ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๔ เหตุสะเทือนขวัญซ้ำรอย
http://ppantip.com/topic/31827468
สารวัตรเจ้าของคดีเชิญกิ่งแก้ว ดนัยและทอฝันไปให้ปากคำยังโรงพัก พร้อมกับหัวหน้าที่ทำการอุทยานในเวลาแปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น และในเวลาไม่นาน ข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว และเตรียมพร้อมที่จะเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ในฉบับหน้า
“ทางกลุ่มคุณแสงพงษ์ให้การว่า คุณแสงพงษ์กับน้องสาวไม่ได้พกปืนมาด้วย อีกอย่างลูกน้องผมได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าพวกเขาหมดทุกคนอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่พบอะไรต้องสงสัย รวมถึงทั้งคุณแสงพงษ์และคุณสายแพรที่หายตัวไป ก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไร นั่นก็แสดงว่า คนที่ยิงคุณแสงพงษ์อาจจะไม่ใช่คุณสายแพร” สารวัตรวัยสี่สิบปี ผู้เป็นเจ้าของคดีสะเทือนขวัญเอ่ยเสียงเรียบ หัวหน้าที่ทำการขมวดคิ้วมุ่นก่อนปริปากถาม
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า...เป็นคนอื่นที่ยิงเขา คุณจะบอกว่าเป็นคนในอุทยาน...”
“จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ถูกต้องทั้งหมดหรอกครับ ตราบใดที่คุณแสงพงษ์ยังไม่ได้สติพอจะให้ปากคำได้ และเรายังไม่พบตัวคุณสายแพร ก็ยังระบุแน่ชัดไม่ได้ว่าเรื่องเป็นมายังไง ตอนนี้รอผลตรวจหัวกระสุนก่อน เมื่อกี้ก่อนหน้าที่พวกคุณจะมา ลูกน้องผมที่เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุบนหน้าผานั่น รายงานว่า...ไม่พบปลอกกระสุน” คำพูดประโยคสุดท้ายของสารวัตรทำให้ทุกร่างยิ่งเครียดเกร็ง
“ป่าตั้งกว้างใหญ่ คงไม่แปลกที่จะไม่พบ แต่ผมขอนะครับ อย่าให้เรื่องนี้เป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตอะไรเลย ทางเราจะรีบออกตามหาตัวคุณสายแพรให้เร็วที่สุด” หัวหน้าที่ทำการยืนยันหนักแน่น
“แล้วถ้าสายแพรตกหน้าผาลงไปล่ะครับ ?” ดนัยเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ก็ในเมื่อทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้และตำรวจ ตรวจค้นบริเวณผาเวิ้งเหวจนทั่วแต่ก็ไม่พบร่างเธอ ก็เป็นไปได้ว่าคืนนั้นเธออาจจะพลัดตกหน้าผาไปแล้วก็ได้
“ไม่มีอะไรมายืนยันว่าเธอตกหน้าผาหรือไม่นะครับ” สารวัตรบอกเสียงเข้ม ก่อนหันไปหาหัวหน้าที่ทำการฯ “ผมสรุปเลยแล้วกันนะครับ วันนี้คุณนำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ออกไปค้นหารอบอุทยาน แล้วก็จุดใต้หน้าผาด้วย ผมจะให้ลูกน้องผมตามไปด้วย แล้วเดี๋ยวสายนี้ ผมจะขอเข้าไปตรวจค้นและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ในที่ทำการอุทยานทุกคน รบกวนคุณช่วยแจ้งลูกน้องคุณด้วยนะครับ”
ฝนทิพย์มาที่โรงพยาบาลอีกครั้งหลังกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนใกล้รุ่งสางพร้อมกับปราณ เธอเห็นกิ่งแก้วยังคงนั่งก้มหน้าอยู่ที่ระเบียงข้างห้องไอซียู ที่ข้อเท้ามีผ้าพันแผลสีขาวปิดอยู่ ในหัวของเธอก็คงเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
“อาการคุณเป็นยังไงบ้างคะ ?” ฝนทิพย์เดินเข้าไปถามกิ่งแก้ว เธอเงยหน้าขึ้น ใบหน้าซีดเผือดยังคงเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ จะห่วงก็แต่...” กิ่งแก้วพูดไม่ออก ก่อนเบนหน้าไปยังประตูห้องไอซียู ร่างชายคนรักอยู่ระหว่างความเป็นความตาย แม้จะผ่าเอากระสุนออกมาได้แต่อาการเขาก็ยิ่งกลับทรุด
ฝนทิพย์เอื้อมมือไปจับมือเธอไว้เบาๆ “ทำใจดีๆ ไว้นะคะ คุณพงษ์จะต้องดีขึ้น...”
