สำหรับเรา ... เมื่อคืนนี้ คือ วันของเขมชาติ กระทู้ก่อนหน้านี้เราพูดถึงภาพรวมของเรื่องว่าสงครามจิตวิทยา by เขมชาติ ได้เริ่มแล้วและมันจะไม่หยุดจนกว่าจะมีการเจ็บปวดล้มตาย แต่กระทู้นี้อยากจะพูดถึงฉากอารมณ์สักหน่อย เพราะประทับใจการขยายบท และ การแสดงของคุณติ๊กมาก เคยบอกไปหลายหนแล้วว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายที่สุดในละครเรื่องนี้ คือ อินเนอร์ของพี่ติ๊กเจษฯ รู้ ... ว่าพี่ติ๊กหล่อ รู้ ... ว่าการแสดงพี่ติ๊กนั้นห่างไกลคำว่าแข็ง เคยเห็นพี่ติ๊กเล่นซีนอารมณ์มามาก ก็อินบ้าง ... คล้อยตาม แต่ความลึกซึ้งของอินเนอร์ของเขมชาติ ณ อย่าลืมฉัน สำหรับเราแล้วอยู่เหนือละครทุกเรื่องของพี่ติ๊กที่เราเคยดูมา เรียกว่าทำได้ดีทั้งบท และ การแสดง
ในนิยายเรารู้จักคุณเขมผ่านเงาของอดีตซึ่งมีไม่มากเรารู้แค่ว่าเขมไม่ได้ฐานะดีนัก ค่อนข้างเจียมตัว แล้วก็รักผู้หญิงคนหนึ่งชื่อสุริยาวดีมากจนกลายเป็นแค้นเมื่อถูกทิ้งไป เราเข้าใจเหตุและผลของเขมชาติที่ทำนะ เข้าใจภาพเข้าใจอารมณ์ซึ่งเป็นไปตามจินตนาการของเราว่าเราจะตีความตัวอักษรลงไปลึกแค่ไหน (พูดง่าย ๆ ว่าขึ้นอยู่กับอัตราการมโนของแต่ละคน (ฮา)) แต่อดีต และ คาแร็คเตอร์ของเขมชาติในละคร อารมณ์เข้มข้น และ ชัดเจน บทร้อยเรียงมาเพื่อบอกเล่าว่าทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นเพราะเบื้องหลังคือหัวใจของผู้ชายคนหนึ่งที่แตกร้าวไปแล้วทั้งดวง ดวงใจที่ไม่เคยได้ประสานคืนดีแค่แสร้งแค่หลอกตัวเองจนเชื่อว่าไม่เป็นไร อย่างที่คำกล่าวว่าไว้ There're always some pain behind "I don't care". ทุกถ้อยแถลงที่บอกว่าไม่เป็นไรมักมีความเจ็บปวดซ่อนเร้นอยู่เสมอ
จากฉากย้อนอดีตเราสัมผัสได้ว่า "สุริยาวดี" สำหรับเขมชาติก็เป็นตามความหมายของชื่อ เธอคือดวงอาทิตย์ของเขา และ เขาก็โคจรรอบตัวเธอ มันเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ต้น ทุกการกระทำทุกคำพูดไม่ว่าทางดีหรือทางร้ายเขมชาติเก็บมันอยู่ในใจเสมอ เขาไม่เคยหยุดที่จะโคจรรอบตัววดีเลย แม้แต่วันที่วดีจากไป อารมณ์และชีวิตจิตใจก็ยังอยู่ที่วดีตลอดมา ตอนแรกเรามองว่าทุกอย่างเป็นความโกรธและแค้น แต่ความโกรธและแค้นคงเป็นเพียงเสี้ยวเดียวที่เขมชาติคิด ในหัวก็คงจะมีแต่คำถามทำไมถึงไป ? พยายามถีบตัวขึ้นมาก็คงไม่ใช่เพียงเพื่อให้เสียดาย ? แต่มันอาจจะเป็นข้อความที่ว่าวันนี้ฉันมีมากกว่าวันนั้น หากวันไหนเธอกลับมาสิ่งเหล่านี้จะผูกเธอไว้ได้ใช่ไหม ?
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นที่เขมชาติทำทุกอย่าง ฉากหน้าคือการกลั่นแกล้ง แต่พอมองเข้าไปลึก ๆ มันคือความพยายามที่จะ "ล่าม" วดีเอาไว้โดยวิธีใดก็ได้ ห้ามไปไหนนะ ไปไหนไม่ได้ ... ตอนแรกใช้เงิน และ อำนาจ แต่เมื่อทั้งสองสิ่งนี้ใช้ไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีอื่นเข้ามาทดแทน แน่นอนว่านี่คือการก่อสงครามแต่ก็เป็น Heartbreak warfare ฟังเพลงนี้มานานไม่เคยอินเท่าตอนเห็นหน้าเขมชาติเลย ทุกคำที่วดีพูดเวลาเหลืออด ทิ่มแทงเขมชาติชนิดดับดิ้น ซึ่งหน้าพี่ติ๊กมันแสดงให้เห็นความเจ็บถึงขีดสุด
ว่าภายหลังอาการเหวี่ยงวีนโวยวายข้าวปาข้าวของและอารมณ์วัยทองทั้งหลายก็คือหัวใจยับเยินดวงหนึ่งที่เอาความโกรธมาเป็นฉากบังหน้า แต่ตัวจริงอารมณ์จริง ๆ real เขมชาติเป็นยังไง หนึ่งแวบที่อารมณ์ที่แท้จริงปรากฎออกมาคือหลังจากคำพูดที่ว่าฟอร์เก็ตมีน็อตคือดอกไม้ธรรมดา แววตาแบบนั้นที่ปาดน้ำตาไม่กี่หยดในห้องทำงานนั่น ... อาการนั้นแหละคือตัวตนจริง ๆ ของเขมชาติ ที่สุดแล้วมันคือ "ความเสียใจ" และ "ความรู้สึกไร้ค่า" เมื่อหน้ากากความแค้นและอะไร ๆ ที่ยกขึ้นมาปิดมาบังหลุดออกหมด
เขมชาติก็แค่ผู้ชายใจสลายคนนึง สลายมานานเท่าที่สุริยาวดีจากไป และ ต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะได้สุริยาวดีคืนมา เมื่อ"รัก" ที่เคยให้ไม่พอก็ต่อด้วยเงิน เมื่อเงินไม่ได้ผลก็ใช้อำนาจ และ เมื่ออำนาจไม่ได้ผลก็ก่อสงคราม และถ้าสงครามไม่ได้ผลอีก ผู้ชายใจสลายคนนี้ก็พร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ให้หนักข้อขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่เพื่อ "รัก" แต่เพราะ "รัก" โดยไม่แคร์ว่าใครจะเจ็บ แม้แต่ตัวเองก็ตาม จากคำ ๆ นั้นที่ทำให้อดีตไร้ความหมาย ผู้ชายคนนี้จึงคลั่งแล้ว "คลั่งเพราะรัก"
อย่าลืมฉัน (กึ่งรีวิว) ภาคพิเศษ : เมื่อเบื้องหลังคือดวงใจที่แตกร้าว .. เขาจึงคลั่งเพราะ "รัก"
ในนิยายเรารู้จักคุณเขมผ่านเงาของอดีตซึ่งมีไม่มากเรารู้แค่ว่าเขมไม่ได้ฐานะดีนัก ค่อนข้างเจียมตัว แล้วก็รักผู้หญิงคนหนึ่งชื่อสุริยาวดีมากจนกลายเป็นแค้นเมื่อถูกทิ้งไป เราเข้าใจเหตุและผลของเขมชาติที่ทำนะ เข้าใจภาพเข้าใจอารมณ์ซึ่งเป็นไปตามจินตนาการของเราว่าเราจะตีความตัวอักษรลงไปลึกแค่ไหน (พูดง่าย ๆ ว่าขึ้นอยู่กับอัตราการมโนของแต่ละคน (ฮา)) แต่อดีต และ คาแร็คเตอร์ของเขมชาติในละคร อารมณ์เข้มข้น และ ชัดเจน บทร้อยเรียงมาเพื่อบอกเล่าว่าทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นเพราะเบื้องหลังคือหัวใจของผู้ชายคนหนึ่งที่แตกร้าวไปแล้วทั้งดวง ดวงใจที่ไม่เคยได้ประสานคืนดีแค่แสร้งแค่หลอกตัวเองจนเชื่อว่าไม่เป็นไร อย่างที่คำกล่าวว่าไว้ There're always some pain behind "I don't care". ทุกถ้อยแถลงที่บอกว่าไม่เป็นไรมักมีความเจ็บปวดซ่อนเร้นอยู่เสมอ
