กระดังงาลนไฟ
ถึงเธอจะผ่านผู้ชายร้อยคน แต่ฉันจะทนรักษาหัวใจเธอ
บทที่2 ขยัยขยาย...สายสัมพันธ์
เสียงโทรศัพท์มือถือของกินรีดังขึ้นภายในห้องทำงานส่วนตัวบนตึกสูงหลายสิบชั้น ระดับประธานบริษัทอย่างเธอคงไม่ต้องบรรยายถึงความหรูหรา
อลังการต่างๆโดยเฉพาะในขณะที่ชาติชายยังมีชีวิตอยู่ เธอทำทุกอย่างให้ดูดีมีระดับเพื่อให้แฟนหนุ่มและตนเองมีความสุข ทั้งข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ตก
แต่ห้องต่างๆ เธอก็สรรหามาประดับตกแต่ไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อไม่มีชาติชายอยู่ด้วยแล้วเธอก็กลับกลายไปเป็นยายแก่หัวฟูไปในพริบตา เพราะในตอนที่
เธอรู้ว่าชาติชายถูกรถชน เธอก็กลายเป็นเหมือนคนเสียสติ คิดจะทำรายตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเธอคิดได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับกลายไปเป็นสภาพเดิม
ทั้งเรื่องกิจการจิวเวลรี่ที่มียอดขายสูงที่สุดในแถบเอเชีย และเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเอง
กินรีตื้นขึ้นมาจากฝันเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่พักใหญ่ เธอยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาแล้วดูเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ
แต่เธอกลับไม่คุ้นเบอร์นั้น กินรีชั่งใจอยู่นานที่จะกดรับสายเพราะมีข่าวออกมาบ่อยๆว่ามีพวก sex phone หรือ คุยเรื่องเซ็กส์กันผ่านทางโทรศัพท์ ชอบโทร
เข้ามาก่อความวุ่นวาย แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะเป็นลูกค้าของทางบริษัทและถ้าหาเธอไม่รับสายก็อาจจะเป็นการเสียลูกค้าไปโดยปริยาย กินรีจึงดัดสินใจ
กดรับสายไปในที่สุดและเสียงที่เธอได้ยินนั้นก็ทำให้เธอตกใจไม่น้อย
"ฮัลโหล สวัสดีริน เป็นยังไงบ้าง ทำงานเหนื่อยมั้ย" เสียงของกรวิชญ์ดังผ่านทางโทรศัพท์มาทักทาย พร้อมกับถามถึงเรื่องของการทำงาน
"อ้าวกรเองหรอ ขอโทษที่นะที่รับสายช้า บังเอิญผลอนอนหลับไปนะ" กินรีกล่าวขอโทษเรพาบอกเหตุผลที่รับสายช้า "มีอะไรรึเปล่ากรถึงได้โทรมา?"
"ฉันโทรมาถามเฉยๆนะว่าเป็นอะไรยังไงบ้าง เอ่อแล้วรินทานข้าวมารึยังคือฉันกำลังจะออกไปทานข้าวพอดี" กรวิชญ์เอ่ยชวนกินรีทานข้าว
"ยังเลย แต่ไม่รบกวนดีกว่า เกรงในนะ" กินรีตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล แต่ก็ปฏิเสธเพราะเกรงใจ จึงเข้าทางกรวิชญ์ที่จะทำคะแนน
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก ดีเสียอีกมีเพื่อนทานข้าว นานๆที่จะได้เจอกัน"
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้" หญิงสาวตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก ถึงแม้ในใจไม่อยากจะไปทานข้าวกับกรวิชญ์สักเท่าไหร่
"เย้! ถ้าอย่างนั้นเดี่ยวฉันจะรีบออกไปรับเดี่ยวนี้เลยนะ" กรวิชญ์ดีใจออกนอกหน้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะเค้าเป็นคนที่ สุขุม ไม่ค่อยชอบพูดจากับใครสักเท่าไหร่ นอกเสียจากสถานการญ์จะบีบบังคับจริงๆ
"จ้า เดี่ยวถ้ามาถึงแล้วก็โทรมาหาฉันเลยนะ"
"ได้เลยขอรับ เจ้าหญิง"
<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>
กรวิชญ์สังเกตเห็นสีหน้าของกินรีดูท่าทางไม่ค่อยมีความสุขในการทานข้าวในมื้อนี้สักเท่าไหร่ ก็แหงล่ะสามีของเธอพึ่งตายไปยังไม่ถึงหกเดือนแล้วยังมีหน้ามาทานข้าวกับผู้ชายคนอื่นอีก ถึงเธอจะปฏิเสธว่ากรวิชญ์เป็นเพื่อนของเธอก็คงไม่มีใครเชื่อเธอหรอก แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่กินรีกังวลเลยแต่เธอกำลังคิด ว่าถ้าหากกรวิชย์เอยสารภาพรักกับเธอตรงนี้เธอจะทำเช่นไร แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผู้คนต้องครหานินทาและตราหน้าว่าเธอเป็นผู้หญิงหลายผัว!