กิ่งแก้วยิ้มทั้งน้ำตา หวนคิดไปถึงตอนเดินทางมายังที่นี่ เธอคัดค้านเขานักหนาว่าไม่อยากมา แต่สุดท้ายเขาก็พาเธอมาจนได้ ไหนจะสายแพรน้องสาวของเขาอีกคน อยากมาใจจะขาด แล้วเป็นยังไงล่ะ...
“ฝน... กลับกันเถอะ เมื่อกี้หัวหน้าโทร.มาตาม” ปราณเดินมาสะกิดฝนทิพย์เบาๆ หญิงสาวจึงได้ผละออกมาจากกิ่งแก้ว พอขึ้นมานั่งบนรถได้ ปราณเลยเปรยให้ฟังถึงเรื่องที่หัวหน้าถูกเรียกไปสอบสวนเมื่อเช้านี้
“ไม่พบปลอกกระสุนเหรอ... แล้วเมื่อคืนตอนที่พี่กานต์กับนายขึ้นไปบนหน้าผา ไม่เจออะไรบ้างเลยเหรอ?” ฝนทิพย์ท้วงขึ้น ก่อนที่สารถีหนุ่มจะย่นคิ้วครุ่นคิด
“ไม่นะ... ใครจะมีเวลาไปเดินดูล่ะ พอเห็นคุณพงษ์นอนจมกองเลือดอยู่ ฉันกับพี่กานต์ก็รีบหิ้วปีกลงมา ไม่ทันได้ฉุกคิดถึงเรื่องปลอกกระสุนอะไรนั่นหรอก...” ปราณแย้ง ขณะที่ฝนทิพย์นิ่งคิด
“แต่ฉันก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ใครเป็นคนยิงแสงพงษ์ แล้วยิงเขาทำไม ? แล้วสายแพรหายไปไหน ?”
“ใครๆ ก็สงสัยด้วยกันทั้งนั้นแหละ แกเตรียมตอบคำถามพวกตำรวจให้ดีก็แล้วกัน ได้ยินว่าจะขอเข้าตรวจค้นบ้านพักทุกหลังในที่ทำการด้วยนิ เฮ่ย... ไม่รู้เวรกรรมอะไร อยู่ในป่าแท้ๆ ยังคิดจะมาฆ่าแกงกันอีก นับตั้งแต่เกิดเรื่องคราวคุณทัดดาวหายตัวไป ที่นี่ก็สงบเงียบมาตลอดเลยนะ จะมาดังเปรี้ยงอีกครั้งก็คราวนี้นี่แหละ...” ปราณบ่นไปตามประสา หากแต่ว่าฝนทิพย์กลับยิ่งใช้ความคิดจริงจัง... การหายตัวไปของผู้หญิงทั้งสองคน มันจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่หนอ ?
