วันที่เผยแพร่ : 10/04/2014
บทวิเคราะห์โดยสังเขป :
ประเด็นการลงทุน
แม้ ERW จะซื้อขายต่ำกว่า replacement value ที่ 6.86 บาทต่อหุ้น อยู่มากอย่างมีนยสำคํ แต่เรายังไม่มีปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้นนี้ โดยหลักเรามีความกังวลอยู่ 3 ประเด็น ได้แก่ ความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับลดประมาณการกำไร (ประมาณการกำไรปี 2557 ของเราต่ำกว่าตลาดถึง 39%) ผลประกอบการหดตัวรุงแรงแม้เป็นช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 1/57 และคาดขาดทุนต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2-3/57 โดยแม้เราปรับประมาณการกำไรปี 2557-2558 ลดลง แต่เรามีการปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มเป็น 4.20 บาท จาก 3.80 บาท เนื่องจากเราได้รวมมูลค่าของโรงแรม HOP INN 10 แห่งใหม่ในประมาณการของเรา โดยยังคงวิธีประเมินราคาคือคิดลดจากมูลค่า DCF ที่ 40% (คงสมมติฐานอัตราต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ 9.7% และ terminal growth rate ที่ 2%)
ปรับลดประมาณการกำไร
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 50% สำหรับปี 2557 และอีก 20% สำหรับปี 2558 เพื่อสะท้อนประมาณการกำไรที่อ่อนตัวลงมากกว่าคาดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 โดยเราได้ปรับลดประมาณการรายได้เฉลี่ยต่อห้องปี 2557 เป็นลดลง 18% YoY (ก่อนหน้าเราคาดรายได้เฉลี่ยต่อห้องปรับตัวลดลง 6%) โดยมีสมมติฐายอัตราการเข้าพักเป็น 67%(เทียบกับ 79% สำหรับปี 2556) และค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2557 ปรับตัวลดลง 5% โดยส่งผลให้เราปรับลดประมาณการรายได้ลง 7% สำหรับปี 2557 และลงอีก 5% สำหรับปี 2558 และปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิปี 2557 ของเราลงจาก 3.1% เป็น 1.7% (และปรับลดจาก 3.2% เป็น 2.7% สำหรับปี 2558) ทั้งนี้ประมาณการใหม่ของเราคาดกำไรหลักปี 2557 จะปรับตัวลดลง 39% YoY แต่โรงแรม 13 แห่งใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้คาดจะกระตุ้นกำไรเติบโตได้เท่าตัวสำหรับปี 2558 นอกจากนี้การขยายจำนวนโรงแรมเพิ่มในปีนี้จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.5-1.6เท่า ณ สิ้นปี 2557 จาก 1.2เท่า ณ สิ้นปี 2556
คาดกำไรช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 1/57 แย่ที่สุดตั้งแต่เหตุการณ์ปิดสนามบินในไตรมาส 4/51
เราคาด ERW จะรายงานกำไรหลักเพียง 13 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 1/57 ลดลง 91% YoY และ 78% QoQ บริษัทจะประกาศรายได้ต่อห้องพัก (RevPar) ที่มีให้บริการปรับตัวลดลง 22% YoY (อัตราการเข้าพักเป็น 65% ในไตรมาส 1/57 เทียบกับไตรมาส 1/56 ที่ 85%) ซึ่งรายได้ต่อห้องพักลดลงถึง 45% YoY สำหรับกลุ่มโรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพฯ, ลดลง 20% YoY สำหรับโรงระดับกลาง และ 4% YoY สำหรับโรงแรมระดับล่าง โดยมีเพียงรายได้ต่อห้องพักจากรีสอร์ทหรู (ภูเก็ตและสมุย) เท่านั้นที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 13% YoY ดังนั้นเราคาดบริษัทจะรายงานรายได้โรงแรมปรับตัวลง 25% YoY สำหรับไตรมาส1/57
มองผลขาดทุนในไตรมาส 2/57 และไตรมาส 3/57
