ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๓ ลางร้าย
http://ppantip.com/topic/31801050
“อ้าวพี่พงษ์... ไปยืนเหม่ออะไรอยู่ตรงนั้นคนเดียวละคะ ?” เสียงของสายแพรที่ร้องเรียกคล้ายฉุดแสงพงษ์ให้หลุดออกมาจากภวังค์ ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องมองน้องสาวที่ยืนอมยิ้มอยู่บนเนินหินด้านบน แสงพงษ์นิ่งไปชั่วอึดใจ พยายามประคับประคองสติที่เตลิดไปไกลให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนสาวเท้าเดินขึ้นมาบนผาเวิ้งเหว
“อ้าว แล้วนี่พี่กิ่งไม่มาด้วยเหรอคะ ?” สายแพรยิงคำถาม หลังเดินขนาบพี่ชายมายังเต้นท์
“กิ่งเขาไม่อยากนอนในเต้นท์น่ะ เลยขอนอนที่บ้านพัก แล้วนี่เรากินอะไรรึยัง?”
“อ๋อ แพรกินช็อกโกแลตเล่นๆ รองท้องแล้วค่ะ พี่พงษ์เอาแซนด์วิชสักชิ้นมั้ยคะ?” พูดจบสายแพรก็ปรี่ไปที่เป้ใบเขื่อง ก่อนล้วงเอาแซนด์วิชมาให้พี่ชายที่เดินไปนั่งสนทนากับดนัยและทอฝัน
“ยัยกิ่งคงเคืองพี่พงษ์มากเลยนะคะ ถึงขนาดไม่ยอมตามขึ้นมาบนนี้ด้วย” ทอฝันเอ่ยขึ้นเมื่อแสงพงษ์ทรุดนั่งลงตรงหน้าเธอและดนัย คำพูดนั้นพลอยทำให้สายแพรที่มาหยุดอยู่ด้านหลังพี่ชายพลอยชะงักงันไปด้วย
“แพรขอโทษนะคะ...ที่บังคับใจพวกพี่ๆ ให้ตามขึ้นมาที่นี่ด้วย อันที่จริงถ้าพี่ๆ ไม่สบายใจหรือไม่มีอารมณ์จะมานอนบนนี้ก็... กลับลงไปนอนที่บ้านพักกับคณะพี่ศศิก็ได้นะคะ แพรไม่โกรธหรอก”
“ยัยแพร...” แสงพงษ์ท้วงเสียงแข็ง แหงนหน้าขึ้นมองน้องสาวอย่างไม่พอใจ ก่อนที่สายแพรจะสะบัดตัวเดินหนีไปด้วยความขุ่นเคืองไม่แพ้กัน
ฝนทิพย์ปิดหน้าต่างหัวนอนที่เปิดแง้มไว้ตั้งแต่เช้าจนสนิท หญิงสาวรู้สึกใจคอไม่ดียังไงพิกล คล้ายกับว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องร้ายขึ้นในป่าแห่งนี้ พอดึงม่านบังหน้าต่างจนมิดแล้ว จึงเดินมาหยิบเอารูปถ่ายของทัดดาวขึ้นมาดูอีกครั้ง
“เธอกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายงั้นเหรอ ?... แต่ในเมื่อพี่สมใจบอกว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบศพเธอเลย งั้นก็แปลว่าเธออาจจะยังไม่ตายก็ได้ แล้วใครกันล่ะ...ที่เป็นคนบอกว่าเห็นเธอกระโดดหน้าผาลงไป” ฝนทิพย์นิ่วหน้าขณะใช้ความคิดหนักหน่วง ซักพักได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังมาจากฟากบ้านพักนักท่องเที่ยว
“อีกแล้วเหรอเนี่ย...” หญิงสาวจุ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ระอาใจกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จนเกินจะทน ว่าแล้วจึงดีดตัวลุกจากเตียงนอน หยิบเอาไฟฉายและเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านพัก พอเปิดประตูและมองออกไปยังทางเดินเล็กๆ นั้น ก็เห็นคนสองคนกำลังหิ้วปีกหญิงคนหนึ่งตรงไปยังที่ทำการอุทยานฯ โดยมีเด็กวัยห้าขวบวิ่งตามอยู่เบื้องหลัง
“ว่าแล้วไง...” ฝนทิพย์เม้มปากแน่น ลางร้ายของเธอเป็นจริงเสียแล้ว หนึ่งในกลุ่มนั้นต้องไปลบหลู่อะไรเข้าอย่างแน่นอนถึงขนาดต้องหิ้วปีกกันออกจากบ้านพักแบบนี้