กระสุนที่ใช้ยิงแสงพงษ์ ไม่ตรงกับอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ในที่ทำการอุทยานมีไว้ครอบครอง พวกเขาดูจะพ้นจากผู้ต้องสงสัยไปได้ข้อหนึ่ง หากแต่มีอีกหลายคนที่ไม่มีพยานยืนยันที่อยู่ ขณะเวลาเกิดเหตุ
ในตอนนั้น นายพนมกับปราณรวมทั้งฝนทิพย์กำลังช่วยทำแผลให้กับกิ่งแก้วในที่ทำการ ภูชิตและศศิกับลูกชายอยู่ที่นั่นด้วย ในขณะที่เมื่อดนัยและทอฝันตามลงมาและพากิ่งแก้วไปโรงพยาบาลพร้อมกับคณะภูชิตโดยมีนายพนมเป็นคนนำทาง ขณะที่เสียงปืนดังขึ้น ฝนทิพย์กับปราณอยู่ในที่ทำการอุทยาน ฝนทิพย์ให้การว่าหลังวิ่งออกมาจากที่ทำการ ก็พบกับกานต์และเจ้าหน้าที่อีกสองคนนั่นคือ ลุงเคี้ยมและนายคม เจ้าหน้าที่ป่าไม้สูงวัยกับหลานชายที่เป็นอาสาป่าไม้ ทั้งสามไม่มีทางยิงแสงพงษ์แล้ววิ่งกลับมาลงที่ทำการในเวลารวดเร็วเช่นนี้ได้ และเจ้าหน้าที่คนอื่นที่เหลือต่างก็มีพยานอ้างที่อยู่ชัดเจน ฉะนั้น จึงเหลือผู้ต้องสงสัยเพียงแค่สองคน
“ยงยุทธ์ กับ ก้องไพร” หัวหน้าที่ทำการเรียกทั้งสองมาพบ ยงยุทธ์ทำหน้าเหรอหราด้วยความตกใจไม่ต่างจากก้องไพร ทั้งสองเป็นอาสาป่าไม้วัยหนุ่มฉกรรจ์ เมื่อตำรวจได้สอบถามเบื้องต้นก็ได้ความว่า ขณะเกิดเหตุยงยุทธ์อยู่ที่บ้านพักของญาติในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากที่ทำการเกือบสองกิโลฯ ส่วนก้องไพร อ้างว่าออกไปส่องนกเพียงคนเดียว ทั้งสองคนยังไม่มีพยานอ้างที่อยู่
ถ้าตัดผู้ต้องสงสัยให้เหลือเพียงแค่สองคนนี้ ฝนทิพย์อาจพอคาดเดาออกว่าทั้งสองมีแรงจูงใจใดบ้างที่จะก่อเหตุยิงแสงพงษ์และทำให้สายแพรหายตัวไป... แต่ก็นั่นแหละ ความสงสัยของเธอรวมถึงความจริงทั้งหมด ก็ยังคงเป็นเงื่อนงำรอการคลี่คลาย หากแต่หญิงสาวกลับสังหรณ์ใจพิกล ว่าเรื่องนี้มันอาจเกี่ยวพันไปถึงเรื่องการหายตัวไปของทัดดาวเมื่อสองปีก่อนโน้น... หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น หญิงสาวจึงเดินละลิ่วขึ้นไปยังผาเวิ้งเหวเพียงคนเดียว และพอมาถึงก็พบเพียงความว่างเปล่าของเนินผา... เห็นเพียงแค่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ และภูผาที่ทอดตัวยาวสลับซับซ้อนไปสุดลูกหูลูกตา...
ร่างเพรียวลมเดินเนิบนาบมายังกลางลานหิน เอ่ยถามไปกับสายลมแผ่วเบา
“คุณอยู่ที่ไหนกันนะ...” หญิงสาวพริ้มตาหลับลง ส่งกระแสความคิดออกไปยังผืนป่าที่โอบล้อม ถ้าหากสายแพรได้ยินเสียงเธอ ก็ขอให้จงกลับมาและเฉลยเรื่องนี้ให้กระจ่างด้วยเถิด
“เมื่อคืนแกหายไปไหนมา...” เสียงตะคอกถามนั้นทำให้ร่างที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ต้องเบิกตากว้าง ฝนทิพย์หันไปทางด้านซ้าย เห็นชายสองคนกำลังเดินออกมาจากพุ่มไม้ หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบหลังโคนต้นไม้ใกล้ตัวทันที
“เดี๋ยวฉันจะบอกพี่ทีหลังนะ แล้วเป็นไงบ้าง หาปลอกกระสุนเจอมั้ย ?” เสียงแหบห้าวนั้นฟังดูคุ้นหูนัก ฝนทิพย์ใจเต้นระรัว กำลังชั่งใจว่าจะหันไปชำเลืองดูให้เห็นหน้าดีหรือไม่
“ไม่เจอ... ตกลงแกจะบอกว่า แกเป็นคนยิงมันใช่มั้ย ? แกขโมยปืนข้าไปยิงมัน แกยิงมันทำไม ?” อีกคนตะคอกใส่อย่างเลือดขึ้นหน้า น้ำเสียงที่ได้ยินยิ่งทำให้ฝนทิพย์แน่ใจ ว่าใช่คนที่ใกล้ตัวเธออย่างแน่นอน
“พี่... ผมเผลอไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใครนะ ก็มัน
เข้ามาขวางก่อน ผมกำลังจะได้ตัวนังนั่นอยู่แล้วเชียว”
พั๊วะ !!! ฝ่ามือที่ฟาดลงยังใบหน้าทำให้หญิงสาวที่แอบฟังสะดุ้งเฮือก คนที่ถูกตบหน้ากัดฟันแน่นอย่างขุ่นเคือง
“ถ้าแกอยากนัก ทำไมไม่ไปเอาผู้หญิงหากินในเมืองวะ จะมายุ่งกับพวกมันทำไม ?”