"รินเป็นอะไรรึเปล่า ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย อาหารไม่อร่อยหรอ หรือว่ายังไง" ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงเอ่ยปากถามหญิงสาวออกไป
"เปล่าหรอกกร ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายนะ" กินรีตอบปฏิเสธไป แต่ทว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้นมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เธอแค่รู้สึกอึดอัดที่ต้องมานั่ง
อยู่กับผู้ชายที่กำลังแอบชอบเธออยู่และมีสายตาหลายคู่ที่มองมายังเธอกับกรวิชญ์มีทั้งแบบที่เป็นมิตรและรู้สึกสมเพศ "ฉันขอตัวกลับก่อนนะ" ไม่พูดเปล่า
กินรีรีบลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วขว้าเอากระของตอนเอง วิ่งออกไปจากร้านและรีบขึ้นแท็กซี่
"เดี่ยวก่อนสิริน ริน โถ่โว้ยเกือบดีอยู่แล้วเชียว" ชายหนุ่มส่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ "รู้จักฉันน้อยไปแล้วริน ยังไงเธอก็ต้องเป็นของฉัน"
แผนการชั่วร้ายผุดขึ้นมาในสมองอันชานฉลาดของกรวิชญ์และแน่นอนที่กินรีจะอยู่ไม่เป็นสุขอีกต่อไป
<<<<<<<<<<>>>>>>>>>
"แผนการของคุณไปถึงไหนแล้วละ" เสียงของผู้หญิงดังขึ้นภายในห้องของกรวิชญ์ เธอคือ 'แพนเค้ก' แฟนสาวของกรวิชญ์ ด้วยความที่เธอจบจาก
เมืองนอกมาเรื่องของความรักจึงไม่ใช่สิ่งที่เธอยึดติดอะไรมาก
"ก็ดี แต่ก็มีปัญหาอยู่บ้าง"
"ยังไงละ"
"ก็ยัยรินยังไม่ลืมไอ้ชาติ ผมก็เลยต้องพยายามตามตื้อเค้าทุกวินาที"
"คุณจะไปคิดอะไรมากมาย คุณก็จับมันข่มขืนเลยสิเรื่องมันจะได้ง่ายขึ้น แล้วคุณก็แต่งงานกับมัน ต่อมาก็หย่าขาดแล้วก็เอาสมบัติมาให้มากที่สุด
และเราก็จะได้สบาย แค่นี้คุณคิดไม่ได้อีกหรอ" แพนเค้กตะคอกเสียงใส่กรวิชญ์ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกลัวหรือตกใจแม้แต่น้อย
"เรื่องนั้นผมคิดได้ตั้งนานแล้วแหละ แต่ยังไม่มีโอกาส กะว่าจะหาจังหวะเหมาะแล้วค่อยตะครุบเหยื่อเอาครั้งเดี่ยวเลย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าให้มันนานมากนักละ ฉันขี้เกีจยรออีกต่อไปแล้ว และหนี้เยอะจนมันจะกองท่วมหัวฉันอยู่แล้ว"
"ผมสัญญานะจ๊ะที่รัก ว่าผมทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด เพื่อวันข้างหน้าของเรา" กรวิชญ์หัวเราะในใจอย่างคนเสียสติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าทำไป ก็เพื่อวัน
ข้างหน้าของตนเอง ไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งนั้น!
......................................................
กระดังงาลนไฟ บทที่2 ขยัยขยาย...สายสัมพันธ์
เสียงโทรศัพท์มือถือของกินรีดังขึ้นภายในห้องทำงานส่วนตัวบนตึกสูงหลายสิบชั้น ระดับประธานบริษัทอย่างเธอคงไม่ต้องบรรยายถึงความหรูหรา
อลังการต่างๆโดยเฉพาะในขณะที่ชาติชายยังมีชีวิตอยู่ เธอทำทุกอย่างให้ดูดีมีระดับเพื่อให้แฟนหนุ่มและตนเองมีความสุข ทั้งข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ตก
แต่ห้องต่างๆ เธอก็สรรหามาประดับตกแต่ไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อไม่มีชาติชายอยู่ด้วยแล้วเธอก็กลับกลายไปเป็นยายแก่หัวฟูไปในพริบตา เพราะในตอนที่
เธอรู้ว่าชาติชายถูกรถชน เธอก็กลายเป็นเหมือนคนเสียสติ คิดจะทำรายตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเธอคิดได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับกลายไปเป็นสภาพเดิม
ทั้งเรื่องกิจการจิวเวลรี่ที่มียอดขายสูงที่สุดในแถบเอเชีย และเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเอง
กินรีตื้นขึ้นมาจากฝันเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่พักใหญ่ เธอยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาแล้วดูเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ
แต่เธอกลับไม่คุ้นเบอร์นั้น กินรีชั่งใจอยู่นานที่จะกดรับสายเพราะมีข่าวออกมาบ่อยๆว่ามีพวก sex phone หรือ คุยเรื่องเซ็กส์กันผ่านทางโทรศัพท์ ชอบโทร
เข้ามาก่อความวุ่นวาย แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะเป็นลูกค้าของทางบริษัทและถ้าหาเธอไม่รับสายก็อาจจะเป็นการเสียลูกค้าไปโดยปริยาย กินรีจึงดัดสินใจ
กดรับสายไปในที่สุดและเสียงที่เธอได้ยินนั้นก็ทำให้เธอตกใจไม่น้อย
"ฮัลโหล สวัสดีริน เป็นยังไงบ้าง ทำงานเหนื่อยมั้ย" เสียงของกรวิชญ์ดังผ่านทางโทรศัพท์มาทักทาย พร้อมกับถามถึงเรื่องของการทำงาน
"อ้าวกรเองหรอ ขอโทษที่นะที่รับสายช้า บังเอิญผลอนอนหลับไปนะ" กินรีกล่าวขอโทษเรพาบอกเหตุผลที่รับสายช้า "มีอะไรรึเปล่ากรถึงได้โทรมา?"