หญิงสาวเดินเร็วตรงไปยังที่ทำการ ก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นเงาดำวิ่งหายเข้าดงไม้ไปทางซ้ายมือ ฝนทิพย์ชะงักงันและหยุดยืนอยู่กับที่ พอจะสาดไฟฉายใส่ไป เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ดังก้องมาจากหน้าอุทยาน หญิงสาวหันขวับไปยังนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้น ก่อนตัดสินใจวิ่งตรงไปหาอย่างไม่รีรอ
นายพนมกับปราณออกมาจากที่ทำการอุทยานเมื่อได้ยินเสียงร้อง ทั้งคู่ช่วยกันพยุงร่างคนเจ็บเข้าไปภายในที่ทำการอุทยาน พอฝนทิพย์ไปถึงก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งนั่งร้องโอดครวญอยู่ที่โซฟาตัวเขื่องในมุมห้องรับแขก
“คุณพอจะเห็นตัวมันมั้ยครับ รู้รึเปล่าว่างูอะไรกัด ?” ปราณ เจ้าหน้าที่หนุ่มวัยไล่เลี่ยกันกับฝนทิพย์เอ่ยถาม กิ่งแก้วผู้ที่ถูกงูกัดขณะออกมาเดินเล่นเม้มปากแน่น ก่อนปริปาก
“ตัวมันสีน้ำตาลค่ะ ตัวไม่ใหญ่มาก ยาวซักฟุตครึ่งได้” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือ เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ศศิที่คว้าลูกชายมาอยู่แนบกายหน้าซีดเผือดไม่ต่างกับผู้เป็นสามีหลังช่วยพาร่างกิ่งแก้วมายังที่ทำการ
“คุณปวดมากมั้ยครับ ?” ปราณเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนที่กิ่งแก้วจะพยักหน้ารับบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่เริ่มทวีความรุนแรง ระหว่างนั้นภูชิตรีบโทรศัพท์ไปบอกแสงพงษ์ที่อยู่บนผา ฝนทิพย์ตรงไปหยิบเอากล่องปฐมพยาบาล เปิดขวดแอลกอฮอล์และนำสำลีชุบ ก่อนส่งให้กับปราณ
“โอ้ย...” กิ่งแก้วหน้าเหยเมื่อแอลกอฮอล์สัมผัสแผล ดวงตาไหวระริกจ้องมองรอยเขี้ยวที่ฝังอยู่บนข้อเท้าซ้าย
“พี่ว่าเราพาเธอไปโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าเป็นงูมีพิษเดี๋ยวอาการจะแย่” นายพนมว่าขึ้น ศศิเองก็มีท่าทีเห็นด้วย พอหันไปหาร่างสามีก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสนทนาส่งข่าวให้แสงพงษ์ได้รู้ เมื่อได้ยินว่าจะพากิ่งแก้วไปโรงพยาบาล เขาจึงรีบบอกเพื่อนหนุ่มปลายสายอย่างไม่รีรอ
“พงษ์...เรากำลังจะพากิ่งไปโรงพยาบาล นายลงมาจากผาแล้วรีบตามไปนะ”
แสงพงษ์พุ่งกายออกมาจากเต้นท์ คว้าเอากระเป๋าเงินในเป้ก่อนเดินไปปลุกทอฝันและดนัย “ยัยกิ่งถูกงูกัด ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังพาไปโรงพยาบาล ฉันจะตามไป” แสงพงษ์บอกกับดนัยเสียงเข้ม พอรู้ข่าวร้ายทอฝันก็ถึงกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจ
“ถ้างั้นฝันกับพี่ดนัยไปด้วยค่ะ” ทอฝันร้องขึ้น ฝ่ายดนัยเองก็เห็นด้วย
“แล้วนี่ยัยแพรหายไปไหน ?” แสงพงษ์หันซ้ายขวา มองหาร่างน้องสาว หลังเตรียมเดินกลับที่ทำการ
“เธอบอกว่าจะไปเดินเล่นน่ะ เดี๋ยวฉันกับทอฝันล่วงหน้าไปก่อนก็ได้ นายรีบไปบอกสายแพรแล้วตามพวกเราลงมานะ” ดนัยบอก ก่อนคว้ามือทอฝัน หยิบเอาเป้ใบเล็กพร้อมไฟฉาย รีบวิ่งไปยังทางเดินเล็กๆ กลับสู่ที่ทำการอุทยานฯ
แสงพงษ์เดินพล่านด้วยความร้อนใจ ทั้งเป็นห่วงกิ่งแก้วใจแทบขาดและยังไม่เห็นแม้เงาของน้องสาว
“ยัยแพร... แพรอยู่ที่ไหน ?” แสงพงษ์ตัดสินใจตะโกนเรียก หลังเดินวนหาร่างน้องสาวมาได้เกือบห้านาที บนหน้าผาเวิ้งเหวรกชัฏด้วยไม้ยืนต้นน้อยใหญ่ มีเพียงตรงจุดที่เขากางเต้นท์เท่านั้นที่เป็นที่ราบ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินกลับลงไปยังทางเดินที่มุ่งสู่อุทยาน ด้วยเกรงว่าน้องสาวอาจไปที่นั่นหลังกลับมาที่เต้นท์แล้วไม่พบใคร
