กระดังงาลนไฟ
ถึงเธอจะผ่านผู้ชายร้อยคน แต่ฉันจะทนรักษาหัวใจเธอ
บทที่ 3 ความเจ็บที่สุดแสนจะทรมาน
เมื่อเวลาผันผ่านไปดวงใจของคนย่อมแปรเปลี่ยน เหมือนกับกินรีที่ในเวลานี้ก็เริ่มรู้สึกดีกับกรวิชญ์และขยับความสัมพันธ์จากเพื่อนกลายไปเป็นคนรู้ใจ กรวิชญ์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะชนะใจของหญิงสาวให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะกินรีเป็นคนใจแข็งและมั่นคงในรักมาก จึงไม่ยอมใจอ่อนที่จะคบหากับกรวิชญ์ง่ายๆ
"วันนี้คุณแม่ไม่ต้องรอรินทานข้าวนะค่ะ" กินรีบอกกับคุณแม่เพราะตนเองจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลองสละโสดที่บาร์ชื่อดังในแถมชานเมือง
"เรื่องนั้นแม่รู้แล้วแหละ แต่อย่ากลับดึกมากนะ แล้วก็อย่าดื่มหนักด้วยเดี่ยวขับรถกลับบ้านไม่ไหว" คุณหญิงนวลแจ่มเอยปากเตือนลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
"ถ้าอย่างงั้นหนูขอตัวก่อนนะค่ะ เดี่ยวสาย ยัย 'รุ้ง' กับยัย 'แก้ว' จะรอนาน" กินรีรีบวิ่งออกไปจากบ้านโดยมีคุณหญิงนวลแจ่มมองอยู่ด้านหลัง
กินรีสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากบ้าน และในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขั้น หญิงหยิบมันขั้นมาดู เมื่อเห็นว่าแก้วโทรมาเธอก็กดรับสายทันที
"ฮัลโหล!! ยัยรินนี้แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย ทำไมให้พวกฉันรอนานขนาดนี้แกรู้มั้ยว่าฉันกับยัยรุ้งยืนรอแกจนรากจะงอกแล้วเนี่ย ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย ถ้าแกยังมาไม่ถึงภายในห้านาที แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่" แก้วตะคอกเสียงใส่กินรีไม่ยั้ง แต่เธอรู้นิสัยเพื่อนดีว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย ถ้าหากตอบโต้กลับไปอาจจะต้องเป็นเรื่องกัน กินรีจึงได้แต่ตอบตกลงกลับไป
"จ้าๆๆ ฉันกำลังไปรับพวกเธออยู่นิแหละ ยังไงก็เก็บรากไว้ก่อนอย่าพึ่งให้มันมุดลงดินซะก่อน ฉันขี้เกียจดึงนะ แค่นี้ก่อนนะ" กินรีรีบตัดสายโทรศัพท์เพราะไม่อยากได้ยินเสียงบ่นของเพื่อน แต่เธอก็แอบหัวเราะคนเดี่ยวภายในรถที่ทำให้เพื่อนต้องประสาทแตกอย่างนี้ แต่อันที่จริงแล้ว กินรีก็ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอะไรออกไปทางสาวเปรี้ยวซ่าด้วยซ้ำไป และในขณะที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เธอก็เป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มที่คอยทำทีมทำกิจกรมนู้นนี้นั้น เป็นหัวโจ่ก ในการสังสรรค์เฮฮา แต่เมื่อกินรีกำลังจะแต่งาน เธอก็ปรับปรุงตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือน คอยเอาใจสามี
บรรยากาศภายในร้านบาร์ เต็มไปด้วยเหล่าบรรดาผีเสื้อราตรีไม่ต่ำกว่าห้าสิบชีวิต พนักงานในร้านวิ่งวุ่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า มองไปทางมุมของร้านทางด้านขวาเพื่อนของกินรีที่กำลังนั่งรอยู่ ทั้งสามคนรีบเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่แล้วสองคน
