หลายๆคน อาจจะเคยอ่านเจอในตำรา เช่น สำนวนว่า "มีสติเป็นธรรมเอก.." บ้าง .. หรือ "มีสมาธิเป็นธรรมเอก.." บ้าง...หรืออื่นๆอีกบ้างทำนองเดียวกันนั้น ฯ ..
ส่วนความหมายของคำว่า "อินทรีย์" หลายๆคนคงจะรู้อยู่แล้วว่า หมายถึง ความเป็นใหญ่....
คงจะเดาออกกันว่า ที่จะเอามาพูดในกรณีนี้ หมายถึง พละทั้ง ๕ หรือ อินทรีย์ทั้ง ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
-------------------------
ความหมายของคำว่า ธรรมเอก ที่ยกมาเป็นประเด็นแรกของกระทู้
เช่น ถ้าเราเจอสำนวนว่า มีสติเป็นธรรมเอก นั่นหมายถึงว่า ในตอนนั้น สติ จะมีพลังสูงสุดเหนือว่าเจตสิกอื่นๆอีก ๔ ตัวที่เหลือในชุดนั้น ในขณะนั้น ในอรรถกถาพระอภิธรรม ท่านเปรียบเทียบว่า เปรียบเสมือนบนท้องฟ้ายามกลางคืน ตอนนั้น มีดวงจันทร์เต็มดวงลอยเด่นดวงสว่างที่สุดเพียงดวงเดียว ดวงดาวอื่นๆที่เหลือทั้งหมด มีแสงริบรี่ นิดๆ....
แต่ถ้าเมื่อใดพลังของเจตสิกทั้ง ๕ นั้น มีพลังเด่นดวงสว่างเท่าๆกันหมด ตอนนั้นก็จะเรียกว่า อินทรีย์ เปรียบเสมือนบนท้องฟ้าตอนนั้น มีดวงจันทร์เต็มดวง ขึ้นมาลอยเด่นดวงพร้อมๆกัน ๕ ดวง
เมื่อใดอริยมรรคปรากฏ เมื่อนั้น พลังทั้ง ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จะมีพลังสูงสุด สม่ำเสมอ เท่าๆกันหมด ... ถ้ามีพลังเด่นไม่ครบพร้อมกันทั้ง ๕ อริยมรรคจะเกิดไม่ได้...
ดังนั้น ในตำรา จึงบอกว่า ให้ผู้ฝึกพยายามปรับอินทรีย์ ให้สม่ำเสมอกัน ก็ต้องเข้าใจว่า หมายถึงมีพลังสูงสุดเท่าๆกันทั้ง ๕
แต่ โดยทั่วไป กว่าจะฝึกให้ถึงจุดที่มีพลังสูงสุดสม่ำเสมอได้ ก็ต้องฝึกไปทีละตัวก่อน เช่น ฝึกสมาธิจนชำนาญ จนมีสมาธิโดดเด่นมากๆ ก่อนอื่น(ที่เรียกว่า มีสมาธิเป็นธรรมเอก นั่นแหละ) แล้วฝึกตัวอื่นๆที่เหลืออีก ๔ แล้วค่อยหาวิธีปรับให้สม่ำเสมอเท่าๆกัน ... ทำนองเดียวกับนักมวย ขั้นแรก ก็ฝึกพลังหมัด ฝึกต่อยอย่างเดียวก่อนสักเดือนสองเดือน เมื่อต่อยจนชำนาญ ต่อไปก็ไปฝึกการเตะ เตะๆๆ จนชำนาญ ต่อไปก็ไปฝึกตีเข่า ตีๆๆ จนชำนาญ ต่อไปก็ไปฝึกตีศอก ตีๆๆ จนชำนาญ ..ต่อจากนั้นก็ขึ้นเวทีได้ คราวนี้ก็เอา หมัด เท้า เข่า ศอก มาผสมกันให้สมบูรณ์ เพื่อน๊อคเอ๊าต์คู่ต่อสู้ลงให้ได้...
สรุป..ง่ายๆคือ ..ถ้าเด่นตัวใดตัวหนึ่งตัวเดียว ท่านก็เรียกว่ามีตัวนั้นเป็นธรรมเอก ..ถ้าเด่นพร้อมๆกันทั้ง ๕ ท่านจะเรียกว่า อินทรีย์ ...