หากแต่แสงพงษ์กลับคิดผิด เมื่อเขาเดินมาได้ครึ่งทาง เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้น ชายหนุ่มสาดไฟฉายไปรอบกายหาที่มาของเสียงนั่น หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
“ช่วยด้วย... ช่วยด้วยค่ะ” เสียงร้องนั้นดังมาทางแนวป่าด้านซ้ายมือ เหนือขึ้นไปจากทางเดินที่เขาเพิ่งจากมา ไม่รอช้า แสงพงษ์หันหลังกลับและวิ่งขึ้นไปยังผาเวิ้งเหวอย่างสุดกำลัง
ชายหนุ่มหอบกระเส่าด้วยความเหนื่อยอยู่ข้างต้นกระบาก ดวงตากวาดมองไปรอบกาย สายลมเย็นพัดเข้าใส่ร่างกายวูบหนึ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนที่ดังอยู่ไม่ไกลนัก
หญิงสาวยืนตัวสั่นระริกอยู่ปลายหน้าผา ห่างไปไม่ถึงสิบก้าวคือชายหนุ่มร่างหนาที่แต่งกายด้วยชุดสีดำเข้ม ปิดใบหน้าจนมิอาจรู้ได้ว่าเขาคือใคร หากแต่หญิงคนนั้นที่แสงพงษ์เห็นกลับทำให้เขาอ่อนระทวยไปทั้งร่าง
“สายแพร...” ชายหนุ่มตะโกนเรียกน้องสาวไปสุดเสียง ก่อนที่สองหูจะได้ยินเสียงดังดุจกัมปนาทที่ฟาดใส่ร่าง ผิวกายรู้สึกร้อนผ่าวดุจไฟโหม ก่อนเย็นยะเยือกจนเขาหนาวจับขั้วหัวใจ เมื่อก้มลงมองที่หน้าอกขวาตรงไหปลาร้าก็เห็นเลือดสีแดงซึมจนเปียกชุ่ม ดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนมองไปยังร่างน้องสาว ก่อนที่ร่างอันแบบบางนั้นจะตกฮวบลงไปยังผาเวิ้งเหวพร้อมกับสติของเขาที่ดับวูบลง
ฝนทิพย์ลุกจากเก้าอี้ในสำนักงานที่ทำการด้วยความตกใจหลังเสียงปืนดังขึ้น เธอหันมามองหน้าปราณด้วยอาการนิ่งงัน ชายหนุ่มตรงไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเอากุญแจมาไขลิ้นชักชั้นล่าง ก่อนหยิบเอาปืนพกออกมา
“รออยู่นี่นะฝน โทร.เรียกคนอื่นที ฉันจะออกไปดูข้างนอกหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยสั่ง ฝนทิพย์รีบตั้งสติ กดโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ป่าไม้คนอื่น เมื่อปราณออกมาจากที่ทำการแล้ว เขาก็ได้พบกับกานต์และเจ้าหน้าที่อีกสองนายที่วิ่งออกมาจากบ้านพักหลังได้ยินเสียงปืนนั่น
“มันดังมาจากข้างบน... บนหน้าผา” เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเครียดขรึม กานต์กับปราณจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังหน้าผาอย่างไม่รีรอ ครู่ใหญ่ทั้งสองก็หิ้วปีกชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาอย่างหน้าถอดสี
“ตายแล้ว...นี่เขาถูกยิงเหรอคะ” ฝนทิพย์อ้าปากค้างด้วยความตกใจ จ้องมองร่างอันโชกเลือดของแสงพงษ์ ก่อนที่ปราณจะพาเขาไปยังรถยนต์ของอุทยาน ฝนทิพย์อาสาไปด้วย ส่วนกานต์กับเจ้าหน้าที่คนอื่นกลับไปยังผาเวิ้งเหว
“เร็วหน่อยสิปราณ เขาดูแย่แล้วนะ” ฝนทิพย์มองเลือดที่เปื้อนมือขวาของเธอซึ่งใช้กดแผลบนอกขวาของแสงพงษ์ยังเบาะหลัง ลมหายใจของเขารวยรินลงทุกที หากแต่ตายังไม่ปิด หญิงสาวก้มมองเขาเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะเอ่ยคำ
“ช่วย... ช่วยน้องผมด้วย” เสียงแหบแห้งที่ได้ยินทำให้ฝนทิพย์ต้องแนบหูลงใกล้กับริมฝีปากคนเจ็บ
“อะไรนะคะ ช่วยใคร...”
