วันนี้จะมาพูดถึงเงินเฟ้อ คืออะไร อัตราเงินเฟ้อที่เราได้ยินจากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน มันคืออะไร?
เริ่มโดยเงินเฟ้อ คือสภาวะที่สินค้าและบริการต่างๆ มีราคาสูงขึ้น หรืออธิบายง่ายๆ คือเงินจำนวนเท่าเดิมได้สินค้าและบริการลดลง
ยกตัวอย่าง อัตราเงินเฟ้อ 4 % เท่ากับว่าสินค้าและบริการเฉลี่ยที่เราเคยใช้เงินซื้อ 100 บาท ปีหน้าจะต้องใช้ 104 บาทนั่นเอง
โดยอัตราค่าเงินเฟ้อเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีนั้นอยู่ที่ประมาณ >>3.1-3.5 %<< แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นคนประกาศ
แต่การหาอัตราเงินเฟ้อเนี่ย มาจากการเอาสินค้าหลายๆ อย่างมาคำนวน เช่น อาหาร วัตถุดิบการเกษตร สบู่ น้ำมัน นั่นทำให้อัตราเงินเฟ้อของแต่ละคนไม่เท่ากันนั่นเอง ถ้าคุณเป็นคนที่รายจ่ายส่วนใหญ่ใช้ไปกับอาหารและค่ารักษาพยาบาล ก็อาจจะสูงถึง 6%+ หรือถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ของที่มีการขึ้นราคาต่ำเช่น รองเท้าไนกี้ที่เมื่อ 10 ปีที่แล้วราคาเท่าไหนก็ยังเท่าเดิมคุณก็อาจจะเฟ้อต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก็ได้ เท่ากับว่าแต่ละคนอัตราเงินเฟ้อไม่เท่ากันนั่นเอง แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะมีอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าค่าเฉลี่ย
แล้วมันมีประโยชน์อะไรหละ มันเป็นตัวเลขที่ทำให้เรารู้ว่าถ้าเราไม่อยากถือเงินและจนลงกว่าเดิมก็ควรจะหาที่วางเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยหรือคือ 3.5% หาคุณเอาเงินของคุณฝากไว้ที่ธนาคารซึ่งอัตราบอกเบี้ยประกาศล่าสุดคือ 0.75 ลดลงไปแล้วแต่ธนาคาร เท่ากับว่าเงินในธนาคารของคุณปีหน้ามันจะมีค่าลดลง 2.75 % นั่นเอง คุณจนลงนะครับอย่าเข้าใจผิดว่ารวยขึ้นจากการฝากบัญชีออมทรัพย์
วันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ
เข้าไปติชมและติดตามผลงานที่
https://www.facebook.com/Moneyandtimebyatthawit
พูดถึง "เงินเฟ้อ"
เริ่มโดยเงินเฟ้อ คือสภาวะที่สินค้าและบริการต่างๆ มีราคาสูงขึ้น หรืออธิบายง่ายๆ คือเงินจำนวนเท่าเดิมได้สินค้าและบริการลดลง
ยกตัวอย่าง อัตราเงินเฟ้อ 4 % เท่ากับว่าสินค้าและบริการเฉลี่ยที่เราเคยใช้เงินซื้อ 100 บาท ปีหน้าจะต้องใช้ 104 บาทนั่นเอง
โดยอัตราค่าเงินเฟ้อเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีนั้นอยู่ที่ประมาณ >>3.1-3.5 %<< แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นคนประกาศ
แต่การหาอัตราเงินเฟ้อเนี่ย มาจากการเอาสินค้าหลายๆ อย่างมาคำนวน เช่น อาหาร วัตถุดิบการเกษตร สบู่ น้ำมัน นั่นทำให้อัตราเงินเฟ้อของแต่ละคนไม่เท่ากันนั่นเอง ถ้าคุณเป็นคนที่รายจ่ายส่วนใหญ่ใช้ไปกับอาหารและค่ารักษาพยาบาล ก็อาจจะสูงถึง 6%+ หรือถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ของที่มีการขึ้นราคาต่ำเช่น รองเท้าไนกี้ที่เมื่อ 10 ปีที่แล้วราคาเท่าไหนก็ยังเท่าเดิมคุณก็อาจจะเฟ้อต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก็ได้ เท่ากับว่าแต่ละคนอัตราเงินเฟ้อไม่เท่ากันนั่นเอง แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะมีอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าค่าเฉลี่ย
แล้วมันมีประโยชน์อะไรหละ มันเป็นตัวเลขที่ทำให้เรารู้ว่าถ้าเราไม่อยากถือเงินและจนลงกว่าเดิมก็ควรจะหาที่วางเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยหรือคือ 3.5% หาคุณเอาเงินของคุณฝากไว้ที่ธนาคารซึ่งอัตราบอกเบี้ยประกาศล่าสุดคือ 0.75 ลดลงไปแล้วแต่ธนาคาร เท่ากับว่าเงินในธนาคารของคุณปีหน้ามันจะมีค่าลดลง 2.75 % นั่นเอง คุณจนลงนะครับอย่าเข้าใจผิดว่ารวยขึ้นจากการฝากบัญชีออมทรัพย์
วันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ
เข้าไปติชมและติดตามผลงานที่
https://www.facebook.com/Moneyandtimebyatthawit