำชัดคณะอนุกรรมการปปช.ยังไม่มีมติใดๆทั้งสิ้น ชี้ที่ผ่านมา กทค.ไม่ได้รับความเป็นธรรมในชั้นกรรมาธิการวุฒิสภา วอน ป.ป.ช. ให้ความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา
       
       พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่าตามที่มีข่าวปรากฎในสื่อบางฉบับระบุว่าคณะอนุกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลการประมูล 3G ส่อฮั้วนั้น เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง ทำให้กทค.ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนได้รับความเสียหาย
       
       ประธานกทค.ย้ำว่าขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้ 1.กรณีระบุว่าผลชี้มูลความผิดดังกล่าวตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 โดย กทค.ทราบผลนี้แล้ว แต่ไม่เปิดเผยต่อที่ประชุมบอร์ด กทค.นั้น เป็นข้อมูลที่บิดเบือน เนื่องจาก ที่ประชุม กทค. รวมทั้งกรรมการ กทค. ผู้ถูกกล่าวหายังไม่เคยได้รับทราบ แต่อย่างใดเนื่องจากคณะอนุกรรมการฯ ยังมิได้มีการแจ้งให้ กทค. ทราบผลในเรื่องดังกล่าว จึงมิใช่เป็นกรณีที่ กรรมการ กทค. ผู้ถูกกล่าวหาทราบเรื่องแล้วปกปิดไม่รายงานเรื่องต่อที่ประชุม กทค.
       
       อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงที่ผ่านมา กทค. ก็ได้ชี้แจงเหตุผลทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตลอดจนวัตถุประสงค์ของการจัดประมูลคลื่นความถี่ 3Gดังกล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
       
       2. กรณีระบุว่า บอร์ด กทค. ยังพยายามเร่งเปิดประมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 4Gและเร่งประชาพิจารณ์ในต้นเดือนมิถุนายน 2557 ทั้งๆที่มีการชี้มูลความผิดแล้วนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะนอกจากจะปรากฏว่าคณะอนุกรรมการปปช. ยังไม่มีมติชี้มูลความผิดแก่ กทค. แล้ว การที่ กทค. กำหนดการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz หรือระบบ 4 Gและมีกำหนดประชาพิจารณ์ในต้นเดือนมิถุนายน 2557 นั้น ก็เป็นไปตามนโยบายและกระบวนการดำเนินการที่ กทค.ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2556 และได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบนโยบายดังกล่าวล่วงหน้าและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เร่งรีบจนผิดปกติโดยได้ใช้ระยะเวลาและมีการพิจารณาไตร่ตรอง ตลอดจนผ่านกระบวนการศึกษาและกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดและรอบคอบด้วยคณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรระหว่างประเทศและจากคณะทำงานชุดต่างๆ ที่ กสทช. แต่งตั้ง
       
       รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. จนกระทั่งได้มีการยกร่างหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการนำร่างหลักเกณฑ์ไปจัดรับฟังความคิดเห็นตามกระบวนการของกฎหมาย
       
       'การที่มีการนำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้องและบิดเบือนในเรื่องนี้ จึงทำให้เชื่อว่าผู้ให้ข่าวประสงค์จะทำลายความน่าเชื่อถือของ กทค. ในกระบวนการจัดประมูลคลื่นความถี่ 4G ซึ่งหาก กทค. ไม่อาจจัดประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวได้อันเนื่องจากการกระทำดังกล่าว ย่อมจะส่งผลกระทบประเทศชาติอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้'
       
       *** ชี้กทค.ไม่ได้รับความเป็นธรรม
       
       ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ กสทช.ด้านกฎหมาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทค. ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมาธิการ วุฒิสภา โดยมีการเร่งสรุปเรื่องอย่างผิดปกติแล้วยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ก่อนจะให้ กทค. ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ ในภายหลัง
       
       โดยเห็นได้ชัดเจนจากการยื่นข้อร้องเรียน กทค. และการพิจารณาเรื่องร้องเรียน จนนำไปสู่การสรุปเรื่องและยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการด้วยความเร่งรีบและไม่ให้ความเป็นธรรมต่อ กทค. โดยเร่งสรุปว่า กทค. กระทำผิดและได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเชิญ กทค. มาชี้แจง โดยคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้สรุปผลและยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2555 แต่ได้มีหนังสือเชิญ กทค. ไปชี้แจงเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2555
       
       ดังนั้นผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนที่ส่งไปยังคณะกรรมการ ปปช. ดังกล่าว จึงมีเพียงแต่ข้อเท็จจริงที่มาจากข้อมูลของฝ่ายผู้ที่ร้องเรียนอันเป็นข้อมูลที่หยิบยกมาบางส่วนไม่ครบถ้วนด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทั้งที่ในประเด็นข้อร้องเรียนมีความเกี่ยวข้องในมิติต่างๆ ทั้งในด้านเทคนิค ด้านเศรษฐศาสตร์และกฎหมายหลายฉบับ ซึ่ง กสทช. ได้จัดทำหลักเกณฑ์โดยใช้ระยะเวลาในการศึกษาและผ่านการพิจารณาไตร่ตรองโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดรอบคอบไม่น้อยกว่า 7 ถึง 8 เดือน
       