"อยู่ไหนนะสองคนนี้ ไหนบอกว่าอยู่ใกล้ๆทางเข้า แต่นี้ไม่เห็นมีเลย" แก้วเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยแล้วมองไปรอบๆร้าน แต่หาเพื่อนไม่เจอเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่ากึกของเธอขึ้นมาเพื่อโทรหา 'เพชร' อนาคตเจ้าสาวในไม่กี่วันข้างหน้า "ฮัลโหล ยัยเพชรนี้แกนั่งอยู่ตรงไหน ทำไม่ฉันไม่เห็นแก"
"ยัยแก้วฉันอยู่มุมของร้านทางด้านขวานะ แกเดินเข้ามาเลย" เพชรบอกเพื่อนผ่านสายโทรศัพท์พรางชะเง้อหาผู้ที่กำลังคุยสายด้วย แก้วมองไปรอบๆร้านจนเจอเพชรที่นั่งอยู่กับ 'โรส' เพื่อนอีกคนที่มาถึงก่อนหน้าไม่กี่นาที แล้วเดินตรงเข้าไปทันที
"ฉันเห็นแกแล้วยัยเพชร แค่นี้นะ ตังฉันจะหมด" แก้วกดวางสายแล้วคว้าเอาแขนรุ้ง "ฉันเห็นพวกนั้น ตามมา" แก้วเดินนำหน้าเพื่อนตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีสองสาวกำลังรออยู่
"อยู่นี้เอง ฉันมองหาตั้งนาน" แก้วตะคอกเสียงใส่เพชรพรางหน้าหงุดหงิดใส่
"หานานอะไร แป๊บเดียวเอง พวกแกไม่ต้องไปเชื่อยัยแก้วนะ" รุ้งกล่าวออกไปทำให้แก้วถึงกับควันออกหู
"ก็แกไม่ได้เป็นคนหานิ แล้วนี้ได้เบอร์ผู้ชายมากี่คนล่ะจ้ะ เห็นเงียบๆอยู่กับยัยรินสองคน" เพื่อนๆในวงโต๊ะอาหารต่างพากันขำ แต่แล้วโรสก็สังเกตเห็นว่ารินไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะอาหารด้วย
"อ้าว! แล้วนี้ยัยรินไม่มาด้วยหรอ" โรสถามด้วยความสงสัย
"โอ้ย ถ้าไม่มากับยัยรินแล้วพวกฉันจะมากับใครล่ะ" รุ้งพูดพลางคนน้ำในแก้วของตนเอง
"อยู่นั้นไง เดี่ยวฉันไปตามให้เอง" แก้วลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหากินรีที่ยืนอยู่หน้าร้าน
"ยัยริน แกมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ตามฉันเข้าไป" แก้วมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย แต่ไม่รอคำตอบ แกวจับแขนของกินรีแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่
"ฉันพายัยบ๊องมาแล้ว" แก้วเอ่ยขึ้น
"รินแกเป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าซีดๆ" โรสไถ่ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วก็สังเกตเห็นคราบน้ำตาของกินรี "รินแกร้องไห้ทำไม แกเป็นอะไร บอกพวกฉันมาเลยนะ" รุ้งเค้นเอาคำตอบจากกินรีที่ในขณะนี้ตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก
"ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่ฝุ่นเข้าตานะ" กินรีบ่ายเบี่ยงคำตอบไปเป็นฝุ่นเข้าตาแทนการพูดความจริง ความจริงที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง
แน่นอนไม่พ้นเรื่องราวความหลังของเธอกับชาติชาย เพราะชายหนุ่มของเธอแต่งานที่ร้านแห่งนี้ แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เรื่อง เธอต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในห่วงสึกสุดของหัวใจ เพราะเธอไม่อยากทำลายบรรยากาศของงานเลี้ยงส่งท้ายเพื่อนที่กำลังจะแต่งงาน ถึงเธอจะเจ็บปานตายเธอก็ต้องทำ!!!
