อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ยืนยันนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 เป็นไปไม่ได้ เตือนนายสุรชัย รองประธานวุฒิสภา อย่าทำผิดรัฐธรรมนูญ
หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำกลุ่มผู้ชุมนุมกดดันวุฒิสภารีบดำเนินการให้มีนายกมาตรา 7 เรื่องนี้นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันว่า ตามที่มีบุคคลบางกลุ่มอ้างว่าให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางได้ โดยประธานหรือรองประธานวุฒิสภาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ
เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 132 บัญญัติว่า ในระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร จะมีการประชุมวุฒิสภาไม่ได้ ยกเว้นเฉพาะใน 3 กรณีที่ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภา ซึ่งไม่มีกรณีเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย จึงฝากเตือนนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าไม่มีอำนาจทูลเกล้าฯ เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลาง
และเมื่อประกาศยุบสภา ความเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดไปแล้ว ดังนั้น คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญที่มีออกมาก่อนหน้านี้ และการชี้มูลของป.ป.ช. จึงไม่มีผลกระทบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 181 แต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ต่อเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่เท่านั้น
นางสาวสมลักษณ์ ยังระบุว่าเพื่อให้การปฏิรูปเป็นไปอย่างถูกต้องทั้งแนวคิดและกระบวนการ จำเป็นต้องให้เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ได้ตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง พร้อมแนะพรรคการเมืองทุกพรรคต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทุกกลุ่มการเมืองควรเลิกการชุมนุม เพื่อให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติ
ที่มา :
http://news.voicetv.co.th/thailand/105841.html
อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ยันนายกฯ ม.7 ทำไม่ได้
อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ยืนยันนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 เป็นไปไม่ได้ เตือนนายสุรชัย รองประธานวุฒิสภา อย่าทำผิดรัฐธรรมนูญ
หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำกลุ่มผู้ชุมนุมกดดันวุฒิสภารีบดำเนินการให้มีนายกมาตรา 7 เรื่องนี้นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันว่า ตามที่มีบุคคลบางกลุ่มอ้างว่าให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางได้ โดยประธานหรือรองประธานวุฒิสภาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ
เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 132 บัญญัติว่า ในระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร จะมีการประชุมวุฒิสภาไม่ได้ ยกเว้นเฉพาะใน 3 กรณีที่ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภา ซึ่งไม่มีกรณีเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย จึงฝากเตือนนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าไม่มีอำนาจทูลเกล้าฯ เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลาง
และเมื่อประกาศยุบสภา ความเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดไปแล้ว ดังนั้น คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญที่มีออกมาก่อนหน้านี้ และการชี้มูลของป.ป.ช. จึงไม่มีผลกระทบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 181 แต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ต่อเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่เท่านั้น
นางสาวสมลักษณ์ ยังระบุว่าเพื่อให้การปฏิรูปเป็นไปอย่างถูกต้องทั้งแนวคิดและกระบวนการ จำเป็นต้องให้เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ได้ตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง พร้อมแนะพรรคการเมืองทุกพรรคต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทุกกลุ่มการเมืองควรเลิกการชุมนุม เพื่อให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติ
ที่มา : http://news.voicetv.co.th/thailand/105841.html