สวัสดีครับคุณฮุไซนี
ตอนนี้ผมยุ่งอยู่กับการดูแลหลานสาวตัวเล็กๆเลยไม่มีเวลามากนัก การตอบคุณฮุไซนี
เลยล่าช้าไป
ตามที่คุณ ฮุไซนีอ้างอิง ท่านอดีตจุฬาฯต่วน สุวรรณศาสน์ และเขียนถึงผมไว้ดังนี้
คำว่า يَنْتَصِرُونَ แปลว่า “เขาทั้งหลาย ป้องกันตัวเอง” ซึ่งประกอบดัวยคำสองคำคือ يَنْتَصِرُ ซึ่งแปลว่า “ชัยชนะในการต่อสู้,การยึดครอง หรือ การป้องกัน และ เมื่อต่อท้ายด้วย ونَ ซึ่งเป็น คำสรรพนามทำหน้าที่ประธาน และ/หรือกรรมของคำกริยาيَنْتَصِرُ , ซึ่งการผันของคำกริยาنصرมาเป็น يَنْتَصِرُونَ ทำให้เกิดความหมายว่าการกระทำที่สะท้อนถึง ตนเอง(Reflexive pronoun), ดังนั้นคำ يَنْتَصِرُونَ นี้จึงแปลว่า “การป้องกันตนเอง”
ถ้ารากศัพท์ของคำนี้ มาจาก ن ص ر ซึ่งอาจะมีความหมายว่า “การช่วยเหลือ” ตามที่ ท่านอดีตจุฬาฯต่วน สุวรรณศาสน์ ท่านอธิบาย และ แปลว่า
“และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อความอธรรม ได้ประสบแก่พวกเขา
พวกเขาก็รอรับความช่วยเหลือ (จากผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือเขาให้พ้นจากอธรรม)
............
คุณขอให้ผมยืนยันความถูกต้องในคำอธิบายของผม ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด
ผมขอตอบตามความรู้ทางภาษาที่น้อยนิดของผมว่า, “การที่ท่านอดีตจุฬาฯต่วน สุวรรณศาสน์ อธิบายและแปลว่า:
พวกเขาก็รอรับความช่วยเหลือ (จากผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือเขาให้พ้นจากอธรรม)
คำแปลและอธิบายข้างบนนี้ไม่ถูกต้องครับ “ตามหลักไวยกรณ์ คำว่า يَنْتَصِرُونَ จะต้องแปลว่า “การช่วยเหลือตัวเอง”,
คือ “
พวกผู้ศรัทธาจะต้องร่วมใจร่วมกำลังกันในหมู่พวกเขาร่วมกันช่วยเหลือตัวเองในการต่อสู้ผู้รุกรานจนมีชัยชนะ
ไม่มีศัพท์ภาษาอรับ หรือ รากศัพท์ ของคำว่า يَنْتَصِرُونَ มีความหมายว่า
พวกเขาก็รอรับความช่วยเหลือ (จากผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือเขาให้พ้นจากอธรรม)
เนื่องจากผมมีความรู้ทางภาษาอรับน้อยมาก คุณฮุไซนีจะนำคำอธิบายของผมไปปรึกษาผู้ใดที่มีความรู้ทางไวยกรณ์อรับที่เก่งๆให้ตรวจสอบคำอธิบายของผม ว่าถูกต้องหรือไม่ผมจะขอบคุณ คุณฮุไซนี มากทีเดียวครับ ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าด้วย
..........
ผมจะสรุปความหมายของบัญญัติที่ 42:38-43 ตามความต่อเนื่องของบัญญัติ ทั้ง 6 บัญญัติ และให้สอดคล้องกับความหมายที่อัลลอฮ์ทรงมีพระประสงค์ ที่จะให้มวลมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ในสังคม การเรียบเรียง จะต่างกับคำอธิบายแต่คราวก่อนเพียงเล็กน้อย เนื่องจาก เพื่อที่จะทำให้ เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และสามารถจะเปรียบเทียบกับสังคมมุสลิมในปัจจุบันได้ง่ายขึ้น.....ความหมายรวมของบัญญัติที้ง 6 บัญญัติมีดังนี้
บรรดาผู้ที่ตอบรับ ต่อแนวทางของพระองค์ผู้สร้าง(อัลลอฮ์) โดยร่วมกันก่อตั้งหนทางเพื่อไปสู่สันติภาพ (ความหมายของคำว่า ดำรงไว้ด้วยการละหมาดในที่นี้หมายถึงการก้าวไปสู่หนทางหนึ่งหนทางใด ตัวอย่างเช่นการก้าวไปสู่ทิศทางแห่งสันติภาพ ดังจะเห็นตัวอย่างได้จาก บัญญัติที่10:25 ซึ่งอัลลอฮ์ทรงบัญญัติไว้ว่า “และอัลลอฮฺทรงเรียกร้องไปสู่สถานที่แห่งสันติ และทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่ทางที่เที่ยงธรรม”), และให้ดำเนินการจัดการธุระกิจใดๆด้วยวิธีการประชาธิปไตย,โดยการปรึกษาซึ่งกันและกันและวางระบบ สังคมสงเคราะห์สำหรับผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือจาก สิ่งที่อัลลอฮ์ได้จัดหาไว้ให้แก่มวลมนุษย์
และเมื่อใดก็ตามที่เกิดมีความอยุติธรรมที่รุนแรงเกิดขึ้นในสังคม(ของผู้ศรัทธา) เขาเหล่านั้นมีสิทธิในการป้องกันสังคมของเขาและยืนหยัดขึ้นต่อสู่เพื่อป้องกันสิทธิของเขา (
คำว่า يَنْتَصِرُونَ หมายถึง การปกป้อง,การป้องกันตัวของเขาเอง หรือ หรือ การช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากการรุกรานของศัตรู) แต่ว่าการใช้ความชั่วร้ายตอบแทนความชั่วร้ายนั้น,มันอาจจเป็นตัวเราเองที่จะกลายเป็นผู้ที่กระทำความชั่วร้ายเช่นเดียวกับเขาผู้รุกราน
ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่มีการให้อภัยและสร้างสันติภาพ,รางวัลที่จะได้รับนั้นจะอยู่ในดุลยพินิจของอัลลอฮ์,และอย่างแน่นอนอัลลอฮ์ไม่ทรงโปรดปราณต่อผู้ที่ละเมิดสิทธิของมวลมนุษยชาติ
เป็นการแน่นอนสำหรับเขาเหล่านั้นผู้ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิของเขา เมื่อพวกเขาไม่ได้รับ "ความยุติธรรม" เขาเหล่านั้นไม่ได้กระทำความชั่ว,
โทษนั้นอยู่ที่ผู้รุกรานบุคคลอื่นและสร้างความวุ่นวายบนหน้าแผ่นดิน,โดยที่ไปรุกรานผู้อื่นอย่างไม่มีเหตุผลหรือสาเหตุ, เขาผู้รุกรานเหล่านั้นจะได้รับโทษอันแสนเจ็บปวดอย่างสาสม,
และสำหรับผู้ที่มีความอดทนและอดกลั้นต่อความโกรธแค้น, มีการให้อภัยและมีการปกป้องด้วยการคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น จากอารมณ์โกรธแล้ว, นั้นคือคุณลักษณะของผู้ที่มีความเข้มแข็ง(ทั้งกายและใจ)
.........
ถ้าผมล่วงเกินคุณฮุไซนี ด้วยการเขียน ผมต้องขออภัยจากคุณฮุไซนีด้วยครับ
ศาสนาอิสลามสอนเน้นถึงการให้อภัยและความอดทนต่อความโกรธ และ "การเอาชนะอารมณ์ชั่วของตัวเอง"
ตอนนี้ผมยุ่งอยู่กับการดูแลหลานสาวตัวเล็กๆเลยไม่มีเวลามากนัก การตอบคุณฮุไซนี
เลยล่าช้าไป
ตามที่คุณ ฮุไซนีอ้างอิง ท่านอดีตจุฬาฯต่วน สุวรรณศาสน์ และเขียนถึงผมไว้ดังนี้
คำว่า يَنْتَصِرُونَ แปลว่า “เขาทั้งหลาย ป้องกันตัวเอง” ซึ่งประกอบดัวยคำสองคำคือ يَنْتَصِرُ ซึ่งแปลว่า “ชัยชนะในการต่อสู้,การยึดครอง หรือ การป้องกัน และ เมื่อต่อท้ายด้วย ونَ ซึ่งเป็น คำสรรพนามทำหน้าที่ประธาน และ/หรือกรรมของคำกริยาيَنْتَصِرُ , ซึ่งการผันของคำกริยาنصرมาเป็น يَنْتَصِرُونَ ทำให้เกิดความหมายว่าการกระทำที่สะท้อนถึง ตนเอง(Reflexive pronoun), ดังนั้นคำ يَنْتَصِرُونَ นี้จึงแปลว่า “การป้องกันตนเอง”
ถ้ารากศัพท์ของคำนี้ มาจาก ن ص ر ซึ่งอาจะมีความหมายว่า “การช่วยเหลือ” ตามที่ ท่านอดีตจุฬาฯต่วน สุวรรณศาสน์ ท่านอธิบาย และ แปลว่า
“และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อความอธรรม ได้ประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็รอรับความช่วยเหลือ (จากผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือเขาให้พ้นจากอธรรม)
............