แสงพงษ์ยกมือขึ้นจับแขนหญิงสาวไว้แน่น ดวงตาที่เบิกกว้างจ้องหน้าฝนทิพย์ “สายแพร ที่ผาเวิ้งเหว” สิ้นประโยคนั้นมือที่กำท่อนแขนแน่นก็คลายลง เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงช้าๆ ฝนทิพย์หันไปร้องสั่งปราณให้เร่งความเร็ว พลางใช้อีกมือตบหน้าชายหนุ่มหมายเรียกสติเขาให้กลับมา หากแต่ก็ไม่เป็นผล
แสงพงษ์ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก ฝนทิพย์สั่งให้ปราณเฝ้าที่หน้าห้องฉุกเฉิน ส่วนตนรีบวิ่งหาคณะที่พากิ่งแก้วมาโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว
“แก้วจะไปหาพี่พงษ์... พี่พงษ์...” หญิงสาวกระวีกระวาดจะลุกจากเตียงคนไข้ ที่ข้อเท้ามีผ้าพันแผลปิดไว้อยู่ ขณะที่ทอฝันและศศิช่วยกันห้ามหญิงสาว
“หมอกำลังผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก คุณสองคนตามฉันมาค่ะ” ฝนทิพย์ร้องขึ้น ก่อนหันไปยังร่างภูชิตและดนัย ไม่รอช้าทั้งสองก็รีบเดินตามฝนทิพย์ไปยังห้องฉุกเฉิน ภูชิตแยกไปที่ห้องบัตร ส่วนดนัยก็เค้นถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เราไม่รู้ว่าใครยิงเขาค่ะ ตอนนี้คงแจ้งตำรวจแล้ว แต่นี่ตอนกลางคืนคงสืบหาเบาะแสได้ลำบาก ว่าแต่...พวกคุณไมได้มีศัตรูที่ไหนนะคะ แล้วเกิดมีปากเสียงในกันกลุ่มหรือเปล่า ?” ฝนทิพย์ขมวดคิ้วมุ่นหลังตอบคำถามชายหนุ่ม และยิงคำถามกลับไปด้วยความเคลือบแคลง
“ไม่นี่ครับ พวกเราไม่มีศัตรูที่ไหนและไม่ได้ทะเลาะกันด้วย แล้วทำไมพงษ์ถึงถูกยิงได้...” ดนัยกัดริมฝีปากตัวเองขณะขบคิด พลันนั้นฝนทิพย์ก็นึกไปถึงคำพูดสุดท้ายก่อนที่แสงพงษ์จะหมดสติไป
“คุณคะ... สายแพรคือใคร ?” คำถามของหญิงสาวทำให้ดนัยถึงกับหันขวับมาจ้องหน้าเธอ ใบหน้าชายหนุ่มถอดสีลงอย่างฉับพลัน ฝนทิพย์สัมผัสได้ถึงไอเย็นบางอย่างที่เริ่มเข้าห่อหุ้มรอบกาย
“ยัยแพร...แล้วยัยแพรไม่ได้ตามมาด้วยเหรอครับ ? ตอนที่รู้ว่ากิ่งแก้วถูกงูกัด ผมกับแฟนล่วงหน้าลงมาเพราะตอนนั้นสายแพรออกไปเดินเล่น แสงพงษ์เลยออกตามหาเธอ...” ลมเย็นพัดผ่านความมืดเข้ามาปะทะสองร่างที่ยืนนิ่งงันด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ฝนทิพย์สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนบอกถ้อยคำสุดท้ายของแสงพงษ์ให้เขาได้รู้
“คุณพงษ์บอกว่า ขอให้ฉันช่วยสายแพร...ที่หน้าผา...” สิ้นประโยคนั้น ดนัยก็กดโทรศัพท์ไปหาสายแพรทันที หากแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบกลับมา เขาขอร้องให้ฝนทิพย์ติดต่อไปยังที่ทำการ เมื่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่นั่นก็ทราบว่าไม่พบหญิงสาวชื่อสายแพร เธอหายไป... หายสาบสูญไปบนผาเวิ้งเหวนั่น
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย...” ดนัยเอาสองมือกุมศีรษะ กัดฟันแน่นคล้ายถูกทิ่มแทงด้วยหนามแหลมไปทั่วร่าง ขณะที่ฝนทิพย์เดินมายังประตูหน้าฉุกเฉิน นึกไปถึงชายหนุ่มที่นอนเจ็บอยู่ในนั้น ก่อนจะหวนนึกไปถึงน้องสาวของเขาที่หายไปบนผาเวิ้งเหว...