(ฟังจากเทปบรรยายพระอภิธรรมมา พอดีเอามาพิจารณาว่า ตรงกับในความจริงจากการปฏิบัติ จึงเอามาบอกกัน ขยายความเพิ่มอีกนิดหน่อย เพื่อให้บางคนเข้าใจง่ายขึ้น)
ความหมายของคำว่า "ธรรมเอก" และ "อินทรีย์" ตามหลักทางตำราที่ตรงกับทางปฏิบัติจริง...
ส่วนความหมายของคำว่า "อินทรีย์" หลายๆคนคงจะรู้อยู่แล้วว่า หมายถึง ความเป็นใหญ่....
คงจะเดาออกกันว่า ที่จะเอามาพูดในกรณีนี้ หมายถึง พละทั้ง ๕ หรือ อินทรีย์ทั้ง ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
-------------------------
ความหมายของคำว่า ธรรมเอก ที่ยกมาเป็นประเด็นแรกของกระทู้
เช่น ถ้าเราเจอสำนวนว่า มีสติเป็นธรรมเอก นั่นหมายถึงว่า ในตอนนั้น สติ จะมีพลังสูงสุดเหนือว่าเจตสิกอื่นๆอีก ๔ ตัวที่เหลือในชุดนั้น ในขณะนั้น ในอรรถกถาพระอภิธรรม ท่านเปรียบเทียบว่า เปรียบเสมือนบนท้องฟ้ายามกลางคืน ตอนนั้น มีดวงจันทร์เต็มดวงลอยเด่นดวงสว่างที่สุดเพียงดวงเดียว ดวงดาวอื่นๆที่เหลือทั้งหมด มีแสงริบรี่ นิดๆ....
แต่ถ้าเมื่อใดพลังของเจตสิกทั้ง ๕ นั้น มีพลังเด่นดวงสว่างเท่าๆกันหมด ตอนนั้นก็จะเรียกว่า อินทรีย์ เปรียบเสมือนบนท้องฟ้าตอนนั้น มีดวงจันทร์เต็มดวง ขึ้นมาลอยเด่นดวงพร้อมๆกัน ๕ ดวง
เมื่อใดอริยมรรคปรากฏ เมื่อนั้น พลังทั้ง ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จะมีพลังสูงสุด สม่ำเสมอ เท่าๆกันหมด ... ถ้ามีพลังเด่นไม่ครบพร้อมกันทั้ง ๕ อริยมรรคจะเกิดไม่ได้...
ดังนั้น ในตำรา จึงบอกว่า ให้ผู้ฝึกพยายามปรับอินทรีย์ ให้สม่ำเสมอกัน ก็ต้องเข้าใจว่า หมายถึงมีพลังสูงสุดเท่าๆกันทั้ง ๕
แต่ โดยทั่วไป กว่าจะฝึกให้ถึงจุดที่มีพลังสูงสุดสม่ำเสมอได้ ก็ต้องฝึกไปทีละตัวก่อน เช่น ฝึกสมาธิจนชำนาญ จนมีสมาธิโดดเด่นมากๆ ก่อนอื่น(ที่เรียกว่า มีสมาธิเป็นธรรมเอก นั่นแหละ) แล้วฝึกตัวอื่นๆที่เหลืออีก ๔ แล้วค่อยหาวิธีปรับให้สม่ำเสมอเท่าๆกัน ... ทำนองเดียวกับนักมวย ขั้นแรก ก็ฝึกพลังหมัด ฝึกต่อยอย่างเดียวก่อนสักเดือนสองเดือน เมื่อต่อยจนชำนาญ ต่อไปก็ไปฝึกการเตะ เตะๆๆ จนชำนาญ ต่อไปก็ไปฝึกตีเข่า ตีๆๆ จนชำนาญ ต่อไปก็ไปฝึกตีศอก ตีๆๆ จนชำนาญ ..ต่อจากนั้นก็ขึ้นเวทีได้ คราวนี้ก็เอา หมัด เท้า เข่า ศอก มาผสมกันให้สมบูรณ์ เพื่อน๊อคเอ๊าต์คู่ต่อสู้ลงให้ได้...
สรุป..ง่ายๆคือ ..ถ้าเด่นตัวใดตัวหนึ่งตัวเดียว ท่านก็เรียกว่ามีตัวนั้นเป็นธรรมเอก ..ถ้าเด่นพร้อมๆกันทั้ง ๕ ท่านจะเรียกว่า อินทรีย์ ...
(ฟังจากเทปบรรยายพระอภิธรรมมา พอดีเอามาพิจารณาว่า ตรงกับในความจริงจากการปฏิบัติ จึงเอามาบอกกัน ขยายความเพิ่มอีกนิดหน่อย เพื่อให้บางคนเข้าใจง่ายขึ้น)