กระดังงาลนไฟ บทที่ 3 ความเจ็บที่สุดแสนจะทรมาน

กระทู้สนทนา
กระดังงาลนไฟ

ถึงเธอจะผ่านผู้ชายร้อยคน แต่ฉันจะทนรักษาหัวใจเธอ

บทที่ 3 ความเจ็บที่สุดแสนจะทรมาน


        เมื่อเวลาผันผ่านไปดวงใจของคนย่อมแปรเปลี่ยน เหมือนกับกินรีที่ในเวลานี้ก็เริ่มรู้สึกดีกับกรวิชญ์และขยับความสัมพันธ์จากเพื่อนกลายไปเป็นคนรู้ใจ กรวิชญ์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะชนะใจของหญิงสาวให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะกินรีเป็นคนใจแข็งและมั่นคงในรักมาก จึงไม่ยอมใจอ่อนที่จะคบหากับกรวิชญ์ง่ายๆ
           "วันนี้คุณแม่ไม่ต้องรอรินทานข้าวนะค่ะ"  กินรีบอกกับคุณแม่เพราะตนเองจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลองสละโสดที่บาร์ชื่อดังในแถมชานเมือง

           "เรื่องนั้นแม่รู้แล้วแหละ แต่อย่ากลับดึกมากนะ แล้วก็อย่าดื่มหนักด้วยเดี่ยวขับรถกลับบ้านไม่ไหว"  คุณหญิงนวลแจ่มเอยปากเตือนลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

            "ถ้าอย่างงั้นหนูขอตัวก่อนนะค่ะ เดี่ยวสาย ยัย 'รุ้ง' กับยัย 'แก้ว' จะรอนาน"   กินรีรีบวิ่งออกไปจากบ้านโดยมีคุณหญิงนวลแจ่มมองอยู่ด้านหลัง
    กินรีสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากบ้าน และในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขั้น หญิงหยิบมันขั้นมาดู เมื่อเห็นว่าแก้วโทรมาเธอก็กดรับสายทันที

         "ฮัลโหล!! ยัยรินนี้แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย ทำไมให้พวกฉันรอนานขนาดนี้แกรู้มั้ยว่าฉันกับยัยรุ้งยืนรอแกจนรากจะงอกแล้วเนี่ย ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย ถ้าแกยังมาไม่ถึงภายในห้านาที แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่"  แก้วตะคอกเสียงใส่กินรีไม่ยั้ง แต่เธอรู้นิสัยเพื่อนดีว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย ถ้าหากตอบโต้กลับไปอาจจะต้องเป็นเรื่องกัน กินรีจึงได้แต่ตอบตกลงกลับไป

         "จ้าๆๆ ฉันกำลังไปรับพวกเธออยู่นิแหละ ยังไงก็เก็บรากไว้ก่อนอย่าพึ่งให้มันมุดลงดินซะก่อน ฉันขี้เกียจดึงนะ แค่นี้ก่อนนะ"  กินรีรีบตัดสายโทรศัพท์เพราะไม่อยากได้ยินเสียงบ่นของเพื่อน แต่เธอก็แอบหัวเราะคนเดี่ยวภายในรถที่ทำให้เพื่อนต้องประสาทแตกอย่างนี้ แต่อันที่จริงแล้ว กินรีก็ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอะไรออกไปทางสาวเปรี้ยวซ่าด้วยซ้ำไป และในขณะที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เธอก็เป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มที่คอยทำทีมทำกิจกรมนู้นนี้นั้น เป็นหัวโจ่ก ในการสังสรรค์เฮฮา แต่เมื่อกินรีกำลังจะแต่งาน เธอก็ปรับปรุงตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือน คอยเอาใจสามี

            บรรยากาศภายในร้านบาร์ เต็มไปด้วยเหล่าบรรดาผีเสื้อราตรีไม่ต่ำกว่าห้าสิบชีวิต พนักงานในร้านวิ่งวุ่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า มองไปทางมุมของร้านทางด้านขวาเพื่อนของกินรีที่กำลังนั่งรอยู่ ทั้งสามคนรีบเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่แล้วสองคน

            "อยู่ไหนนะสองคนนี้ ไหนบอกว่าอยู่ใกล้ๆทางเข้า แต่นี้ไม่เห็นมีเลย"  แก้วเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยแล้วมองไปรอบๆร้าน แต่หาเพื่อนไม่เจอเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่ากึกของเธอขึ้นมาเพื่อโทรหา 'เพชร' อนาคตเจ้าสาวในไม่กี่วันข้างหน้า "ฮัลโหล ยัยเพชรนี้แกนั่งอยู่ตรงไหน ทำไม่ฉันไม่เห็นแก"