“ผม... ผมขอโทษพี่ แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรมันนะ พอยิงไอ้นั่นล้มลงไป หันมาอีกที มันก็พลาดตกหน้าผาลงไป” คำสารภาพที่ได้ยินทำเอาหัวใจของฝนทิพย์หล่นฮวบลงไปกองกับพื้น ไอแย่นแผ่ซึมจากปลายเท้าไล่ขึ้นมาตามร่างกายจนรู้สึกแข็งทื่อมิอาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ ความโหดร้ายที่ได้ยินกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตาที่ค่อยๆ รินไหลลงมาจากสองตาของหญิงสาว หลังจบประโยคนั้น เสียงสนทนาก็เงียบลง ได้ยินเสียงวิ่งสวบสาบไกลออกไป
“อ้าว...หายไปไหนมาล่ะฝน พี่รอเธออยู่นะเนี่ย” สมใจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเพรียวลมเดินตรงมายังโต๊ะอาหาร หลังการสอบสวนจบลง ทั้งหมดก็มานั่งจับกลุ่มคุยกันจนถึงเที่ยง นางสมใจกับแม่บ้านเลยจัดอาหารเที่ยงมาให้ทุกคนกินร่วมกันเสียเลย
“ออกไปเดินเล่นแถวนี้นิดหน่อยน่ะค่ะ...” เธอบอกเสียงเรียบ ก่อนทรุดนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหญิงรุ่นพี่ ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะของลุงเคี้ยมร้องทักขึ้น
“อ้าวกานต์ ไอ้ยุทธ มาๆ มากินข้าว หายไปไหนกันมาวะ” ลุงเคี้ยมตบเก้าอี้ตัวข้างๆ เสียงดังฉาด กานต์เดินมุ่งหน้ามาก่อน ตามด้วยยงยุทธ์
“อ้าวเฮ้ย... นี่หน้าเอ็งไปโดนอะไรมาวะไอ้ยุทธ์ ถูกเมียตบมาหละสิ” ประโยคนั้นทำให้คนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากถึงกับชะงักงัน ฝนทิพย์นิ่งค้างไปโดยฉับพลัน รู้สึกเหมือนถูกตัดภาพไปตอนขณะที่เธอได้ยินเสียงสนทนาบนหน้าผา
“เมียเมออะไรกันล่ะลุง ฉันยังไม่มีเมียซักหน่อย ก็ยุงน่ะสิ มันมากัด ฉันก็เผลอตบเอา หน้าก็เลยแดงแบบนี้เนี่ยแหละ” ยงยุทธ์แย้งเสียงใส ก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าว
“ฝน...เป็นอะไรรึเปล่า ?” นางสมใจสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวจึงสะกิดเธอเบาๆ
“อ๋อ...ไม่มีอะไรค่ะพี่” ฝนทิพย์ปั้นยิ้ม ก่อนเหลือบหางตาไปทางด้านซ้ายมือ ใบหน้าด้านซ้ายของยงยุทธ์มีรอยแดงคล้ายถูกมือฟาดอย่างแรง และในจังหวะที่เธอเพ่งมองเขาจริงจังนั่นเอง ยงยุทธ์ก็เผลอหันมาสบตาหญิงสาวเข้า
สายตาเคลือบแคลงสงสัยของฝนทิพย์เปิดเผยออกมาจนเด่นชัด หญิงสาวรีบหันหน้าหนี และก้มหน้าก้มตากินอาหารในจาน หากแต่ว่ายงยุทธ์กลับกินต่อไม่ลง... ความแปลกประหลาดใจก่อตัวขึ้นในฉับพลัน สายตาที่ฝนทิพย์มองตนนั้นน่าสงสัย เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่...