การขาดทุนจากการดำเนินงานหลักในไตรมาส 2-3/57 (คาดขาดทุนหลักสูงขึ้น YoY) จะมีสาเหตุหลักมาจากเข้าช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดโรงแรมใหม่สำหรับโรงแรม 13 แห่งใหม่ในปีนี้ (คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวม 56 ล้านบาทสำหรับปี 2557 เทียบกับไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวในปี 2556) อีกทั้งพบว่าการฟื้นตัวของยอดจองโรงแรมหลังการประกาศยกเลิกพ.ร.บ.ฉุกเฉินในวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมานั้นเป็นไปค่อนข้างช้า (ยังคงฟื้นตัวไม่มาก)โดยสังเกตว่า ERW ได้รายงานกำไรไตรมาส 2/56 ทำสถิติสูงสุดใหม่จากการขายสินทรัพย์ให้กับ ERWPF เป็นเงินจำนวน 864 ล้านบาท
คงแผนเปิดโรงแรมใหม่ 13 แห่งในปีนี้
ERW วางแผนจะเปิดให้บริการส่วนต่อขยายโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา (200 ห้อง) ในไตรมาส 3/57 ,โรงแรมเมอร์เคียว พัทยา (210 ห้อง) ในไตรมาส 4/57, โรงแรมไอบิส กระบี่ (206 ห้อง) ในไตรมาส 4/57 และเปิดโรงแรม HOP INNs รวม 10 แห่งใหม่ (มี 790 ห้อง ซึ่งเป็นโรงแรมชั้นประหยัดแบรนด์ใหม่ของบริษัทเอง) ในไตรมาส 2-4/57 ในจังหวัดมุกดาหาร หนองคาย กาญจนบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ตาก นครราชสีมา ลำปาง สระแก้ว และขอนแก่น โดย ERW จะมีโรงแรมทั้งหมดเป็น 29 แห่ง ในสิ้นปีนี้ (16 แห่งในปี 2556) และมีห้องรวมทั้งหมด 5,290 ห้อง ณ สิ้นปี 2557 (เพิ่มขึ้น 36%) โดยบริษัทยังตั้งเป้ามีโรงแรม HOP INN ทั้งหมด 25 แห่งในประเทศไทย และ 5 แห่งในประเทศต่างๆ ใน ภูมิภาคอาเซียนภายใน ณ สิ้นปี 2558 ทั้งนี้แม้ว่าเรามีมุมมองเชิงบวกที่บริษัทมีกลยุทธ์กระจายแหล่งรายได้หลายทางโดยเฉพาะจากต่างจังหวัดผ่านแบรนด์ HOP INNแต่การเพิ่มโรงแรม HOP INN ในช่วงแรกจะส่งผลต่อรายได้ปี 2557 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (รายได้จากโรงแรม HOP INN ทั้ง 10 แห่งคิดเป็นเพียง 1% ของรายได้รวมปี 2557)
คำแนะนำ :
คำแนะนำพื้นฐาน: ถือ
เป้าหมายพื้นฐาน: 4.20 บาท
แบ่งปันกันค่ะ ^ ^
BLS.ERW: คาดกำไรไตรมาส 1/57 อ่อนแอ แถมพ่วงขาดทุนช่วงโลว์ซีซั่นที่กำลังจะมาถึง
บทวิเคราะห์โดยสังเขป :
ประเด็นการลงทุน
แม้ ERW จะซื้อขายต่ำกว่า replacement value ที่ 6.86 บาทต่อหุ้น อยู่มากอย่างมีนยสำคํ แต่เรายังไม่มีปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้นนี้ โดยหลักเรามีความกังวลอยู่ 3 ประเด็น ได้แก่ ความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับลดประมาณการกำไร (ประมาณการกำไรปี 2557 ของเราต่ำกว่าตลาดถึง 39%) ผลประกอบการหดตัวรุงแรงแม้เป็นช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 1/57 และคาดขาดทุนต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2-3/57 โดยแม้เราปรับประมาณการกำไรปี 2557-2558 ลดลง แต่เรามีการปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มเป็น 4.20 บาท จาก 3.80 บาท เนื่องจากเราได้รวมมูลค่าของโรงแรม HOP INN 10 แห่งใหม่ในประมาณการของเรา โดยยังคงวิธีประเมินราคาคือคิดลดจากมูลค่า DCF ที่ 40% (คงสมมติฐานอัตราต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ 9.7% และ terminal growth rate ที่ 2%)
ปรับลดประมาณการกำไร
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 50% สำหรับปี 2557 และอีก 20% สำหรับปี 2558 เพื่อสะท้อนประมาณการกำไรที่อ่อนตัวลงมากกว่าคาดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 โดยเราได้ปรับลดประมาณการรายได้เฉลี่ยต่อห้องปี 2557 เป็นลดลง 18% YoY (ก่อนหน้าเราคาดรายได้เฉลี่ยต่อห้องปรับตัวลดลง 6%) โดยมีสมมติฐายอัตราการเข้าพักเป็น 67%(เทียบกับ 79% สำหรับปี 2556) และค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2557 ปรับตัวลดลง 5% โดยส่งผลให้เราปรับลดประมาณการรายได้ลง 7% สำหรับปี 2557 และลงอีก 5% สำหรับปี 