บอร์ด กสทช.เบรกประมูลคลื่นสั่งทบทวนแนวทาง-ราคาขั้นต่ำหวั่นเอกชนฮั้ว นัดถกใหม่ 18 มี.ค.

กระทู้สนทนา
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 2568)--รายงานข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.ในวันนี้ยังไม่มีมติเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ จากวาระพิจารณา(ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ที่วางแผนประมูลคลื่นความถี่  6 คลื่น จำนวน 450 MHz มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ประกอบด้วย ย่านความถี่ 850 MHz , 1500 MHz , 1800 MHz , 2100 MHz , 2300 MHz และ 26 GHz
          
          ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.กลับไปทบทวน ร่างประกาศ กสทช.ฉบับดังกล่าว ทั้งวิธีการประมูล และราคาขั้นต่ำ เพื่อป้องกันการสมยอมราคา เนื่องจากปัจจุบันเหลือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพียง 2 ราย ในขณะที่จำนวนคลื่นความถี่มีมากขึ้น ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการประมูลว่าจะจัดประมูลพร้อมกันทั้ง 6 คลื่น หรือแบ่งกลุ่ม เนื่องจากในการรับฟังความคิดเห็นมีผู้เสนอความเห็นในหลายประเด็น อาทิ ราคาประมูลขั้นต่ำ วิธีการประมูลที่จะจัดให้ประมูลพร้อมกัน หรือการแบ่งกลุ่มคลื่นความถี่
          
          "สำนักงานฯ ทบทวนร่างฯ มาแล้ว ยังไม่ตรงกับในชั้นการรับฟังความคิดเห็นที่กำหนดแนวทางให้ผู้ประกอบการพิจารณาว่าจะเลือกใช้คลื่นอย่างไร ครั้งนี้มีจำนวนคลื่นมากกว่าการประมูลครั้งที่ผ่านมา และเหลือผู้ประกอบการแค่สองราย รูปแบบการประมูลอาจทำให้เกิดข้อกังวลเรื่องการสมยอมกันได้ จึงให้ทบทวนให้เหมาะสม โดยสำนักงานต้องตอบคำถามสังคมว่ารูปแบบการประมูลแบบไหนทำให้เกิดความกังวลเรื่องการสมยอมน้อยที่สุด และผลประโยชน์ที่รัฐจะได้ ควรเป็นอย่างไร"แหล่งข่าว กล่าว
          
          ขณะที่มีรายงานข่าวว่าความคิดเห็นของกรรมการ กสทช.บางราย เห็นว่าการกำหนดราคาเริ่มต้นยังไม่สะท้อนความเป็นจริง เมื่อสำนักงาน กสทช.เปลี่ยนหลักเกณฑ์การประมูลมีเหตุผลอะไร และทำอย่างไรให้รัฐได้ผลประโยชน์ที่เหมาะสมมากที่สุด สนับสนุนผู้ประกอบการ รัฐไม่เสียประโยชน์และดูแลผู้ประกอบการให้ใช้งานคลื่นได้
          
          ทั้งนี้ คณะกรรมการ กสทช.ให้สำนักงานฯ นำร่างที่ปรับปรุงมาเสนอในวันที่ 18 มีนาคม 2568 โดยคาดว่าสำนักงานฯ จะสามารถจัดการประมูลได้ทันกรอบเวลาเดิมในวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2568
          
          *สภาผู้บริโภคยื่นให้ชะลอประมูล
          
          สภาผู้บริโภค นำโดย นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการนโยบายสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ กสทช. ขอให้ชะลอประมูลคลื่นความถี่ หวั่นผลกระทบต่อผู้บริโภค
          
          นางสาวสุภิญญา กล่าวว่า สภาผู้บริโภคมีความกังวลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของ กสทช ที่มีมติให้จัดประมูลคลื่นความถี่พร้อมกันถึง 6 ย่านความถี่ และทราบว่าวันนี้ กสทช.จะมีการจัดประชุมประกาศหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ ดังนั้นสภาผู้บริโภคจึงมายื่นหนังสือคัดค้านก่อนการประชุมดังกล่าว เพื่อเรียกร้องให้ชะลอ พร้อมทบทวนหลักเกณฑ์เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
          
          "การมายื่นคัดค้านถึง กสทช. เนื่องจากสภาผู้บริโภคมองว่าการประมูลครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมโดยเฉพาะเมื่อมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงสองรายหลักอีกทั้งการประมูลดังกล่าวไม่มีหลักประกันที่ชัดเจนว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพบริการราคา หรือความคุ้มครองจากภาครัฐ และอาจนำไปสู่การผูกขาดที่กระทบต่อผู้บริโภคในระยะยาว" นางสาวสุภิญญา กล่าว
          
          ด้านนายอิฐบูรณ์ อันวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ให้ความเห็นว่าการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่จะทำให้ได้รับผลประโยชน์อย่างมาก ขณะที่อนาคตของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) ยังคงไม่แน่นอน ซึ่งทำให้เกิดคำถามที่สำคัญว่า กสทช. กำลังให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคหรือกำลังช่วยเหลือกลุ่มนายทุน หรือไม่
          
          "การออกหลักเกณฑ์การประมูลความถี่ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับการประเคนมากกว่าการประมูลแข่งขันซึ่งอาจสวนทางกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ กสทช.มีบทบาทในการจัดการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชนพร้อมทั้งสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของภาครัฐและความเป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบการโดยมีเงื่อนไขการประมูลที่กระตุ้นการแข่งขันสภาองค์กรของผู้บริโภครวมถึงต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการคุ้มครองผู้บริโภคหลังการประมูลเพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้ใช้บริการในอนาคต" นายอิฐบูรณ์ กล่าว
          
          เหตุหลักที่สภาผู้บริโภคเสนอให้มีการชะลอการประมูลคลื่นความถี่ 2 ประเด็นหลัก ดังนี้
          
          1. การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้อาจไม่มีการแข่งขันที่แท้จริงเนื่องจากมีผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงสองรายเท่านั้น เกิดจากการที่ กสทช. อนุญาตให้มีการรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคมก่อนหน้านี้ ผลการวิจัยจาก 101 Public Policy Think Tank พบว่า ผู้บริโภคที่ใช้บริการจากสองค่ายนี้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.9% หรือราว ๆ 100 บาทต่อคนต่อเดือนเมื่อเปรียบเทียบกับค่าบริการก่อนและหลังการรวมกิจการ ซึ่งแพ็กเกจราคาถูกที่สุดในปี 2565 ที่ราคา 299 บาท/เดือนหายไป และกลายเป็น 399 บาท/เดือนแทน ดังนั้น การประมูลคลื่นความถี่ในครั้งนี้ที่มีทั้งหมด 6 ย่านความถี่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพและราคาของบริการที่ผู้บริโภคต้องรับในอนาคต ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
          
          2.การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ไม่มีการกำหนดเพดานราคาค่าบริการสูงสุดที่เหมาะสมกับปริมาณและคุณภาพการบริการที่จะเก็บจากผู้บริโภค รวมถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน (MVNO) ที่ต้องแข่งขันในตลาดเดียวกัน ซึ่งหมายความว่า ไม่มีการรับประกันว่า ผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการรายเล็กจะได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมจากการประมูลครั้งนี้ในตลาดที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เหลือแค่สองรายเท่านั้น

https://www.infoquest.co.th/news/2025-IR2B0IQADL7TKK35XW1NHPFDFE3R5WOX

ตกกันยับเลยกลุ่มสื่อสาร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่