            "ยัยแก้วฉันอยู่มุมของร้านทางด้านขวานะ แกเดินเข้ามาเลย"  เพชรบอกเพื่อนผ่านสายโทรศัพท์พรางชะเง้อหาผู้ที่กำลังคุยสายด้วย แก้วมองไปรอบๆร้านจนเจอเพชรที่นั่งอยู่กับ 'โรส' เพื่อนอีกคนที่มาถึงก่อนหน้าไม่กี่นาที แล้วเดินตรงเข้าไปทันที

            "ฉันเห็นแกแล้วยัยเพชร แค่นี้นะ ตังฉันจะหมด"  แก้วกดวางสายแล้วคว้าเอาแขนรุ้ง "ฉันเห็นพวกนั้น ตามมา"  แก้วเดินนำหน้าเพื่อนตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีสองสาวกำลังรออยู่

         "อยู่นี้เอง ฉันมองหาตั้งนาน"  แก้วตะคอกเสียงใส่เพชรพรางหน้าหงุดหงิดใส่

            "หานานอะไร แป๊บเดียวเอง พวกแกไม่ต้องไปเชื่อยัยแก้วนะ"  รุ้งกล่าวออกไปทำให้แก้วถึงกับควันออกหู

            "ก็แกไม่ได้เป็นคนหานิ แล้วนี้ได้เบอร์ผู้ชายมากี่คนล่ะจ้ะ เห็นเงียบๆอยู่กับยัยรินสองคน"  เพื่อนๆในวงโต๊ะอาหารต่างพากันขำ แต่แล้วโรสก็สังเกตเห็นว่ารินไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะอาหารด้วย

            "อ้าว! แล้วนี้ยัยรินไม่มาด้วยหรอ"  โรสถามด้วยความสงสัย

            "โอ้ย ถ้าไม่มากับยัยรินแล้วพวกฉันจะมากับใครล่ะ"  รุ้งพูดพลางคนน้ำในแก้วของตนเอง

            "อยู่นั้นไง เดี่ยวฉันไปตามให้เอง"  แก้วลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหากินรีที่ยืนอยู่หน้าร้าน

            "ยัยริน แกมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ตามฉันเข้าไป"  แก้วมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย แต่ไม่รอคำตอบ แกวจับแขนของกินรีแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่

            "ฉันพายัยบ๊องมาแล้ว"  แก้วเอ่ยขึ้น

            "รินแกเป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าซีดๆ"  โรสไถ่ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วก็สังเกตเห็นคราบน้ำตาของกินรี "รินแกร้องไห้ทำไม แกเป็นอะไร บอกพวกฉันมาเลยนะ"  รุ้งเค้นเอาคำตอบจากกินรีที่ในขณะนี้ตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก

            "ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่ฝุ่นเข้าตานะ"  กินรีบ่ายเบี่ยงคำตอบไปเป็นฝุ่นเข้าตาแทนการพูดความจริง ความจริงที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง

             แน่นอนไม่พ้นเรื่องราวความหลังของเธอกับชาติชาย เพราะชายหนุ่มของเธอแต่งานที่ร้านแห่งนี้ แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เรื่อง เธอต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในห่วงสึกสุดของหัวใจ เพราะเธอไม่อยากทำลายบรรยากาศของงานเลี้ยงส่งท้ายเพื่อนที่กำลังจะแต่งงาน ถึงเธอจะเจ็บปานตายเธอก็ต้องทำ!!!
    

              เวลาล่วงผ่านไปกว่าสองชั่วโมง บรรยากาศภายในร้านยังคงสนุกสนานครึกครื้น เหล่าบรรดาผีเสื้อราตรียังคงวาดลวดลายในการเต้นได้อย่างสวยงาม เพชรต้องขอตัวกลับบ้านก่อนเพื่อไปเตรียมงานเพิ่มเติม และเหลือแต่ กินรี แก้ว รุ้งและโรส ทียังคงสนุกสนานอยู่ภายในร้าน ทุกคนยังคงมีสติดีเพียงแต่กินรีที่ดื่มหนักเกินไปจนทำให้เมาหนัก แต่แล้วก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาในกลุ่ม ทุกคนจำได้ว่าเค้าคือกรวิชญ์  