เวลาล่วงผ่านไปกว่าสองชั่วโมง บรรยากาศภายในร้านยังคงสนุกสนานครึกครื้น เหล่าบรรดาผีเสื้อราตรียังคงวาดลวดลายในการเต้นได้อย่างสวยงาม เพชรต้องขอตัวกลับบ้านก่อนเพื่อไปเตรียมงานเพิ่มเติม และเหลือแต่ กินรี แก้ว รุ้งและโรส ทียังคงสนุกสนานอยู่ภายในร้าน ทุกคนยังคงมีสติดีเพียงแต่กินรีที่ดื่มหนักเกินไปจนทำให้เมาหนัก แต่แล้วก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาในกลุ่ม ทุกคนจำได้ว่าเค้าคือกรวิชญ์
"อ้าวกร มาได้ไงเนี่ย" รุ้งเอ่ยขึ้นทำให้เพื่อนทุกคนหันหน้ามาทางหัวโต๊ะที่กรวิชญ์กำลังยืนอยู่ กินรีมองหน้าชายหนุ่มแต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าคือใครเพราะเธอเมาจนขาดสติอย่างมาก
"คือฉันมากับเพื่อนนะ แล้วพวกเธอล่ะมาเลี้ยงฉลองอะไรกัน" กรวิชญ์ถามกลับ
"ยัยเพชรจะแต่งานน่ะ ก็เลยมาเลี้ยงฉลองสละโสดซะหน่อย แต่เจ้าตัวเค้าก็กลับไปแล้วล่ะ เห็นบอกว่าต้องไปเตรียมงานเพิ่มเติม" รุ้งอธิบายยาวเหยีด กรวิชญ์ไม่ได้สนใจในคำพูดของรุ้งตั้งแต่เห็นกินรีกำลังเมาไม่ได้สติ แผนการชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในสมองของชายหนุ่มอีกครั้ง
"อ้อ แล้วนี้พวกเธอจะกลับตอนไหนล่ะ" กรวิชญ์ตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง
"ก็ว่าจะกลับนี้แหละ แต่ดูสภาพคนขับรถสิ เมาได้เรื่องเลย" โรสตอบ เข้าทางหนุ่มเจ้าเล่ห์ กรวิชญ์เสนอตัวที่จะไปส่ง และก็ได้ผล ทุกคนตอบตกลงเพราะถ้าหากจะกลับไปพร้อมกินรีก็คงไม่โอกาสที่จะได้เห็นเพื่อนแต่งงาน
"ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่งมั้ย" กรวิชญ์ยื่นข้อเสนอ
"ก็ดี ถ้าจะให้ฉันกลับกับยัยรินคงอดเป็นเพื่อนเจ้าสาว" แก้วออกตัวแรงไว้ก่อนเพราะห่วงความปลอดภัยของตนเอง "แล้วพวกแกล่ะ ว่าไง จะไปกับไอ้กรมันรึเปล่า"
"แล้วยัยรินจะกลับยังไงล่ะ รถอีก ฉันไม่อยากทิ้งเพื่อนน่ะแก" โรสพูดขึ้นเรพาะความเป็นห่วงเพื่อน
"เรื่องรินไม่ต้องเป็นห่วง เดี่ยวฉันพากลับด้วย ส่วนเรื่องรถไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสนิดกับเจ้าของร้านเดี่ยวฝากเค้าไว้ก่อนก็ได้" คำพูดของกรวิชญ์ทำให้โรสหายห่วงไปได้มาก
เมื่อตกลงกันเรีบยร้อยแล้วกรวิชญ์ก็ขอตัวออกไปหาทางเจ้าของร้านเรื่องรถของกินรีและที่สำคัญกว่านั้น เค้าออกไปคุยกับแพนเค้กเพื่อไม่ให้ไปขัดจังหวะความสุขของเค้ากับกินรี
"แพนเค้กวันนี้คุณไปนอนบ้านเพื่อนก่อนนะ" กรวิชญ์พูดขึ้นมากระทันหันทำให้แพนเค้กตกใจไม่น้อย
"ทำไมล่ะ"แพนเค้กถาม
"ก็วันนี้จะเป็นวันที่เราจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากได้ไงล่ะ" กรวิชญ์พูดอย่างมีลับลมคมใน ทำให้แพนเค้กสงสัยขึ้นมาทันที่
"คุณหมายความว่ายังไง" สิ้นเสียงของแพนเค้ก เสียงของแก้วก็ดังขึ้นทั้งสองหันไปมอง แก้วเรียกให้กรวิชญ์ไปช่วยพยุงกินรีไปออกไปจากร้าน
แพนเค้กเห็นหน้าของกินรีก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดและตอบรับชายหนุ่มอย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่กรวิชญ์จะไปหาแก้วแพนเค้กก็คว้ามือของชายหนุ่มเอาไว้ แล้วกระซิบข้างหู