มันไม่ควรเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง... ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๔ เหตุสะเทือนขวัญซ้ำรอย
http://ppantip.com/topic/31801050
“อ้าวพี่พงษ์... ไปยืนเหม่ออะไรอยู่ตรงนั้นคนเดียวละคะ ?” เสียงของสายแพรที่ร้องเรียกคล้ายฉุดแสงพงษ์ให้หลุดออกมาจากภวังค์ ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องมองน้องสาวที่ยืนอมยิ้มอยู่บนเนินหินด้านบน แสงพงษ์นิ่งไปชั่วอึดใจ พยายามประคับประคองสติที่เตลิดไปไกลให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนสาวเท้าเดินขึ้นมาบนผาเวิ้งเหว
“อ้าว แล้วนี่พี่กิ่งไม่มาด้วยเหรอคะ ?” สายแพรยิงคำถาม หลังเดินขนาบพี่ชายมายังเต้นท์
“กิ่งเขาไม่อยากนอนในเต้นท์น่ะ เลยขอนอนที่บ้านพัก แล้วนี่เรากินอะไรรึยัง?”
“อ๋อ แพรกินช็อกโกแลตเล่นๆ รองท้องแล้วค่ะ พี่พงษ์เอาแซนด์วิชสักชิ้นมั้ยคะ?” พูดจบสายแพรก็ปรี่ไปที่เป้ใบเขื่อง ก่อนล้วงเอาแซนด์วิชมาให้พี่ชายที่เดินไปนั่งสนทนากับดนัยและทอฝัน
“ยัยกิ่งคงเคืองพี่พงษ์มากเลยนะคะ ถึงขนาดไม่ยอมตามขึ้นมาบนนี้ด้วย” ทอฝันเอ่ยขึ้นเมื่อแสงพงษ์ทรุดนั่งลงตรงหน้าเธอและดนัย คำพูดนั้นพลอยทำให้สายแพรที่มาหยุดอยู่ด้านหลังพี่ชายพลอยชะงักงันไปด้วย
“แพรขอโทษนะคะ...ที่บังคับใจพวกพี่ๆ ให้ตามขึ้นมาที่นี่ด้วย อันที่จริงถ้าพี่ๆ ไม่สบายใจหรือไม่มีอารมณ์จะมานอนบนนี้ก็... กลับลงไปนอนที่บ้านพักกับคณะพี่ศศิก็ได้นะคะ แพรไม่โกรธหรอก”
“ยัยแพร...” แสงพงษ์ท้วงเสียงแข็ง แหงนหน้าขึ้นมองน้องสาวอย่างไม่พอใจ ก่อนที่สายแพรจะสะบัดตัวเดินหนีไปด้วยความขุ่นเคืองไม่แพ้กัน
ฝนทิพย์ปิดหน้าต่างหัวนอนที่เปิดแง้มไว้ตั้งแต่เช้าจนสนิท หญิงสาวรู้สึกใจคอไม่ดียังไงพิกล คล้ายกับว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องร้ายขึ้นในป่าแห่งนี้ พอดึงม่านบังหน้าต่างจนมิดแล้ว จึงเดินมาหยิบเอารูปถ่ายของทัดดาวขึ้นมาดูอีกครั้ง
“เธอกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายงั้นเหรอ ?... แต่ในเมื่อพี่สมใจบอกว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบศพเธอเลย งั้นก็แปลว่าเธออาจจะยังไม่ตายก็ได้ แล้วใครกันล่ะ...ที่เป็นคนบอกว่าเห็นเธอกระโดดหน้าผาลงไป” ฝนทิพย์นิ่วหน้าขณะใช้ความคิดหนักหน่วง ซักพักได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังมาจากฟากบ้านพักนักท่องเที่ยว
“อีกแล้วเหรอเนี่ย...” หญิงสาวจุ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ระอาใจกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จนเกินจะทน ว่าแล้วจึงดีดตัวลุกจากเตียงนอน หยิบเอาไฟฉายและเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านพัก พอเปิดประตูและมองออกไปยังทางเดินเล็กๆ นั้น ก็เห็นคนสองคนกำลังหิ้วปีกหญิงคนหนึ่งตรงไปยังที่ทำการอุทยานฯ โดยมีเด็กวัยห้าขวบวิ่งตามอยู่เบื้องหลัง
“ว่าแล้วไง...” ฝนทิพย์เม้มปากแน่น ลางร้ายของเธอเป็นจริงเสียแล้ว หนึ่งในกลุ่มนั้นต้องไปลบหลู่อะไรเข้าอย่างแน่นอนถึงขนาดต้องหิ้วปีกกันออกจากบ้านพักแบบนี้