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๕ ผู้ต้องสงสัย
http://ppantip.com/topic/31827468
สารวัตรเจ้าของคดีเชิญกิ่งแก้ว ดนัยและทอฝันไปให้ปากคำยังโรงพัก พร้อมกับหัวหน้าที่ทำการอุทยานในเวลาแปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น และในเวลาไม่นาน ข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว และเตรียมพร้อมที่จะเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ในฉบับหน้า
“ทางกลุ่มคุณแสงพงษ์ให้การว่า คุณแสงพงษ์กับน้องสาวไม่ได้พกปืนมาด้วย อีกอย่างลูกน้องผมได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าพวกเขาหมดทุกคนอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่พบอะไรต้องสงสัย รวมถึงทั้งคุณแสงพงษ์และคุณสายแพรที่หายตัวไป ก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไร นั่นก็แสดงว่า คนที่ยิงคุณแสงพงษ์อาจจะไม่ใช่คุณสายแพร” สารวัตรวัยสี่สิบปี ผู้เป็นเจ้าของคดีสะเทือนขวัญเอ่ยเสียงเรียบ หัวหน้าที่ทำการขมวดคิ้วมุ่นก่อนปริปากถาม
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า...เป็นคนอื่นที่ยิงเขา คุณจะบอกว่าเป็นคนในอุทยาน...”
“จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ถูกต้องทั้งหมดหรอกครับ ตราบใดที่คุณแสงพงษ์ยังไม่ได้สติพอจะให้ปากคำได้ และเรายังไม่พบตัวคุณสายแพร ก็ยังระบุแน่ชัดไม่ได้ว่าเรื่องเป็นมายังไง ตอนนี้รอผลตรวจหัวกระสุนก่อน เมื่อกี้ก่อนหน้าที่พวกคุณจะมา ลูกน้องผมที่เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุบนหน้าผานั่น รายงานว่า...ไม่พบปลอกกระสุน” คำพูดประโยคสุดท้ายของสารวัตรทำให้ทุกร่างยิ่งเครียดเกร็ง
“ป่าตั้งกว้างใหญ่ คงไม่แปลกที่จะไม่พบ แต่ผมขอนะครับ อย่าให้เรื่องนี้เป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตอะไรเลย ทางเราจะรีบออกตามหาตัวคุณสายแพรให้เร็วที่สุด” หัวหน้าที่ทำการยืนยันหนักแน่น
“แล้วถ้าสายแพรตกหน้าผาลงไปล่ะครับ ?” ดนัยเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ก็ในเมื่อทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้และตำรวจ ตรวจค้นบริเวณผาเวิ้งเหวจนทั่วแต่ก็ไม่พบร่างเธอ ก็เป็นไปได้ว่าคืนนั้นเธออาจจะพลัดตกหน้าผาไปแล้วก็ได้
“ไม่มีอะไรมายืนยันว่าเธอตกหน้าผาหรือไม่นะครับ” สารวัตรบอกเสียงเข้ม ก่อนหันไปหาหัวหน้าที่ทำการฯ “ผมสรุปเลยแล้วกันนะครับ วันนี้คุณนำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ออกไปค้นหารอบอุทยาน แล้วก็จุดใต้หน้าผาด้วย ผมจะให้ลูกน้องผมตามไปด้วย แล้วเดี๋ยวสายนี้ ผมจะขอเข้าไปตรวจค้นและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ในที่ทำการอุทยานทุกคน รบกวนคุณช่วยแจ้งลูกน้องคุณด้วยนะครับ”
ฝนทิพย์มาที่โรงพยาบาลอีกครั้งหลังกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนใกล้รุ่งสางพร้อมกับปราณ เธอเห็นกิ่งแก้วยังคงนั่งก้มหน้าอยู่ที่ระเบียงข้างห้องไอซียู ที่ข้อเท้ามีผ้าพันแผลสีขาวปิดอยู่ ในหัวของเธอก็คงเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
“อาการคุณเป็นยังไงบ้างคะ ?” ฝนทิพย์เดินเข้าไปถามกิ่งแก้ว เธอเงยหน้าขึ้น ใบหน้าซีดเผือดยังคงเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ จะห่วงก็แต่...” กิ่งแก้วพูดไม่ออก ก่อนเบนหน้าไปยังประตูห้องไอซียู ร่างชายคนรักอยู่ระหว่างความเป็นความตาย แม้จะผ่าเอากระสุนออกมาได้แต่อาการเขาก็ยิ่งกลับทรุด
ฝนทิพย์เอื้อมมือไปจับมือเธอไว้เบาๆ “ทำใจดีๆ ไว้นะคะ คุณพงษ์จะต้องดีขึ้น...”