       แต่คณะกรรมาธิการฯ กลับใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันทำการ ในการรับเรื่อง สรุปผลและส่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้ กทค. ไม่ได้รับความเป็นธรรมตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่ง กทค. ได้ให้ข้อมูลในเรื่องนี้ต่อคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ไปด้วย การเร่งสรุปผลดังกล่าวจึงอาจทำให้ถูกมองว่า คณะกรรมาธิการฯ กระทำการที่ฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อ 17 และ ข้อ 19 และไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 หรือไม่
       
       นอกจากนี้ กทค. ยังได้โต้แย้งประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจในการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าไม่อยู่ภายใต้บังคับ พ.ร.บ. ว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) เพราะการประมูลคลื่นความถี่แตกต่างจากการประมูลสิ่งของทั่วไป
       
       เนื่องจากมูลเหตุแห่งการยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในครั้งนี้ มิใช่เป็นกรณีที่ กสทช. โดย กทค. จัดการประมูลคลื่นความถี่ 3Gโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นการดำเนินการโดยทุจริตแต่อย่างใด แต่เกิดจากการที่ผู้ร้องมีความเข้าใจข้อกฎหมายที่ไม่ถูกต้องและเข้าใจข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ โดยเข้าใจว่าเหมือนเช่นการประมูลสิ่งของทั่วไปซึ่งไม่ถูกต้อง โดยการออกหลักเกณฑ์และใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายในทางปกครองเกี่ยวกับการออกกฎและเป็นขั้นตอนหนึ่งที่จะนำไปสู่การออกคำสั่งทางปกครองและไม่ใช่สัญญาที่เกิดจากการตกลงระหว่างคู่สัญญาและไม่นำไปสู่การทำสัญญาระหว่างกัน ซึ่งต่างจากการประมูลสิ่งของทั่วไปที่อาจกระทำได้หลายวิธี เช่น การจัดซื้อ หรือจัดจ้างหรือวิธีอื่นใดและจะนำไปสู่การทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ
       
       ทั้งนี้การประมูลคลื่นความถี่คือวิธีการจัดสรรคลื่นอย่างหนึ่ง ผู้ชนะคือผู้ได้สิทธิในการใช้คลื่นตลอดช่วงเวลาตามใบอนุญาต ในระหว่างเวลานั้น กสทช. ต้องตามไปกำกับดูแลให้ผู้เอาคลื่นความถี่ไปใช้ปฎิบัติตามเงื่อนไขและกติกา และดูว่ามีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมหรือไม่ ต่างจากประมูลสิ่งของที่ผู้ชนะได้กรรมสิทธิ์ไปเลย ผู้จัดประมูลโอนกรรมสิทธิ์ในของชิ้นนั้นไปแล้ว และไม่มีอำนาจในการกำกับดูแลผู้ชนะการประมูลแต่อย่างใด
       
       อีกทั้งหากพิจารณาคำว่า 'การเสนอราคา' นั้น มีความมุ่งหมายให้เกิดการจัดหาสินค้าหรือบริการที่จะต้องมีการใช้งบประมาณของรัฐ แม้ตามพ.ร.บ. ฮั้ว จะกำหนดให้การเสนอราคารวมถึงการให้สัมปทาน หรือการได้รับสิทธิใดๆ ก็ตาม แต่การออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่มีความแตกต่างจากระบบการให้สัมปทานโดยสิ้นเชิง เพราะมีกฎหมายกำหนดในเรื่องดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะและ กสทช. ไม่ต้องเข้าทำสัญญากับผู้ชนะการประมูล แม้จะมีการออกเงื่อนไขท้ายใบอนุญาต แต่เงื่อนไขดังกล่าวก็มีลักษณะเป็นคำสั่งทางปกครองซึ่งออกโดย กสทช. แต่ฝ่ายเดียว ฉะนั้น มูลเหตุแห่งการยื่นข้อร้องเรียนดังกล่าวจึงเกิดจากการที่ผู้ร้องมีความเข้าใจในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน มิได้เป็นเรื่องที่ กทค. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแต่อย่างใด
       
       *** ยันไม่ได้ล็อกให้รายเดิม
       
       3. กรณีมีการระบุว่า การประมูล 3Gของ กสทช. ซึ่งมีผู้ให้บริการรายใหญ่เพียง 3 ราย เข้าร่วมการแข่งขันอาจเป็นสิ่งที่ตั้งข้อสังเกตได้ว่า ผู้บริการทั้ง 3 รายจะได้รับใบอนุญาตตั้งแต่ยังไม่ประมูลนั้น นั้นก็ขัดกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะข้อเท็จจริงที่ถูกต้องนั้น กสทช. ได้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ชนะการประมูลในวันที่ 7 ธันวาคม 2555 ส่วนขณะที่มีการยกร่างหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประมูล 3Gนั้น จะมีผู้เข้าร่วมประมูลและผ่านคุณสมบัติเข้าแข่งขันจนชนะการประมูลจะมีกี่รายในอนาคตนั้น กสทช. ไม่อาจจะทราบได้ ล่วงหน้าและไม่อาจกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อผู้เข้าร่วมประมูลคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ เพราะมิฉะนั้น จะเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย
       