หญิงสาวเดินเร็วตรงไปยังที่ทำการ ก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นเงาดำวิ่งหายเข้าดงไม้ไปทางซ้ายมือ ฝนทิพย์ชะงักงันและหยุดยืนอยู่กับที่ พอจะสาดไฟฉายใส่ไป เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ดังก้องมาจากหน้าอุทยาน หญิงสาวหันขวับไปยังนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้น ก่อนตัดสินใจวิ่งตรงไปหาอย่างไม่รีรอ
นายพนมกับปราณออกมาจากที่ทำการอุทยานเมื่อได้ยินเสียงร้อง ทั้งคู่ช่วยกันพยุงร่างคนเจ็บเข้าไปภายในที่ทำการอุทยาน พอฝนทิพย์ไปถึงก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งนั่งร้องโอดครวญอยู่ที่โซฟาตัวเขื่องในมุมห้องรับแขก
“คุณพอจะเห็นตัวมันมั้ยครับ รู้รึเปล่าว่างูอะไรกัด ?” ปราณ เจ้าหน้าที่หนุ่มวัยไล่เลี่ยกันกับฝนทิพย์เอ่ยถาม กิ่งแก้วผู้ที่ถูกงูกัดขณะออกมาเดินเล่นเม้มปากแน่น ก่อนปริปาก
“ตัวมันสีน้ำตาลค่ะ ตัวไม่ใหญ่มาก ยาวซักฟุตครึ่งได้” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือ เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ศศิที่คว้าลูกชายมาอยู่แนบกายหน้าซีดเผือดไม่ต่างกับผู้เป็นสามีหลังช่วยพาร่างกิ่งแก้วมายังที่ทำการ
“คุณปวดมากมั้ยครับ ?” ปราณเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนที่กิ่งแก้วจะพยักหน้ารับบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่เริ่มทวีความรุนแรง ระหว่างนั้นภูชิตรีบโทรศัพท์ไปบอกแสงพงษ์ที่อยู่บนผา ฝนทิพย์ตรงไปหยิบเอากล่องปฐมพยาบาล เปิดขวดแอลกอฮอล์และนำสำลีชุบ ก่อนส่งให้กับปราณ
“โอ้ย...” กิ่งแก้วหน้าเหยเมื่อแอลกอฮอล์สัมผัสแผล ดวงตาไหวระริกจ้องมองรอยเขี้ยวที่ฝังอยู่บนข้อเท้าซ้าย
“พี่ว่าเราพาเธอไปโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าเป็นงูมีพิษเดี๋ยวอาการจะแย่” นายพนมว่าขึ้น ศศิเองก็มีท่าทีเห็นด้วย พอหันไปหาร่างสามีก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสนทนาส่งข่าวให้แสงพงษ์ได้รู้ เมื่อได้ยินว่าจะพากิ่งแก้วไปโรงพยาบาล เขาจึงรีบบอกเพื่อนหนุ่มปลายสายอย่างไม่รีรอ
“พงษ์...เรากำลังจะพากิ่งไปโรงพยาบาล นายลงมาจากผาแล้วรีบตามไปนะ”
แสงพงษ์พุ่งกายออกมาจากเต้นท์ คว้าเอากระเป๋าเงินในเป้ก่อนเดินไปปลุกทอฝันและดนัย “ยัยกิ่งถูกงูกัด ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังพาไปโรงพยาบาล ฉันจะตามไป” แสงพงษ์บอกกับดนัยเสียงเข้ม พอรู้ข่าวร้ายทอฝันก็ถึงกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจ
“ถ้างั้นฝันกับพี่ดนัยไปด้วยค่ะ” ทอฝันร้องขึ้น ฝ่ายดนัยเองก็เห็นด้วย
“แล้วนี่ยัยแพรหายไปไหน ?” แสงพงษ์หันซ้ายขวา มองหาร่างน้องสาว หลังเตรียมเดินกลับที่ทำการ
“เธอบอกว่าจะไปเดินเล่นน่ะ เดี๋ยวฉันกับทอฝันล่วงหน้าไปก่อนก็ได้ นายรีบไปบอกสายแพรแล้วตามพวกเราลงมานะ” ดนัยบอก ก่อนคว้ามือทอฝัน หยิบเอาเป้ใบเล็กพร้อมไฟฉาย รีบวิ่งไปยังทางเดินเล็กๆ กลับสู่ที่ทำการอุทยานฯ
แสงพงษ์เดินพล่านด้วยความร้อนใจ ทั้งเป็นห่วงกิ่งแก้วใจแทบขาดและยังไม่เห็นแม้เงาของน้องสาว
“ยัยแพร... แพรอยู่ที่ไหน ?” แสงพงษ์ตัดสินใจตะโกนเรียก หลังเดินวนหาร่างน้องสาวมาได้เกือบห้านาที บนหน้าผาเวิ้งเหวรกชัฏด้วยไม้ยืนต้นน้อยใหญ่ มีเพียงตรงจุดที่เขากางเต้นท์เท่านั้นที่เป็นที่ราบ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินกลับลงไปยังทางเดินที่มุ่งสู่อุทยาน ด้วยเกรงว่าน้องสาวอาจไปที่นั่นหลังกลับมาที่เต้นท์แล้วไม่พบใคร
