ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๑๐ ปาฏิหาริย์สุดสะพรึง

กระทู้สนทนา
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๙ นางไม้
http://ppantip.com/topic/32011561





         ปราณกลับมาถึงอุทยานหลังจากได้รับวิทยุแจ้งถึงเรื่องที่กานต์ประสบอุบัติเหตุ เวลานี่ย่างเข้าบ่ายสามโมงเย็นแล้ว ไร้เงาของฝนทิพย์ ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหนและไปกับใคร ? คนที่พบตัวเธอครั้งสุดท้ายคือสมใจ เจ้าหน้าที่อาวุโส

    “ยัยแมวป่า...เธอหายไปไหนกันนะ” ปราณเอ่ยถามสายลมที่พัดเข้ามาวูบหนึ่งเบาๆ หลังเดินพล่านอยู่ด้านหน้าอุทยานเมื่อตำรวจที่มาสอบถามกลับไป

    “พรุ่งนี้เช้าเราจะออกตามหาคุณสายแพรกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องฝนทิพย์ ทางตำรวจกำลังติดต่อไปทางบ้านเธออยู่ อย่าคิดมากน่าปราณ บางทีหนูฝนอาจมีธุระด่วนก็ได้” นายพนมเดินมาตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ หากแต่ปราณก็ยังมีสีหน้ากังวลอยู่ ฝนทิพย์ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่บอกกล่าว และที่สำคัญเธอไม่ได้บอกใครเลยว่าจะไปไหน นอกเสียจากบอกว่าจะตามคณะสำรวจของลุงเคี้ยมไปที่ปางชมดาว แต่พอฝั่งนั้นมาถึงก็ไม่พบเธอเสียแล้ว เรื่องยิ่งน่าสงสัยใหญ่

    “หรือว่าหนูฝนอาจติดรถเจ้ากานต์ไปด้วย ตอนรถเกิดอุบัติเหตุ ร่างเธออาจตกเหว พวกเจ้าหน้าที่เขาลงไปค้นหาข้างล่างแล้วเหรอ?” นางสมใจผู้ที่ยืนกุมมือขบคิดอยู่ด้านหน้าอุทยานเหมือนกับเหล่าเจ้าหน้าที่คนอื่นว่าขึ้น

    “ตอนนี้กำลังให้ทีมกู้ภัยกับเจ้าหน้าที่บางส่วนลงไปค้นหาอยู่ครับ ตรงนั้นเป็นหุบลึกมาก ลงไปลำบากหน่อย” นายพนมตอบแทน ทั้งกลุ่มเอาแต่ก้มหน้าคิดหนักหน่วง ไม่นานนักรถเจ้าหน้าที่ที่ออกไปสำรวจจุดที่รถของกานต์ประสบอุบัติเหตุก็กลับมา

    “ไม่เจอใครเลย...นอกจากรอยเท้าสองสามรอย พอไต่ลึกลงไปก็เป็นคล้ายรอยลื่นไถล” นายเคี้ยมที่รีบวิ่งดุ่มๆ ตรงมาหาทั้งกลุ่มหลังจอดรถได้เอ่ยขึ้น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดหันไปสบสายตากัน

    “ข้างล่างเป็นลำธารที่ไหลไปรวมกับน้ำตกในป่า หรือว่ามีคนกระเด็นออกมาจากรถ แล้วตกลงไปในหุบ” นายพนมว่า นั่นทำเอาหัวใจของปราณหล่นฮวบลงไปกองกับพื้น

    “ถ้ายังไม่แน่ใจว่ามีใครไปกับกานต์บ้าง เราก็อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยนะ รอให้กานต์ฟื้นก่อนแล้วค่อยสอบถามให้ได้เรื่องได้ราว...” สมใจเรียกทุกคนให้มีสติ ก่อนที่นายพนมจะฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมา

    “แล้วนี่...ไอ้ยุทธ์มันหายไปไหนเสียหละ ปกติเห็นไปกับเจ้ากานต์ตลอดไม่ใช่เหรอ?” คำถามนั้นทำให้ปราณเบิกตาโพลงขึ้นมา ตั้งแต่รู้ข่าวกานต์ประสบอุบัติเหตุ ยังไม่มีใครเจอตัวยงยุทธ์เลยสักคน ทั้งที่กานต์เองก็เปรียบเสมือนลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่นี่เขากลับหายไป... เรื่องมันชักน่าสงสัยขึ้นทุกทีแล้ว


          แก่งนั้นน้ำไหลเชี่ยวกราก เมื่อสายน้ำจากน้ำตกชั้นที่หนึ่งไหลลงมา ก็จะตรงมาสู่แก่งนี้ที่เต็มไปด้วยโขดหินน้อยใหญ่ อีกทั้งมีสายน้ำอีกสายจากป่าอีกด้านไหลมาสมทบจึงทำให้กระแสน้ำยิ่งแรงขึ้นเป็นทวีคูณ ฝนทิพย์ทำได้แต่ประคองร่างตัวเองไม่ให้จมน้ำ ปล่อยให้กระแสน้ำพัดร่างเธอไปอย่างไม่มีจุดหมาย จนมาถึงแก่งนั้น เมื่อจวนจะหมดแรง เธอจึงกระยิ้มกระสนว่ายเข้าไปใกล้โขดหินใหญ่ และเอามือจับไว้แน่นเพื่อเป็นหลักยึด

    แสงแดดยามบ่ายร้อนแรง สาดแสงลงสู่พื้นน้ำเป็นประกายระยับ หญิงสาวตะเกียกตะกายปีนขึ้นบนโขดหินอย่างทุลักทุเล ตามแขนและเข่าเต็มไปด้วยบาดแผลจากการกระแทกกับหินคม เมื่อปีนขึ้นมานั่งบนหินก้อนใหญ่ได้แล้ว จึงทิ้งกายนอนแผ่หราอย่างหมดแรง

    “ฉันยังไม่ตาย...” สี่คำที่หลุดออกมาจากปากคล้ายประกาศแก่ผืนป่าและสายธาราว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาง่ายๆ และเป็นเพียงสี่คำที่เปล่งออกไป ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรงพร้อมกับร่างกายที่อ่อนล้า ไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวอีกคนที่ถูกน้ำพัดมายังแก่งนั้น ที่แข็งใจประคองร่างตัวเองไม่ให้จมลง ดิ้นรน และฮึดสู้ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย จนรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์

    “ขอบคุณสวรรค์...” สี่คำที่หลุดออกมาจากปากของสายแพร พร้อมกับหยดน้ำตาอุ่นๆ ที่ร่วงเผาะลงมานั้น คล้ายกับบอกให้ฟ้าดินได้รับรู้ถึงโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอ ทำไมถึงไม่ปล่อยให้เธอจมน้ำแล้วตายๆ ไปซะ จะให้เธอมีชีวิตอยู่รอดอีกทำไม จะให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานในป่านี้ไปอีกนานแค่ไหน...

    เวลาผ่านไปเนิ่นนาน... สายลมเย็นยามบ่ายคล้อยพัดมาเหนือแก่ง เสียงน้ำไหลกระทบโขดหินน้อยใหญ่ยังคงดังซู่ซ่า สายแพรนอนนิ่งอยู่บนแผ่นหินริมแก่งด้วยหัวใจอันปวดร้าวและเหนื่อยล้า หวนคิดไปถึงใบหน้าของคนที่เธอรักทีละคน

    พ่อ... แม่... พี่แสงพงษ์... เพื่อนๆ ที่รักใคร่...

    ไม่มีใครเลยซักคน... เธอไม่เหลือใครเลยซักคน... เหลือตัวเธอเพียงแค่คนเดียว... โดดเดี่ยวอยู่ที่นี่ เธอร้องไห้ กำลังร้องไห้ แล้วใครเห็น... ไม่มีใครเห็น ไม่ใครรับรู้... เธอจะไม่ไปไหนอีกแล้ว...

    จะขอตายอยู่ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอดไป...



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่