กิ่งแก้วยิ้มทั้งน้ำตา หวนคิดไปถึงตอนเดินทางมายังที่นี่ เธอคัดค้านเขานักหนาว่าไม่อยากมา แต่สุดท้ายเขาก็พาเธอมาจนได้ ไหนจะสายแพรน้องสาวของเขาอีกคน อยากมาใจจะขาด แล้วเป็นยังไงล่ะ...
“ฝน... กลับกันเถอะ เมื่อกี้หัวหน้าโทร.มาตาม” ปราณเดินมาสะกิดฝนทิพย์เบาๆ หญิงสาวจึงได้ผละออกมาจากกิ่งแก้ว พอขึ้นมานั่งบนรถได้ ปราณเลยเปรยให้ฟังถึงเรื่องที่หัวหน้าถูกเรียกไปสอบสวนเมื่อเช้านี้
“ไม่พบปลอกกระสุนเหรอ... แล้วเมื่อคืนตอนที่พี่กานต์กับนายขึ้นไปบนหน้าผา ไม่เจออะไรบ้างเลยเหรอ?” ฝนทิพย์ท้วงขึ้น ก่อนที่สารถีหนุ่มจะย่นคิ้วครุ่นคิด
“ไม่นะ... ใครจะมีเวลาไปเดินดูล่ะ พอเห็นคุณพงษ์นอนจมกองเลือดอยู่ ฉันกับพี่กานต์ก็รีบหิ้วปีกลงมา ไม่ทันได้ฉุกคิดถึงเรื่องปลอกกระสุนอะไรนั่นหรอก...” ปราณแย้ง ขณะที่ฝนทิพย์นิ่งคิด
“แต่ฉันก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ใครเป็นคนยิงแสงพงษ์ แล้วยิงเขาทำไม ? แล้วสายแพรหายไปไหน ?”
“ใครๆ ก็สงสัยด้วยกันทั้งนั้นแหละ แกเตรียมตอบคำถามพวกตำรวจให้ดีก็แล้วกัน ได้ยินว่าจะขอเข้าตรวจค้นบ้านพักทุกหลังในที่ทำการด้วยนิ เฮ่ย... ไม่รู้เวรกรรมอะไร อยู่ในป่าแท้ๆ ยังคิดจะมาฆ่าแกงกันอีก นับตั้งแต่เกิดเรื่องคราวคุณทัดดาวหายตัวไป ที่นี่ก็สงบเงียบมาตลอดเลยนะ จะมาดังเปรี้ยงอีกครั้งก็คราวนี้นี่แหละ...” ปราณบ่นไปตามประสา หากแต่ว่าฝนทิพย์กลับยิ่งใช้ความคิดจริงจัง... การหายตัวไปของผู้หญิงทั้งสองคน มันจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่หนอ ?
กระสุนที่ใช้ยิงแสงพงษ์ ไม่ตรงกับอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ในที่ทำการอุทยานมีไว้ครอบครอง พวกเขาดูจะพ้นจากผู้ต้องสงสัยไปได้ข้อหนึ่ง หากแต่มีอีกหลายคนที่ไม่มีพยานยืนยันที่อยู่ ขณะเวลาเกิดเหตุ
ในตอนนั้น นายพนมกับปราณรวมทั้งฝนทิพย์กำลังช่วยทำแผลให้กับกิ่งแก้วในที่ทำการ ภูชิตและศศิกับลูกชายอยู่ที่นั่นด้วย ในขณะที่เมื่อดนัยและทอฝันตามลงมาและพากิ่งแก้วไปโรงพยาบาลพร้อมกับคณะภูชิตโดยมีนายพนมเป็นคนนำทาง ขณะที่เสียงปืนดังขึ้น ฝนทิพย์กับปราณอยู่ในที่ทำการอุทยาน ฝนทิพย์ให้การว่าหลังวิ่งออกมาจากที่ทำการ ก็พบกับกานต์และเจ้าหน้าที่อีกสองคนนั่นคือ ลุงเคี้ยมและนายคม เจ้าหน้าที่ป่าไม้สูงวัยกับหลานชายที่เป็นอาสาป่าไม้ ทั้งสามไม่มีทางยิงแสงพงษ์แล้ววิ่งกลับมาลงที่ทำการในเวลารวดเร็วเช่นนี้ได้ และเจ้าหน้าที่คนอื่นที่เหลือต่างก็มีพยานอ้างที่อยู่ชัดเจน ฉะนั้น จึงเหลือผู้ต้องสงสัยเพียงแค่สองคน
“ยงยุทธ์ กับ ก้องไพร” หัวหน้าที่ทำการเรียกทั้งสองมาพบ ยงยุทธ์ทำหน้าเหรอหราด้วยความตกใจไม่ต่างจากก้องไพร ทั้งสองเป็นอาสาป่าไม้วัยหนุ่มฉกรรจ์ เมื่อตำรวจได้สอบถามเบื้องต้นก็ได้ความว่า ขณะเกิดเหตุยงยุทธ์อยู่ที่บ้านพักของญาติในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากที่ทำการเกือบสองกิโลฯ ส่วนก้องไพร อ้างว่าออกไปส่องนกเพียงคนเดียว ทั้งสองคนยังไม่มีพยานอ้างที่อยู่
ถ้าตัดผู้ต้องสงสัยให้เหลือเพียงแค่สองคนนี้ ฝนทิพย์อาจพอคาดเดาออกว่าทั้งสองมีแรงจูงใจใดบ้างที่จะก่อเหตุยิงแสงพงษ์และทำให้สายแพรหายตัวไป... แต่ก็นั่นแหละ ความสงสัยของเธอรวมถึงความจริงทั้งหมด ก็ยังคงเป็นเงื่อนงำรอการคลี่คลาย หากแต่หญิงสาวกลับสังหรณ์ใจพิกล ว่าเรื่องนี้มันอาจเกี่ยวพันไปถึงเรื่องการหายตัวไปของทัดดาวเมื่อสองปีก่อนโน้น... หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น หญิงสาวจึงเดินละลิ่วขึ้นไปยังผาเวิ้งเหวเพียงคนเดียว และพอมาถึงก็พบเพียงความว่างเปล่าของเนินผา... เห็นเพียงแค่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ และภูผาที่ทอดตัวยาวสลับซับซ้อนไปสุดลูกหูลูกตา...
ร่างเพรียวลมเดินเนิบนาบมายังกลางลานหิน เอ่ยถามไปกับสายลมแผ่วเบา
“คุณอยู่ที่ไหนกันนะ...” หญิงสาวพริ้มตาหลับลง ส่งกระแสความคิดออกไปยังผืนป่าที่โอบล้อม ถ้าหากสายแพรได้ยินเสียงเธอ ก็ขอให้จงกลับมาและเฉลยเรื่องนี้ให้กระจ่างด้วยเถิด
“เมื่อคืนแกหายไปไหนมา...” เสียงตะคอกถามนั้นทำให้ร่างที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ต้องเบิกตากว้าง ฝนทิพย์หันไปทางด้านซ้าย เห็นชายสองคนกำลังเดินออกมาจากพุ่มไม้ หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบหลังโคนต้นไม้ใกล้ตัวทันที
“เดี๋ยวฉันจะบอกพี่ทีหลังนะ แล้วเป็นไงบ้าง หาปลอกกระสุนเจอมั้ย ?” เสียงแหบห้าวนั้นฟังดูคุ้นหูนัก ฝนทิพย์ใจเต้นระรัว กำลังชั่งใจว่าจะหันไปชำเลืองดูให้เห็นหน้าดีหรือไม่
“ไม่เจอ... ตกลงแกจะบอกว่า แกเป็นคนยิงมันใช่มั้ย ? แกขโมยปืนข้าไปยิงมัน แกยิงมันทำไม ?” อีกคนตะคอกใส่อย่างเลือดขึ้นหน้า น้ำเสียงที่ได้ยินยิ่งทำให้ฝนทิพย์แน่ใจ ว่าใช่คนที่ใกล้ตัวเธออย่างแน่นอน
“พี่... ผมเผลอไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใครนะ ก็มันเข้ามาขวางก่อน ผมกำลังจะได้ตัวนังนั่นอยู่แล้วเชียว”
พั๊วะ !!! ฝ่ามือที่ฟาดลงยังใบหน้าทำให้หญิงสาวที่แอบฟังสะดุ้งเฮือก คนที่ถูกตบหน้ากัดฟันแน่นอย่างขุ่นเคือง
“ถ้าแกอยากนัก ทำไมไม่ไปเอาผู้หญิงหากินในเมืองวะ จะมายุ่งกับพวกมันทำไม ?”