หากแต่แสงพงษ์กลับคิดผิด เมื่อเขาเดินมาได้ครึ่งทาง เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้น ชายหนุ่มสาดไฟฉายไปรอบกายหาที่มาของเสียงนั่น หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
“ช่วยด้วย... ช่วยด้วยค่ะ” เสียงร้องนั้นดังมาทางแนวป่าด้านซ้ายมือ เหนือขึ้นไปจากทางเดินที่เขาเพิ่งจากมา ไม่รอช้า แสงพงษ์หันหลังกลับและวิ่งขึ้นไปยังผาเวิ้งเหวอย่างสุดกำลัง
ชายหนุ่มหอบกระเส่าด้วยความเหนื่อยอยู่ข้างต้นกระบาก ดวงตากวาดมองไปรอบกาย สายลมเย็นพัดเข้าใส่ร่างกายวูบหนึ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนที่ดังอยู่ไม่ไกลนัก
หญิงสาวยืนตัวสั่นระริกอยู่ปลายหน้าผา ห่างไปไม่ถึงสิบก้าวคือชายหนุ่มร่างหนาที่แต่งกายด้วยชุดสีดำเข้ม ปิดใบหน้าจนมิอาจรู้ได้ว่าเขาคือใคร หากแต่หญิงคนนั้นที่แสงพงษ์เห็นกลับทำให้เขาอ่อนระทวยไปทั้งร่าง
“สายแพร...” ชายหนุ่มตะโกนเรียกน้องสาวไปสุดเสียง ก่อนที่สองหูจะได้ยินเสียงดังดุจกัมปนาทที่ฟาดใส่ร่าง ผิวกายรู้สึกร้อนผ่าวดุจไฟโหม ก่อนเย็นยะเยือกจนเขาหนาวจับขั้วหัวใจ เมื่อก้มลงมองที่หน้าอกขวาตรงไหปลาร้าก็เห็นเลือดสีแดงซึมจนเปียกชุ่ม ดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนมองไปยังร่างน้องสาว ก่อนที่ร่างอันแบบบางนั้นจะตกฮวบลงไปยังผาเวิ้งเหวพร้อมกับสติของเขาที่ดับวูบลง
ฝนทิพย์ลุกจากเก้าอี้ในสำนักงานที่ทำการด้วยความตกใจหลังเสียงปืนดังขึ้น เธอหันมามองหน้าปราณด้วยอาการนิ่งงัน ชายหนุ่มตรงไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเอากุญแจมาไขลิ้นชักชั้นล่าง ก่อนหยิบเอาปืนพกออกมา
“รออยู่นี่นะฝน โทร.เรียกคนอื่นที ฉันจะออกไปดูข้างนอกหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยสั่ง ฝนทิพย์รีบตั้งสติ กดโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ป่าไม้คนอื่น เมื่อปราณออกมาจากที่ทำการแล้ว เขาก็ได้พบกับกานต์และเจ้าหน้าที่อีกสองนายที่วิ่งออกมาจากบ้านพักหลังได้ยินเสียงปืนนั่น
“มันดังมาจากข้างบน... บนหน้าผา” เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเครียดขรึม กานต์กับปราณจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังหน้าผาอย่างไม่รีรอ ครู่ใหญ่ทั้งสองก็หิ้วปีกชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาอย่างหน้าถอดสี
“ตายแล้ว...นี่เขาถูกยิงเหรอคะ” ฝนทิพย์อ้าปากค้างด้วยความตกใจ จ้องมองร่างอันโชกเลือดของแสงพงษ์ ก่อนที่ปราณจะพาเขาไปยังรถยนต์ของอุทยาน ฝนทิพย์อาสาไปด้วย ส่วนกานต์กับเจ้าหน้าที่คนอื่นกลับไปยังผาเวิ้งเหว
“เร็วหน่อยสิปราณ เขาดูแย่แล้วนะ” ฝนทิพย์มองเลือดที่เปื้อนมือขวาของเธอซึ่งใช้กดแผลบนอกขวาของแสงพงษ์ยังเบาะหลัง ลมหายใจของเขารวยรินลงทุกที หากแต่ตายังไม่ปิด หญิงสาวก้มมองเขาเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะเอ่ยคำ
“ช่วย... ช่วยน้องผมด้วย” เสียงแหบแห้งที่ได้ยินทำให้ฝนทิพย์ต้องแนบหูลงใกล้กับริมฝีปากคนเจ็บ
“อะไรนะคะ ช่วยใคร...”