คุณขอให้ผมยืนยันความถูกต้องในคำอธิบายของผม ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด
ผมขอตอบตามความรู้ทางภาษาที่น้อยนิดของผมว่า, “การที่ท่านอดีตจุฬาฯต่วน สุวรรณศาสน์ อธิบายและแปลว่า:
พวกเขาก็รอรับความช่วยเหลือ (จากผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือเขาให้พ้นจากอธรรม)
คำแปลและอธิบายข้างบนนี้ไม่ถูกต้องครับ “ตามหลักไวยกรณ์ คำว่า يَنْتَصِرُونَ จะต้องแปลว่า “การช่วยเหลือตัวเอง”,
คือ “พวกผู้ศรัทธาจะต้องร่วมใจร่วมกำลังกันในหมู่พวกเขาร่วมกันช่วยเหลือตัวเองในการต่อสู้ผู้รุกรานจนมีชัยชนะ
ไม่มีศัพท์ภาษาอรับ หรือ รากศัพท์ ของคำว่า يَنْتَصِرُونَ มีความหมายว่า
พวกเขาก็รอรับความช่วยเหลือ (จากผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือเขาให้พ้นจากอธรรม)
เนื่องจากผมมีความรู้ทางภาษาอรับน้อยมาก คุณฮุไซนีจะนำคำอธิบายของผมไปปรึกษาผู้ใดที่มีความรู้ทางไวยกรณ์อรับที่เก่งๆให้ตรวจสอบคำอธิบายของผม ว่าถูกต้องหรือไม่ผมจะขอบคุณ คุณฮุไซนี มากทีเดียวครับ ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าด้วย
..........
ผมจะสรุปความหมายของบัญญัติที่ 42:38-43 ตามความต่อเนื่องของบัญญัติ ทั้ง 6 บัญญัติ และให้สอดคล้องกับความหมายที่อัลลอฮ์ทรงมีพระประสงค์ ที่จะให้มวลมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ในสังคม การเรียบเรียง จะต่างกับคำอธิบายแต่คราวก่อนเพียงเล็กน้อย เนื่องจาก เพื่อที่จะทำให้ เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และสามารถจะเปรียบเทียบกับสังคมมุสลิมในปัจจุบันได้ง่ายขึ้น.....ความหมายรวมของบัญญัติที้ง 6 บัญญัติมีดังนี้
บรรดาผู้ที่ตอบรับ ต่อแนวทางของพระองค์ผู้สร้าง(อัลลอฮ์) โดยร่วมกันก่อตั้งหนทางเพื่อไปสู่สันติภาพ (ความหมายของคำว่า ดำรงไว้ด้วยการละหมาดในที่นี้หมายถึงการก้าวไปสู่หนทางหนึ่งหนทางใด ตัวอย่างเช่นการก้าวไปสู่ทิศทางแห่งสันติภาพ ดังจะเห็นตัวอย่างได้จาก บัญญัติที่10:25 ซึ่งอัลลอฮ์ทรงบัญญัติไว้ว่า “และอัลลอฮฺทรงเรียกร้องไปสู่สถานที่แห่งสันติ และทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่ทางที่เที่ยงธรรม”), และให้ดำเนินการจัดการธุระกิจใดๆด้วยวิธีการประชาธิปไตย,โดยการปรึกษาซึ่งกันและกันและวางระบบ สังคมสงเคราะห์สำหรับผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือจาก สิ่งที่อัลลอฮ์ได้จัดหาไว้ให้แก่มวลมนุษย์
และเมื่อใดก็ตามที่เกิดมีความอยุติธรรมที่รุนแรงเกิดขึ้นในสังคม(ของผู้ศรัทธา) เขาเหล่านั้นมีสิทธิในการป้องกันสังคมของเขาและยืนหยัดขึ้นต่อสู่เพื่อป้องกันสิทธิของเขา ( คำว่า يَنْتَصِرُونَ หมายถึง การปกป้อง,การป้องกันตัวของเขาเอง หรือ หรือ การช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากการรุกรานของศัตรู) แต่ว่าการใช้ความชั่วร้ายตอบแทนความชั่วร้ายนั้น,มันอาจจเป็นตัวเราเองที่จะกลายเป็นผู้ที่กระทำความชั่วร้ายเช่นเดียวกับเขาผู้รุกราน
ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่มีการให้อภัยและสร้างสันติภาพ,รางวัลที่จะได้รับนั้นจะอยู่ในดุลยพินิจของอัลลอฮ์,และอย่างแน่นอนอัลลอฮ์ไม่ทรงโปรดปราณต่อผู้ที่ละเมิดสิทธิของมวลมนุษยชาติ
เป็นการแน่นอนสำหรับเขาเหล่านั้นผู้ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิของเขา เมื่อพวกเขาไม่ได้รับ "ความยุติธรรม" เขาเหล่านั้นไม่ได้กระทำความชั่ว, โทษนั้นอยู่ที่ผู้รุกรานบุคคลอื่นและสร้างความวุ่นวายบนหน้าแผ่นดิน,โดยที่ไปรุกรานผู้อื่นอย่างไม่มีเหตุผลหรือสาเหตุ, เขาผู้รุกรานเหล่านั้นจะได้รับโทษอันแสนเจ็บปวดอย่างสาสม, และสำหรับผู้ที่มีความอดทนและอดกลั้นต่อความโกรธแค้น, มีการให้อภัยและมีการปกป้องด้วยการคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น จากอารมณ์โกรธแล้ว, นั้นคือคุณลักษณะของผู้ที่มีความเข้มแข็ง(ทั้งกายและใจ)
.........
ถ้าผมล่วงเกินคุณฮุไซนี ด้วยการเขียน ผมต้องขออภัยจากคุณฮุไซนีด้วยครับ