“ผม... ผมขอโทษพี่ แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรมันนะ พอยิงไอ้นั่นล้มลงไป หันมาอีกที มันก็พลาดตกหน้าผาลงไป” คำสารภาพที่ได้ยินทำเอาหัวใจของฝนทิพย์หล่นฮวบลงไปกองกับพื้น ไอแย่นแผ่ซึมจากปลายเท้าไล่ขึ้นมาตามร่างกายจนรู้สึกแข็งทื่อมิอาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ ความโหดร้ายที่ได้ยินกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตาที่ค่อยๆ รินไหลลงมาจากสองตาของหญิงสาว หลังจบประโยคนั้น เสียงสนทนาก็เงียบลง ได้ยินเสียงวิ่งสวบสาบไกลออกไป
“อ้าว...หายไปไหนมาล่ะฝน พี่รอเธออยู่นะเนี่ย” สมใจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเพรียวลมเดินตรงมายังโต๊ะอาหาร หลังการสอบสวนจบลง ทั้งหมดก็มานั่งจับกลุ่มคุยกันจนถึงเที่ยง นางสมใจกับแม่บ้านเลยจัดอาหารเที่ยงมาให้ทุกคนกินร่วมกันเสียเลย
“ออกไปเดินเล่นแถวนี้นิดหน่อยน่ะค่ะ...” เธอบอกเสียงเรียบ ก่อนทรุดนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหญิงรุ่นพี่ ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะของลุงเคี้ยมร้องทักขึ้น
“อ้าวกานต์ ไอ้ยุทธ มาๆ มากินข้าว หายไปไหนกันมาวะ” ลุงเคี้ยมตบเก้าอี้ตัวข้างๆ เสียงดังฉาด กานต์เดินมุ่งหน้ามาก่อน ตามด้วยยงยุทธ์
“อ้าวเฮ้ย... นี่หน้าเอ็งไปโดนอะไรมาวะไอ้ยุทธ์ ถูกเมียตบมาหละสิ” ประโยคนั้นทำให้คนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากถึงกับชะงักงัน ฝนทิพย์นิ่งค้างไปโดยฉับพลัน รู้สึกเหมือนถูกตัดภาพไปตอนขณะที่เธอได้ยินเสียงสนทนาบนหน้าผา
“เมียเมออะไรกันล่ะลุง ฉันยังไม่มีเมียซักหน่อย ก็ยุงน่ะสิ มันมากัด ฉันก็เผลอตบเอา หน้าก็เลยแดงแบบนี้เนี่ยแหละ” ยงยุทธ์แย้งเสียงใส ก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าว
“ฝน...เป็นอะไรรึเปล่า ?” นางสมใจสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวจึงสะกิดเธอเบาๆ
“อ๋อ...ไม่มีอะไรค่ะพี่” ฝนทิพย์ปั้นยิ้ม ก่อนเหลือบหางตาไปทางด้านซ้ายมือ ใบหน้าด้านซ้ายของยงยุทธ์มีรอยแดงคล้ายถูกมือฟาดอย่างแรง และในจังหวะที่เธอเพ่งมองเขาจริงจังนั่นเอง ยงยุทธ์ก็เผลอหันมาสบตาหญิงสาวเข้า
สายตาเคลือบแคลงสงสัยของฝนทิพย์เปิดเผยออกมาจนเด่นชัด หญิงสาวรีบหันหน้าหนี และก้มหน้าก้มตากินอาหารในจาน หากแต่ว่ายงยุทธ์กลับกินต่อไม่ลง... ความแปลกประหลาดใจก่อตัวขึ้นในฉับพลัน สายตาที่ฝนทิพย์มองตนนั้นน่าสงสัย เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่...