แสงพงษ์ยกมือขึ้นจับแขนหญิงสาวไว้แน่น ดวงตาที่เบิกกว้างจ้องหน้าฝนทิพย์ “สายแพร ที่ผาเวิ้งเหว” สิ้นประโยคนั้นมือที่กำท่อนแขนแน่นก็คลายลง เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงช้าๆ ฝนทิพย์หันไปร้องสั่งปราณให้เร่งความเร็ว พลางใช้อีกมือตบหน้าชายหนุ่มหมายเรียกสติเขาให้กลับมา หากแต่ก็ไม่เป็นผล
แสงพงษ์ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก ฝนทิพย์สั่งให้ปราณเฝ้าที่หน้าห้องฉุกเฉิน ส่วนตนรีบวิ่งหาคณะที่พากิ่งแก้วมาโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว
“แก้วจะไปหาพี่พงษ์... พี่พงษ์...” หญิงสาวกระวีกระวาดจะลุกจากเตียงคนไข้ ที่ข้อเท้ามีผ้าพันแผลปิดไว้อยู่ ขณะที่ทอฝันและศศิช่วยกันห้ามหญิงสาว
“หมอกำลังผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก คุณสองคนตามฉันมาค่ะ” ฝนทิพย์ร้องขึ้น ก่อนหันไปยังร่างภูชิตและดนัย ไม่รอช้าทั้งสองก็รีบเดินตามฝนทิพย์ไปยังห้องฉุกเฉิน ภูชิตแยกไปที่ห้องบัตร ส่วนดนัยก็เค้นถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เราไม่รู้ว่าใครยิงเขาค่ะ ตอนนี้คงแจ้งตำรวจแล้ว แต่นี่ตอนกลางคืนคงสืบหาเบาะแสได้ลำบาก ว่าแต่...พวกคุณไมได้มีศัตรูที่ไหนนะคะ แล้วเกิดมีปากเสียงในกันกลุ่มหรือเปล่า ?” ฝนทิพย์ขมวดคิ้วมุ่นหลังตอบคำถามชายหนุ่ม และยิงคำถามกลับไปด้วยความเคลือบแคลง
“ไม่นี่ครับ พวกเราไม่มีศัตรูที่ไหนและไม่ได้ทะเลาะกันด้วย แล้วทำไมพงษ์ถึงถูกยิงได้...” ดนัยกัดริมฝีปากตัวเองขณะขบคิด พลันนั้นฝนทิพย์ก็นึกไปถึงคำพูดสุดท้ายก่อนที่แสงพงษ์จะหมดสติไป
“คุณคะ... สายแพรคือใคร ?” คำถามของหญิงสาวทำให้ดนัยถึงกับหันขวับมาจ้องหน้าเธอ ใบหน้าชายหนุ่มถอดสีลงอย่างฉับพลัน ฝนทิพย์สัมผัสได้ถึงไอเย็นบางอย่างที่เริ่มเข้าห่อหุ้มรอบกาย
“ยัยแพร...แล้วยัยแพรไม่ได้ตามมาด้วยเหรอครับ ? ตอนที่รู้ว่ากิ่งแก้วถูกงูกัด ผมกับแฟนล่วงหน้าลงมาเพราะตอนนั้นสายแพรออกไปเดินเล่น แสงพงษ์เลยออกตามหาเธอ...” ลมเย็นพัดผ่านความมืดเข้ามาปะทะสองร่างที่ยืนนิ่งงันด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ฝนทิพย์สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนบอกถ้อยคำสุดท้ายของแสงพงษ์ให้เขาได้รู้
“คุณพงษ์บอกว่า ขอให้ฉันช่วยสายแพร...ที่หน้าผา...” สิ้นประโยคนั้น ดนัยก็กดโทรศัพท์ไปหาสายแพรทันที หากแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบกลับมา เขาขอร้องให้ฝนทิพย์ติดต่อไปยังที่ทำการ เมื่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่นั่นก็ทราบว่าไม่พบหญิงสาวชื่อสายแพร เธอหายไป... หายสาบสูญไปบนผาเวิ้งเหวนั่น
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย...” ดนัยเอาสองมือกุมศีรษะ กัดฟันแน่นคล้ายถูกทิ่มแทงด้วยหนามแหลมไปทั่วร่าง ขณะที่ฝนทิพย์เดินมายังประตูหน้าฉุกเฉิน นึกไปถึงชายหนุ่มที่นอนเจ็บอยู่ในนั้น ก่อนจะหวนนึกไปถึงน้องสาวของเขาที่หายไปบนผาเวิ้งเหว...
มันไม่ควรเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง... ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม