ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๗ ผู้ร่วมชะตากรรม

กระทู้สนทนา
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๖ ไร้เงาสายแพร
http://ppantip.com/topic/31875932






         ฝนทิพย์กลับมาถึงที่ทำการในสภาพเหน็ดเหนื่อย ไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แต่ที่หญิงสาวเหนื่อยไม่ใช่เพียงกาย แต่เป็นหัวใจของเธอด้วยเช่นเดียวกัน ประหนึ่งว่าคนที่สูญหายไปนั้นเป็นญาติสนิท แต่ยังไงเสีย เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน และเป็นผู้หญิงเหมือนกับเธอ ฉะนั้น หากว่าสายแพรยังมีชีวิตรอด ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงเพราะทุกคนไม่พบศพเธอในจุดที่คาดว่าน่าจะตกลงมา การดำรงชีวิตในป่าหลังจากคืนนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่

“แถวนั้นไม่มีธารน้ำไหลผ่าน ต้องเดินเท้าไปไกลเกือบห้ากิโลฯ ถึงจะเจอธารที่ไหลไปรวมที่น้ำตก” ปราณเอ่ยบอก หลังจากที่หญิงสาวเอ่ยปรับทุกข์เรื่องในวันนี้ให้ฟัง

“แต่ตามชะง่อนหินในป่าทึบ ต้องมีน้ำซึมออกมาบ้างหละ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รอด” ฝนทิพย์เอ่ยเสียงทดท้อ

“ป่าตรงนั้นมีอาถรรพ์ ฉันว่าคุณสายแพรเธอคงวนเวียนอยู่แถวนั้น แต่อาจมีอะไรบังตาไว้ไม่ให้พวกเราพบ”

“แกก็พูดไปนะปราณ เราทำพิธีบอกกล่าวอะไรเรียบร้อยแล้ว คุณสายแพรเองก็ไม่น่าจะทำอะไรลบหลู่เจ้าป่าเจ้าเขาท่าน เหตุมันเกิดเพราะมีคนทำร้ายเธอตกลงไปแล้วก็ยิงคุณแสงพงษ์พี่ชายเธอต่างหาก” ฝนทิพย์แย้งเมื่อปราณแทรก

“เธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจนะยัยฝน แต่พนันได้เลย ฉันว่าไม่รอดหรอก ดูอย่างคราวคุณทัดดาวสิ เราออกตามหากันทุกวัน กระจายกำลังออกเกือบสิบกิโลฯ จากแนวรอบผาด้านล่างแต่ก็ไม่เจอแม้แต่โครงกระดูก”

“ไอ้ปราณ...แกจะพูดอะไรก็ระวังปากบ้างสิ ถ้าคุณทัดดาวเธอยังไม่...” ไม่ทันจะพูดจบ ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างแย้งในใจ ผ่านมาสองปีแล้วที่ไร้วี่แววของทัดดาว นักวิชาการป่าไม้สาวคนนั้น ฝนทิพย์นิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืนหลังนั่งสนทนากับชายหนุ่มข้างที่ทำการ ก่อนทิ้งท้ายด้วยคำพูดปริศนาจนปราณต้องคิดตาม

“คอยดูเถอะ ถ้าคุณแสงพงษ์ฟื้น ฉันจะได้ถามเขาให้หายข้องใจเสียที”






          สายแพรทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง ลำคอแห้งผาก อากาศยามบ่ายที่ร้อนทำให้เหงื่อไหลท่วมกายหญิงสาว สัญชาติญาณของมนุษย์ทำให้เธอมองหาน้ำเพื่อรักษาชีวิตรอด แต่ทว่าหันไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้รายล้อม เบื้องล่างคือใบไม้ที่แห้งกรังซึ่งหลุดร่วงจากต้นใหญ่ หญิงสาวพยายามแข็งใจหยัดกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มองซ้ายขวา ก่อนตัดสินใจเดินตรงไปยังดงไม้เขียวทึบเบื้องหน้าอย่างมีความหวัง กระทั่งมาทรุดอยู่ที่ก้อนหินที่ทะลุผ่านพื้นดินขึ้นมา หญิงสาวมองลงไปข้างล่าง กลุ่มหินน้อยใหญ่เรียงตัวกันอย่างสลับซับซ้อน ก้อนที่อยู่ต่ำมีตะไคร่น้ำเกาะกรัง เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นรอบกาย บ่งบอกถึงความชื้นของพื้นที่ในบริเวณนี้ สายแพรกลืนน้ำลงคออันแห้งผาก ยื่นเท้าหมายจะแตะลงยังหินที่อยู่เบื้องล่าง ห่างไปราวหนึ่งฟุต กระทั่งพลาดท่าลื่นไถลลงไปยังเนินหินเหล่านั้น แผ่นหลังที่บอบช้ำจากการตกกระแทกอย่างรุนแรง ฟาดเข้ากับหินยักษ์ ก่อนที่ร่างจะกลิ้งพับลงมาถึงต้นตาน้ำเบื้องล่าง
หญิงสาวรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงขั้วกระดูก ทิ้งร่างนอนราบกับก้อนหินก้อนกรวดใหญ่น้อย ศีรษะที่ตะแคงข้างมีเลือดไหลซิบลงมาจากแผลเก่า ดวงตาที่พร่าเลือนเพ่งมองไปยังธารน้ำเล็กๆ ที่ไหลเลื้อยผ่านก้อนกรวดเม็ดเล็กเม็ดน้อยไปตามทาง พลันนั้นความหวังกลับลุกโชนขึ้นในหัวใจอีกครั้ง หญิงสายไล่สายตาไปตามธารน้ำนั้น ก่อนจะมองเห็นหยดน้ำใสๆ ที่กลั่นตัวผ่านตะไคร่น้ำใต้ชะง่อนหินลงมาเป็นหยด

          ริมฝีปากแห้งผากคลายยิ้มด้วยความดีใจ สายแพรรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ใช้สองแขนยันกายค่อยๆ คลานเข้าไปใต้ชะง่อนผานั้น เมื่อถึงแล้วจึงทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง แหงนหน้าขึ้นมองหยดน้ำใสที่ไหลตามตะไคร่น้ำลงมา ก่อนอ้าปากรับเอาน้ำเพื่อต่อชีวิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่