"ขอให้สนุกและมีความสุขมากๆนะคืนนี้" เป็นคำอวยพรที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยที่จะเข้าหูเท่าไหร่สำหรับหลายคนแต่สำหรับกรวิชญ์แล้วเค้าต้องการมันมากในเวลานี้
กระดังงาลนไฟ บทที่ 3 ความเจ็บที่สุดแสนจะทรมาน
เมื่อเวลาผันผ่านไปดวงใจของคนย่อมแปรเปลี่ยน เหมือนกับกินรีที่ในเวลานี้ก็เริ่มรู้สึกดีกับกรวิชญ์และขยับความสัมพันธ์จากเพื่อนกลายไปเป็นคนรู้ใจ กรวิชญ์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะชนะใจของหญิงสาวให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะกินรีเป็นคนใจแข็งและมั่นคงในรักมาก จึงไม่ยอมใจอ่อนที่จะคบหากับกรวิชญ์ง่ายๆ
"วันนี้คุณแม่ไม่ต้องรอรินทานข้าวนะค่ะ" กินรีบอกกับคุณแม่เพราะตนเองจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลองสละโสดที่บาร์ชื่อดังในแถมชานเมือง
"เรื่องนั้นแม่รู้แล้วแหละ แต่อย่ากลับดึกมากนะ แล้วก็อย่าดื่มหนักด้วยเดี่ยวขับรถกลับบ้านไม่ไหว" คุณหญิงนวลแจ่มเอยปากเตือนลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
"ถ้าอย่างงั้นหนูขอตัวก่อนนะค่ะ เดี่ยวสาย ยัย 'รุ้ง' กับยัย 'แก้ว' จะรอนาน" กินรีรีบวิ่งออกไปจากบ้านโดยมีคุณหญิงนวลแจ่มมองอยู่ด้านหลัง
กินรีสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากบ้าน และในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขั้น หญิงหยิบมันขั้นมาดู เมื่อเห็นว่าแก้วโทรมาเธอก็กดรับสายทันที
"ฮัลโหล!! ยัยรินนี้แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย ทำไมให้พวกฉันรอนานขนาดนี้แกรู้มั้ยว่าฉันกับยัยรุ้งยืนรอแกจนรากจะงอกแล้วเนี่ย ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย ถ้าแกยังมาไม่ถึงภายในห้านาที แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่" แก้วตะคอกเสียงใส่กินรีไม่ยั้ง แต่เธอรู้นิสัยเพื่อนดีว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย ถ้าหากตอบโต้กลับไปอาจจะต้องเป็นเรื่องกัน กินรีจึงได้แต่ตอบตกลงกลับไป
"จ้าๆๆ ฉันกำลังไปรับพวกเธออยู่นิแหละ ยังไงก็เก็บรากไว้ก่อนอย่าพึ่งให้มันมุดลงดินซะก่อน ฉันขี้เกียจดึงนะ แค่นี้ก่อนนะ" กินรีรีบตัดสายโทรศัพท์เพราะไม่อยากได้ยินเสียงบ่นของเพื่อน แต่เธอก็แอบหัวเราะคนเดี่ยวภายในรถที่ทำให้เพื่อนต้องประสาทแตกอย่างนี้ แต่อันที่จริงแล้ว กินรีก็ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอะไรออกไปทางสาวเปรี้ยวซ่าด้วยซ้ำไป และในขณะที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เธอก็เป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มที่คอยทำทีมทำกิจกรมนู้นนี้นั้น เป็นหัวโจ่ก ในการสังสรรค์เฮฮา แต่เมื่อกินรีกำลังจะแต่งาน เธอก็ปรับปรุงตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือน คอยเอาใจสามี
บรรยากาศภายในร้านบาร์ เต็มไปด้วยเหล่าบรรดาผีเสื้อราตรีไม่ต่ำกว่าห้าสิบชีวิต พนักงานในร้านวิ่งวุ่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า มองไปทางมุมของร้านทางด้านขวาเพื่อนของกินรีที่กำลังนั่งรอยู่ ทั้งสามคนรีบเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่แล้วสองคน