       4.กรณีระบุว่า ผู้วิจัยได้ยกตัวอย่างไว้ว่า หากมีบริษัทเข้าร่วมประมูลเพียงแค่ 3 ราย กสทช. ต้องตั้งราคาไม่ต่ำกว่า 82% ของมูลค่าคลื่นความถี่ 1 สล็อต แต่ กสทช. กลับตั้งราคาเริ่มต้นไว้เพียง 70 % นั้น ก็ถือเป็นการบิดเบือน เพราะรายงานวิจัยการประมูลมูลค่าคลื่นความถี่โดยหยิบยกเนื้อหามาเพียงบางส่วน และเป็นการนำเสนอที่ทำให้เข้าใจผิดว่า คณะผู้วิจัยฯได้เสนอให้ กสทช. กำหนดราคาตั้งต้นไม่ต่ำกว่า 0.82 หรือ 82% ของมูลค่าคลื่นความถี่ 1 สล็อต แต่ กสทช. ไม่เอาด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงที่ถูกต้องคือตามรายงานฯ ของคณะผู้วิจัยฯ ที่ระบุราคาตั้งต้น 82% นั้นเป็นเพียงผลลัพท์ที่ได้จากแบบจำลองจากสมการทางคณิตศาสตร์ แต่ยังมิใช่ข้อเสนอสุดท้ายแต่อย่างใด
       
       โดยคณะผู้วิจัยฯ เสนอความเห็นสุดท้ายว่า
       
       'ในกรณีของประเทศไทย หากภาครัฐให้ความสำคัญต่อรายรับจากการประมูลพอสมควรเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของผู้บริโภคและผู้ใช้บริการซึ่งมีจำนวนไม่มาก สัดส่วนของราคาเริ่มต้นต่อมูลค่าคลื่นความถี่ไม่ควรต่ำกว่า 0.67 หรือ 67% ซึ่งคือค่าเฉลี่ยของราคาเริ่มต้นต่อมูลค่าคลื่นความถี่จากกรณีการประมูลของประเทศต่างๆ'
       
       โดยเมื่อ กทค. ได้พิจารณาข้อเสนอฯ ดังกล่าวแล้วเห็นว่า การกำหนดราคาตั้งต้นควรคำนึงถึงเงินเฟ้อด้วย จึงเพิ่มเป็น 70% อันเป็นการแสดงว่า กทค. กำหนดราคาตั้งต้นการประมูลสูงกว่าข้อเสนอขั้นต่ำของคณะผู้วิจัยฯ และราคาตั้งต้นฯ ที่ กทค. กำหนดยังสูงกว่าราคาตั้งต้นการประมูลคลื่นความถี่ ย่านนี้ ซึ่ง กทช. เคยกำหนดอีกด้วย แต่มีการบิดเบือนรายงานการศึกษาของคณะผู้วิจัยที่คำนวณมูลค่าคลื่นความถี่และมูลค่าขั้นต่ำของการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ โดยให้ข้อมูลบางส่วนเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่า กทค. มีการหมกเม็ดและมีพฤติการณ์ไม่ชอบมาพากล ซึ่งไม่เป็นความจริง
       
       นอกจากนี้ ในขณะที่ กสทช. เริ่มมีกระบวนการกำหนดหลักเกณฑ์ในการประมูล กสทช. มิได้กำหนดไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงแค่ 3 ราย แต่ได้มีการวิเคราะห์บนพื้นฐานของผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ซึ่ง กสทช. มีฐานข้อมูลรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมอยู่ในตลาด ณ ขณะนั้น เป็นจำนวนถึง 20 ราย และเมื่อได้ออกประกาศดังกล่าวไปแล้วก็ได้มีผู้ขอเอกสารแบบคำขอเพื่อจะเข้าร่วมประมูลมากถึง 17 ราย แต่เมื่อครบกำหนดวันยื่นคำขอ ปรากฎว่ามีผู้ยื่นคำขอเพียง 4 ราย และผ่านคุณสมบัติจำนวน 3 ราย
       
       แต่ในท้ายที่สุดแล้วจะมีผู้ผ่านคุณสมบัติและมีสิทธิเข้าร่วมการประมูลกี่รายนั้น กสทช. ก็ไม่อาจทราบล่วงหน้าในขณะออกแบบการประมูลได้ ต่อมาเมื่อมาถึงขั้นตอนการประมูล และ กสทช. ทราบภายหลังว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติ 3 ราย กสทช. ก็จำเป็นต้องดำเนินการจัดประมูลตามกระบวนการตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช. ได้กำหนดไว้แล้วต่อไป โดยไม่อาจไปแก้ไขหรือเริ่มกระบวนการกำหนดราคาตั้งต้นใหม่อีกได้ เพราะไม่ปรากฏเงื่อนไขที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์แต่อย่างใด
       
       มีต่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่