จากฉากย้อนอดีตเราสัมผัสได้ว่า "สุริยาวดี" สำหรับเขมชาติก็เป็นตามความหมายของชื่อ เธอคือดวงอาทิตย์ของเขา และ เขาก็โคจรรอบตัวเธอ มันเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ต้น ทุกการกระทำทุกคำพูดไม่ว่าทางดีหรือทางร้ายเขมชาติเก็บมันอยู่ในใจเสมอ เขาไม่เคยหยุดที่จะโคจรรอบตัววดีเลย แม้แต่วันที่วดีจากไป อารมณ์และชีวิตจิตใจก็ยังอยู่ที่วดีตลอดมา ตอนแรกเรามองว่าทุกอย่างเป็นความโกรธและแค้น แต่ความโกรธและแค้นคงเป็นเพียงเสี้ยวเดียวที่เขมชาติคิด ในหัวก็คงจะมีแต่คำถามทำไมถึงไป ? พยายามถีบตัวขึ้นมาก็คงไม่ใช่เพียงเพื่อให้เสียดาย ? แต่มันอาจจะเป็นข้อความที่ว่าวันนี้ฉันมีมากกว่าวันนั้น หากวันไหนเธอกลับมาสิ่งเหล่านี้จะผูกเธอไว้ได้ใช่ไหม ?
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นที่เขมชาติทำทุกอย่าง ฉากหน้าคือการกลั่นแกล้ง แต่พอมองเข้าไปลึก ๆ มันคือความพยายามที่จะ "ล่าม" วดีเอาไว้โดยวิธีใดก็ได้ ห้ามไปไหนนะ ไปไหนไม่ได้ ... ตอนแรกใช้เงิน และ อำนาจ แต่เมื่อทั้งสองสิ่งนี้ใช้ไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีอื่นเข้ามาทดแทน แน่นอนว่านี่คือการก่อสงครามแต่ก็เป็น Heartbreak warfare ฟังเพลงนี้มานานไม่เคยอินเท่าตอนเห็นหน้าเขมชาติเลย ทุกคำที่วดีพูดเวลาเหลืออด ทิ่มแทงเขมชาติชนิดดับดิ้น ซึ่งหน้าพี่ติ๊กมันแสดงให้เห็นความเจ็บถึงขีดสุด
ว่าภายหลังอาการเหวี่ยงวีนโวยวายข้าวปาข้าวของและอารมณ์วัยทองทั้งหลายก็คือหัวใจยับเยินดวงหนึ่งที่เอาความโกรธมาเป็นฉากบังหน้า แต่ตัวจริงอารมณ์จริง ๆ real เขมชาติเป็นยังไง หนึ่งแวบที่อารมณ์ที่แท้จริงปรากฎออกมาคือหลังจากคำพูดที่ว่าฟอร์เก็ตมีน็อตคือดอกไม้ธรรมดา แววตาแบบนั้นที่ปาดน้ำตาไม่กี่หยดในห้องทำงานนั่น ... อาการนั้นแหละคือตัวตนจริง ๆ ของเขมชาติ ที่สุดแล้วมันคือ "ความเสียใจ" และ "ความรู้สึกไร้ค่า" เมื่อหน้ากากความแค้นและอะไร ๆ ที่ยกขึ้นมาปิดมาบังหลุดออกหมด
เขมชาติก็แค่ผู้ชายใจสลายคนนึง สลายมานานเท่าที่สุริยาวดีจากไป และ ต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะได้สุริยาวดีคืนมา เมื่อ"รัก" ที่เคยให้ไม่พอก็ต่อด้วยเงิน เมื่อเงินไม่ได้ผลก็ใช้อำนาจ และ เมื่ออำนาจไม่ได้ผลก็ก่อสงคราม และถ้าสงครามไม่ได้ผลอีก ผู้ชายใจสลายคนนี้ก็พร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ให้หนักข้อขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่เพื่อ "รัก" แต่เพราะ "รัก" โดยไม่แคร์ว่าใครจะเจ็บ แม้แต่ตัวเองก็ตาม จากคำ ๆ นั้นที่ทำให้อดีตไร้ความหมาย ผู้ชายคนนี้จึงคลั่งแล้ว "คลั่งเพราะรัก"