"อยู่ไหนนะสองคนนี้ ไหนบอกว่าอยู่ใกล้ๆทางเข้า แต่นี้ไม่เห็นมีเลย" แก้วเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยแล้วมองไปรอบๆร้าน แต่หาเพื่อนไม่เจอเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่ากึกของเธอขึ้นมาเพื่อโทรหา 'เพชร' อนาคตเจ้าสาวในไม่กี่วันข้างหน้า "ฮัลโหล ยัยเพชรนี้แกนั่งอยู่ตรงไหน ทำไม่ฉันไม่เห็นแก"
"ยัยแก้วฉันอยู่มุมของร้านทางด้านขวานะ แกเดินเข้ามาเลย" เพชรบอกเพื่อนผ่านสายโทรศัพท์พรางชะเง้อหาผู้ที่กำลังคุยสายด้วย แก้วมองไปรอบๆร้านจนเจอเพชรที่นั่งอยู่กับ 'โรส' เพื่อนอีกคนที่มาถึงก่อนหน้าไม่กี่นาที แล้วเดินตรงเข้าไปทันที
"ฉันเห็นแกแล้วยัยเพชร แค่นี้นะ ตังฉันจะหมด" แก้วกดวางสายแล้วคว้าเอาแขนรุ้ง "ฉันเห็นพวกนั้น ตามมา" แก้วเดินนำหน้าเพื่อนตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีสองสาวกำลังรออยู่
"อยู่นี้เอง ฉันมองหาตั้งนาน" แก้วตะคอกเสียงใส่เพชรพรางหน้าหงุดหงิดใส่
"หานานอะไร แป๊บเดียวเอง พวกแกไม่ต้องไปเชื่อยัยแก้วนะ" รุ้งกล่าวออกไปทำให้แก้วถึงกับควันออกหู
"ก็แกไม่ได้เป็นคนหานิ แล้วนี้ได้เบอร์ผู้ชายมากี่คนล่ะจ้ะ เห็นเงียบๆอยู่กับยัยรินสองคน" เพื่อนๆในวงโต๊ะอาหารต่างพากันขำ แต่แล้วโรสก็สังเกตเห็นว่ารินไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะอาหารด้วย
"อ้าว! แล้วนี้ยัยรินไม่มาด้วยหรอ" โรสถามด้วยความสงสัย
"โอ้ย ถ้าไม่มากับยัยรินแล้วพวกฉันจะมากับใครล่ะ" รุ้งพูดพลางคนน้ำในแก้วของตนเอง
"อยู่นั้นไง เดี่ยวฉันไปตามให้เอง" แก้วลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหากินรีที่ยืนอยู่หน้าร้าน
"ยัยริน แกมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ตามฉันเข้าไป" แก้วมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย แต่ไม่รอคำตอบ แกวจับแขนของกินรีแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่
"ฉันพายัยบ๊องมาแล้ว" แก้วเอ่ยขึ้น
"รินแกเป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าซีดๆ" โรสไถ่ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วก็สังเกตเห็นคราบน้ำตาของกินรี "รินแกร้องไห้ทำไม แกเป็นอะไร บอกพวกฉันมาเลยนะ" รุ้งเค้นเอาคำตอบจากกินรีที่ในขณะนี้ตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก
"ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่ฝุ่นเข้าตานะ" กินรีบ่ายเบี่ยงคำตอบไปเป็นฝุ่นเข้าตาแทนการพูดความจริง ความจริงที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง
แน่นอนไม่พ้นเรื่องราวความหลังของเธอกับชาติชาย เพราะชายหนุ่มของเธอแต่งานที่ร้านแห่งนี้ แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เรื่อง เธอต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในห่วงสึกสุดของหัวใจ เพราะเธอไม่อยากทำลายบรรยากาศของงานเลี้ยงส่งท้ายเพื่อนที่กำลังจะแต่งงาน ถึงเธอจะเจ็บปานตายเธอก็ต้องทำ!!!