              "อ้าวกร มาได้ไงเนี่ย"  รุ้งเอ่ยขึ้นทำให้เพื่อนทุกคนหันหน้ามาทางหัวโต๊ะที่กรวิชญ์กำลังยืนอยู่ กินรีมองหน้าชายหนุ่มแต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าคือใครเพราะเธอเมาจนขาดสติอย่างมาก  

              "คือฉันมากับเพื่อนนะ แล้วพวกเธอล่ะมาเลี้ยงฉลองอะไรกัน"  กรวิชญ์ถามกลับ

              "ยัยเพชรจะแต่งานน่ะ ก็เลยมาเลี้ยงฉลองสละโสดซะหน่อย แต่เจ้าตัวเค้าก็กลับไปแล้วล่ะ เห็นบอกว่าต้องไปเตรียมงานเพิ่มเติม"  รุ้งอธิบายยาวเหยีด กรวิชญ์ไม่ได้สนใจในคำพูดของรุ้งตั้งแต่เห็นกินรีกำลังเมาไม่ได้สติ แผนการชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในสมองของชายหนุ่มอีกครั้ง

              "อ้อ แล้วนี้พวกเธอจะกลับตอนไหนล่ะ"  กรวิชญ์ตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง

              "ก็ว่าจะกลับนี้แหละ แต่ดูสภาพคนขับรถสิ เมาได้เรื่องเลย"  โรสตอบ เข้าทางหนุ่มเจ้าเล่ห์ กรวิชญ์เสนอตัวที่จะไปส่ง และก็ได้ผล ทุกคนตอบตกลงเพราะถ้าหากจะกลับไปพร้อมกินรีก็คงไม่โอกาสที่จะได้เห็นเพื่อนแต่งงาน

              "ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่งมั้ย"  กรวิชญ์ยื่นข้อเสนอ

              "ก็ดี ถ้าจะให้ฉันกลับกับยัยรินคงอดเป็นเพื่อนเจ้าสาว"  แก้วออกตัวแรงไว้ก่อนเพราะห่วงความปลอดภัยของตนเอง "แล้วพวกแกล่ะ ว่าไง จะไปกับไอ้กรมันรึเปล่า"

           "แล้วยัยรินจะกลับยังไงล่ะ รถอีก ฉันไม่อยากทิ้งเพื่อนน่ะแก"  โรสพูดขึ้นเรพาะความเป็นห่วงเพื่อน

              "เรื่องรินไม่ต้องเป็นห่วง เดี่ยวฉันพากลับด้วย ส่วนเรื่องรถไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสนิดกับเจ้าของร้านเดี่ยวฝากเค้าไว้ก่อนก็ได้"  คำพูดของกรวิชญ์ทำให้โรสหายห่วงไปได้มาก

               เมื่อตกลงกันเรีบยร้อยแล้วกรวิชญ์ก็ขอตัวออกไปหาทางเจ้าของร้านเรื่องรถของกินรีและที่สำคัญกว่านั้น เค้าออกไปคุยกับแพนเค้กเพื่อไม่ให้ไปขัดจังหวะความสุขของเค้ากับกินรี

               "แพนเค้กวันนี้คุณไปนอนบ้านเพื่อนก่อนนะ"  กรวิชญ์พูดขึ้นมากระทันหันทำให้แพนเค้กตกใจไม่น้อย
    "ทำไมล่ะ"แพนเค้กถาม

               "ก็วันนี้จะเป็นวันที่เราจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากได้ไงล่ะ"  กรวิชญ์พูดอย่างมีลับลมคมใน ทำให้แพนเค้กสงสัยขึ้นมาทันที่
    "คุณหมายความว่ายังไง"  สิ้นเสียงของแพนเค้ก เสียงของแก้วก็ดังขึ้นทั้งสองหันไปมอง แก้วเรียกให้กรวิชญ์ไปช่วยพยุงกินรีไปออกไปจากร้าน
    แพนเค้กเห็นหน้าของกินรีก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดและตอบรับชายหนุ่มอย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่กรวิชญ์จะไปหาแก้วแพนเค้กก็คว้ามือของชายหนุ่มเอาไว้ แล้วกระซิบข้างหู

                "ขอให้สนุกและมีความสุขมากๆนะคืนนี้"  เป็นคำอวยพรที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยที่จะเข้าหูเท่าไหร่สำหรับหลายคนแต่สำหรับกรวิชญ์แล้วเค้าต้องการมันมากในเวลานี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่