ทางแห่งอริยะ แจกแจงมรรคประกอบด้วยองค์แปดประการ แบ่งปันธรรมโดย Face Book: Toncoon ธรรมจากพระไตรปิฎกเรียนง่าย
พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
พระสูตรที่ ๗ แห่งวิชชาวรรค
ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเต้าประทับอยู่ที่เชตวนาราม กรุงสาวัตถี ได้ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง แจกแจงซึ่งทางพระอริยะ อันประกอบด้วยองค์ทั้ง ๘ ประการ คือ
สัมมาทิฏฐิ ได้แก่ ความรู้จักทุกข์ ความรู้จักเหตุให้เกิดทุกข์ ความรู้จักซึ่งความดับทุกข์ ความรู้จักทางให้ถึงความดับทุกข์
สัมมาสังกัปปะ ได้แก่ ความดำริที่จะออกจากกามารมณ์ ความดำริที่จะไม่ปองร้ายผู้อื่น ความดำริในความไม่เบียดเบียน
สัมมาวาจา ได้แก่ การงดเว้นจากการกล่าวเท็จ กล่าวส่อเสียด กล่าวร้ายกาจ กล่าวสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
สัมมากัมมันตะ ได้แก่ การงดเว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน อพรหมาจรรย์
สัมมาอาชีวะ ได้แก่ การที่พระอริยสาวกในศาสนานี้ ละเสียซึ่งมิจฉาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยสัมมาชีวะ
สัมมาวายามะ ได้แก่ การที่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ทำให้เกิดความพอใจในการพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อความไม่เกิดขึ้นแห่งสิ่งซึ่งเป็นบาปอกุศลทั้งปวงที่ยังไม่เกิดขึ้น ๑ ละเสียซึ่งบาปอกุศลทั้งปวงที่เกิดขึ้นแล้ว ๑ เพื่อความเกิดขึ้นแก่งกุศลทั้งปวงที่ยังไม่เกิดขึ้น ๑ เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่หายไป ความเจริญไพบูลย์ เพื่อความอบรม เพื่อความบริบูรณ์ แห่งสิ่งที่เป็นกุศลทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว ๑
สัมมาสติ ได้แก่การที่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มีความเพียร มีความระลึกรู้สึกดี มีสติ พิจารณาเห็นกายในกาย พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา พิจารณาเห็นจิตในจิต พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย แล้วกำจัดอวิชชาและโทมนัสในโลกเสียได้
สัมมาสมาธิ ได้แก่ การที่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
เข้าปฐมฌานอันว่างจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลายอันมีวิตก วิจาร ปิติ สุข อันเกิดจากวิเวก ๑
เข้าทุติยฌาน อันมีจิตผ่องใส มีใจมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ไม่มีวิตก เพราะระงับวิตกวิจารทั้งหลายแล้ว มีปิติและสุขอันเกิดจากสมาธิ ๑
เข้าตติยฌานอันมีอุเบกขาและสติสัมปชัญญะ เพราะละปิติเสียแล้ว มีแต่สุขทางกาย ซึ่งพระอริยเจ้าทั้งหลายเรียกว่าผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข ๑
เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข อันบริสุทธิ์ด้วยอุเบกขา และสติ เพราะละสุขทุกข์ทั้งหลายเสียแล้ว เพราะสิ้นโสมนัส โทมนัส ซึ่งมีมาแต่เมื่อก่อนเสียแล้ว
ขออนุโมทนากับทุกท่าน และขออนุโมทนากับท่านผู้จัดทำเวปไซต์และทีมงานที่เอื้อเฟื้อ
ให้ขยายธรรมเป็นสาธรณะ ขอให้ท่านประสบแต่ความสุขความสำเร็จ ความสมหวังนานาประการนะคะ หากมีความผิดพลาดประการใดในการนำพระธรรมขึ้นแสดงไว้ ผู้เขียนต้องขออภัยอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ด้วยความระลึกถึงคุณแห่งครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาท
ความรู้ในทุกแขนงในทุกภพทุกชาติ
อริยมรรคมีองค์ทั้ง ๘ ประการ ทางสู่ความสิ้นทุกข์โดยชอบในพระพุทธศาสนา
พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
พระสูตรที่ ๗ แห่งวิชชาวรรค
ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเต้าประทับอยู่ที่เชตวนาราม กรุงสาวัตถี ได้ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง แจกแจงซึ่งทางพระอริยะ อันประกอบด้วยองค์ทั้ง ๘ ประการ คือ
สัมมาทิฏฐิ ได้แก่ ความรู้จักทุกข์ ความรู้จักเหตุให้เกิดทุกข์ ความรู้จักซึ่งความดับทุกข์ ความรู้จักทางให้ถึงความดับทุกข์
สัมมาสังกัปปะ ได้แก่ ความดำริที่จะออกจากกามารมณ์ ความดำริที่จะไม่ปองร้ายผู้อื่น ความดำริในความไม่เบียดเบียน
สัมมาวาจา ได้แก่ การงดเว้นจากการกล่าวเท็จ กล่าวส่อเสียด กล่าวร้ายกาจ กล่าวสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
สัมมากัมมันตะ ได้แก่ การงดเว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน อพรหมาจรรย์
สัมมาอาชีวะ ได้แก่ การที่พระอริยสาวกในศาสนานี้ ละเสียซึ่งมิจฉาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยสัมมาชีวะ
สัมมาวายามะ ได้แก่ การที่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ทำให้เกิดความพอใจในการพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อความไม่เกิดขึ้นแห่งสิ่งซึ่งเป็นบาปอกุศลทั้งปวงที่ยังไม่เกิดขึ้น ๑ ละเสียซึ่งบาปอกุศลทั้งปวงที่เกิดขึ้นแล้ว ๑ เพื่อความเกิดขึ้นแก่งกุศลทั้งปวงที่ยังไม่เกิดขึ้น ๑ เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่หายไป ความเจริญไพบูลย์ เพื่อความอบรม เพื่อความบริบูรณ์ แห่งสิ่งที่เป็นกุศลทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว ๑
สัมมาสติ ได้แก่การที่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มีความเพียร มีความระลึกรู้สึกดี มีสติ พิจารณาเห็นกายในกาย พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา พิจารณาเห็นจิตในจิต พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย แล้วกำจัดอวิชชาและโทมนัสในโลกเสียได้
สัมมาสมาธิ ได้แก่ การที่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
เข้าปฐมฌานอันว่างจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลายอันมีวิตก วิจาร ปิติ สุข อันเกิดจากวิเวก ๑
เข้าทุติยฌาน อันมีจิตผ่องใส มีใจมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ไม่มีวิตก เพราะระงับวิตกวิจารทั้งหลายแล้ว มีปิติและสุขอันเกิดจากสมาธิ ๑
เข้าตติยฌานอันมีอุเบกขาและสติสัมปชัญญะ เพราะละปิติเสียแล้ว มีแต่สุขทางกาย ซึ่งพระอริยเจ้าทั้งหลายเรียกว่าผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข ๑
เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข อันบริสุทธิ์ด้วยอุเบกขา และสติ เพราะละสุขทุกข์ทั้งหลายเสียแล้ว เพราะสิ้นโสมนัส โทมนัส ซึ่งมีมาแต่เมื่อก่อนเสียแล้ว
ขออนุโมทนากับทุกท่าน และขออนุโมทนากับท่านผู้จัดทำเวปไซต์และทีมงานที่เอื้อเฟื้อ
ให้ขยายธรรมเป็นสาธรณะ ขอให้ท่านประสบแต่ความสุขความสำเร็จ ความสมหวังนานาประการนะคะ หากมีความผิดพลาดประการใดในการนำพระธรรมขึ้นแสดงไว้ ผู้เขียนต้องขออภัยอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ด้วยความระลึกถึงคุณแห่งครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาท
ความรู้ในทุกแขนงในทุกภพทุกชาติ