เวลาล่วงผ่านไปกว่าสองชั่วโมง บรรยากาศภายในร้านยังคงสนุกสนานครึกครื้น เหล่าบรรดาผีเสื้อราตรียังคงวาดลวดลายในการเต้นได้อย่างสวยงาม เพชรต้องขอตัวกลับบ้านก่อนเพื่อไปเตรียมงานเพิ่มเติม และเหลือแต่ กินรี แก้ว รุ้งและโรส ทียังคงสนุกสนานอยู่ภายในร้าน ทุกคนยังคงมีสติดีเพียงแต่กินรีที่ดื่มหนักเกินไปจนทำให้เมาหนัก แต่แล้วก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาในกลุ่ม ทุกคนจำได้ว่าเค้าคือกรวิชญ์
"อ้าวกร มาได้ไงเนี่ย" รุ้งเอ่ยขึ้นทำให้เพื่อนทุกคนหันหน้ามาทางหัวโต๊ะที่กรวิชญ์กำลังยืนอยู่ กินรีมองหน้าชายหนุ่มแต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าคือใครเพราะเธอเมาจนขาดสติอย่างมาก
"คือฉันมากับเพื่อนนะ แล้วพวกเธอล่ะมาเลี้ยงฉลองอะไรกัน" กรวิชญ์ถามกลับ
"ยัยเพชรจะแต่งานน่ะ ก็เลยมาเลี้ยงฉลองสละโสดซะหน่อย แต่เจ้าตัวเค้าก็กลับไปแล้วล่ะ เห็นบอกว่าต้องไปเตรียมงานเพิ่มเติม" รุ้งอธิบายยาวเหยีด กรวิชญ์ไม่ได้สนใจในคำพูดของรุ้งตั้งแต่เห็นกินรีกำลังเมาไม่ได้สติ แผนการชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในสมองของชายหนุ่มอีกครั้ง
"อ้อ แล้วนี้พวกเธอจะกลับตอนไหนล่ะ" กรวิชญ์ตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง
"ก็ว่าจะกลับนี้แหละ แต่ดูสภาพคนขับรถสิ เมาได้เรื่องเลย" โรสตอบ เข้าทางหนุ่มเจ้าเล่ห์ กรวิชญ์เสนอตัวที่จะไปส่ง และก็ได้ผล ทุกคนตอบตกลงเพราะถ้าหากจะกลับไปพร้อมกินรีก็คงไม่โอกาสที่จะได้เห็นเพื่อนแต่งงาน
"ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่งมั้ย" กรวิชญ์ยื่นข้อเสนอ
"ก็ดี ถ้าจะให้ฉันกลับกับยัยรินคงอดเป็นเพื่อนเจ้าสาว" แก้วออกตัวแรงไว้ก่อนเพราะห่วงความปลอดภัยของตนเอง "แล้วพวกแกล่ะ ว่าไง จะไปกับไอ้กรมันรึเปล่า"
"แล้วยัยรินจะกลับยังไงล่ะ รถอีก ฉันไม่อยากทิ้งเพื่อนน่ะแก" โรสพูดขึ้นเรพาะความเป็นห่วงเพื่อน
"เรื่องรินไม่ต้องเป็นห่วง เดี่ยวฉันพากลับด้วย ส่วนเรื่องรถไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสนิดกับเจ้าของร้านเดี่ยวฝากเค้าไว้ก่อนก็ได้" คำพูดของกรวิชญ์ทำให้โรสหายห่วงไปได้มาก
เมื่อตกลงกันเรีบยร้อยแล้วกรวิชญ์ก็ขอตัวออกไปหาทางเจ้าของร้านเรื่องรถของกินรีและที่สำคัญกว่านั้น เค้าออกไปคุยกับแพนเค้กเพื่อไม่ให้ไปขัดจังหวะความสุขของเค้ากับกินรี
"แพนเค้กวันนี้คุณไปนอนบ้านเพื่อนก่อนนะ" กรวิชญ์พูดขึ้นมากระทันหันทำให้แพนเค้กตกใจไม่น้อย
"ทำไมล่ะ"แพนเค้กถาม
"ก็วันนี้จะเป็นวันที่เราจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากได้ไงล่ะ" กรวิชญ์พูดอย่างมีลับลมคมใน ทำให้แพนเค้กสงสัยขึ้นมาทันที่
"คุณหมายความว่ายังไง" สิ้นเสียงของแพนเค้ก เสียงของแก้วก็ดังขึ้นทั้งสองหันไปมอง แก้วเรียกให้กรวิชญ์ไปช่วยพยุงกินรีไปออกไปจากร้าน
แพนเค้กเห็นหน้าของกินรีก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดและตอบรับชายหนุ่มอย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่กรวิชญ์จะไปหาแก้วแพนเค้กก็คว้ามือของชายหนุ่มเอาไว้ แล้วกระซิบข้างหู
"ขอให้สนุกและมีความสุขมากๆนะคืนนี้" เป็นคำอวยพรที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยที่จะเข้าหูเท่าไหร่สำหรับหลายคนแต่สำหรับกรวิชญ์แล้วเค้าต้องการมันมากในเวลานี้