2558 และปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิปี 2557 ของเราลงจาก 3.1% เป็น 1.7% (และปรับลดจาก 3.2% เป็น 2.7% สำหรับปี 2558) ทั้งนี้ประมาณการใหม่ของเราคาดกำไรหลักปี 2557 จะปรับตัวลดลง 39% YoY แต่โรงแรม 13 แห่งใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้คาดจะกระตุ้นกำไรเติบโตได้เท่าตัวสำหรับปี 2558 นอกจากนี้การขยายจำนวนโรงแรมเพิ่มในปีนี้จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.5-1.6เท่า ณ สิ้นปี 2557 จาก 1.2เท่า ณ สิ้นปี 2556
คาดกำไรช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 1/57 แย่ที่สุดตั้งแต่เหตุการณ์ปิดสนามบินในไตรมาส 4/51
เราคาด ERW จะรายงานกำไรหลักเพียง 13 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 1/57 ลดลง 91% YoY และ 78% QoQ บริษัทจะประกาศรายได้ต่อห้องพัก (RevPar) ที่มีให้บริการปรับตัวลดลง 22% YoY (อัตราการเข้าพักเป็น 65% ในไตรมาส 1/57 เทียบกับไตรมาส 1/56 ที่ 85%) ซึ่งรายได้ต่อห้องพักลดลงถึง 45% YoY สำหรับกลุ่มโรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพฯ, ลดลง 20% YoY สำหรับโรงระดับกลาง และ 4% YoY สำหรับโรงแรมระดับล่าง โดยมีเพียงรายได้ต่อห้องพักจากรีสอร์ทหรู (ภูเก็ตและสมุย) เท่านั้นที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 13% YoY ดังนั้นเราคาดบริษัทจะรายงานรายได้โรงแรมปรับตัวลง 25% YoY สำหรับไตรมาส1/57
มองผลขาดทุนในไตรมาส 2/57 และไตรมาส 3/57
การขาดทุนจากการดำเนินงานหลักในไตรมาส 2-3/57 (คาดขาดทุนหลักสูงขึ้น YoY) จะมีสาเหตุหลักมาจากเข้าช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดโรงแรมใหม่สำหรับโรงแรม 13 แห่งใหม่ในปีนี้ (คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวม 56 ล้านบาทสำหรับปี 2557 เทียบกับไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวในปี 2556) อีกทั้งพบว่าการฟื้นตัวของยอดจองโรงแรมหลังการประกาศยกเลิกพ.ร.บ.ฉุกเฉินในวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมานั้นเป็นไปค่อนข้างช้า (ยังคงฟื้นตัวไม่มาก)โดยสังเกตว่า ERW ได้รายงานกำไรไตรมาส 2/56 ทำสถิติสูงสุดใหม่จากการขายสินทรัพย์ให้กับ ERWPF เป็นเงินจำนวน 864 ล้านบาท
คงแผนเปิดโรงแรมใหม่ 13 แห่งในปีนี้
ERW วางแผนจะเปิดให้บริการส่วนต่อขยายโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา (200 ห้อง) ในไตรมาส 3/57 ,โรงแรมเมอร์เคียว พัทยา (210 ห้อง) ในไตรมาส 4/57, โรงแรมไอบิส กระบี่ (206 ห้อง) ในไตรมาส 4/57 และเปิดโรงแรม HOP INNs รวม 10 แห่งใหม่ (มี 790 ห้อง ซึ่งเป็นโรงแรมชั้นประหยัดแบรนด์ใหม่ของบริษัทเอง) ในไตรมาส 2-4/57 ในจังหวัดมุกดาหาร หนองคาย กาญจนบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ตาก นครราชสีมา ลำปาง สระแก้ว และขอนแก่น โดย ERW จะมีโรงแรมทั้งหมดเป็น 29 แห่ง ในสิ้นปีนี้ (16 แห่งในปี 2556) และมีห้องรวมทั้งหมด 5,290 ห้อง ณ สิ้นปี 2557 (เพิ่มขึ้น 36%) โดยบริษัทยังตั้งเป้ามีโรงแรม HOP INN ทั้งหมด 25 แห่งในประเทศไทย และ 5 แห่งในประเทศต่างๆ ใน ภูมิภาคอาเซียนภายใน ณ สิ้นปี 2558 ทั้งนี้แม้ว่าเรามีมุมมองเชิงบวกที่บริษัทมีกลยุทธ์กระจายแหล่งรายได้หลายทางโดยเฉพาะจากต่างจังหวัดผ่านแบรนด์ HOP INNแต่การเพิ่มโรงแรม HOP INN ในช่วงแรกจะส่งผลต่อรายได้ปี 2557 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (รายได้จากโรงแรม HOP INN ทั้ง 10 แห่งคิดเป็นเพียง 1% ของรายได้รวมปี 2557)
คำแนะนำ :
คำแนะนำพื้นฐาน: ถือ
เป้าหมายพื้นฐาน: 4.20 บาท
แบ่งปันกันค่ะ ^ ^