"ฉันโทรมาถามเฉยๆนะว่าเป็นอะไรยังไงบ้าง เอ่อแล้วรินทานข้าวมารึยังคือฉันกำลังจะออกไปทานข้าวพอดี" กรวิชญ์เอ่ยชวนกินรีทานข้าว
"ยังเลย แต่ไม่รบกวนดีกว่า เกรงในนะ" กินรีตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล แต่ก็ปฏิเสธเพราะเกรงใจ จึงเข้าทางกรวิชญ์ที่จะทำคะแนน
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก ดีเสียอีกมีเพื่อนทานข้าว นานๆที่จะได้เจอกัน"
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้" หญิงสาวตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก ถึงแม้ในใจไม่อยากจะไปทานข้าวกับกรวิชญ์สักเท่าไหร่
"เย้! ถ้าอย่างนั้นเดี่ยวฉันจะรีบออกไปรับเดี่ยวนี้เลยนะ" กรวิชญ์ดีใจออกนอกหน้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะเค้าเป็นคนที่ สุขุม ไม่ค่อยชอบพูดจากับใครสักเท่าไหร่ นอกเสียจากสถานการญ์จะบีบบังคับจริงๆ
"จ้า เดี่ยวถ้ามาถึงแล้วก็โทรมาหาฉันเลยนะ"
"ได้เลยขอรับ เจ้าหญิง"
กรวิชญ์สังเกตเห็นสีหน้าของกินรีดูท่าทางไม่ค่อยมีความสุขในการทานข้าวในมื้อนี้สักเท่าไหร่ ก็แหงล่ะสามีของเธอพึ่งตายไปยังไม่ถึงหกเดือนแล้วยังมีหน้ามาทานข้าวกับผู้ชายคนอื่นอีก ถึงเธอจะปฏิเสธว่ากรวิชญ์เป็นเพื่อนของเธอก็คงไม่มีใครเชื่อเธอหรอก แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่กินรีกังวลเลยแต่เธอกำลังคิด ว่าถ้าหากกรวิชย์เอยสารภาพรักกับเธอตรงนี้เธอจะทำเช่นไร แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผู้คนต้องครหานินทาและตราหน้าว่าเธอเป็นผู้หญิงหลายผัว!
"รินเป็นอะไรรึเปล่า ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย อาหารไม่อร่อยหรอ หรือว่ายังไง" ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงเอ่ยปากถามหญิงสาวออกไป
"เปล่าหรอกกร ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายนะ" กินรีตอบปฏิเสธไป แต่ทว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้นมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เธอแค่รู้สึกอึดอัดที่ต้องมานั่ง
อยู่กับผู้ชายที่กำลังแอบชอบเธออยู่และมีสายตาหลายคู่ที่มองมายังเธอกับกรวิชญ์มีทั้งแบบที่เป็นมิตรและรู้สึกสมเพศ "ฉันขอตัวกลับก่อนนะ" ไม่พูดเปล่า
กินรีรีบลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วขว้าเอากระของตอนเอง วิ่งออกไปจากร้านและรีบขึ้นแท็กซี่
"เดี่ยวก่อนสิริน ริน โถ่โว้ยเกือบดีอยู่แล้วเชียว" ชายหนุ่มส่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ "รู้จักฉันน้อยไปแล้วริน ยังไงเธอก็ต้องเป็นของฉัน"
แผนการชั่วร้ายผุดขึ้นมาในสมองอันชานฉลาดของกรวิชญ์และแน่นอนที่กินรีจะอยู่ไม่เป็นสุขอีกต่อไป
"แผนการของคุณไปถึงไหนแล้วละ" เสียงของผู้หญิงดังขึ้นภายในห้องของกรวิชญ์ เธอคือ 'แพนเค้ก' แฟนสาวของกรวิชญ์ ด้วยความที่เธอจบจาก
เมืองนอกมาเรื่องของความรักจึงไม่ใช่สิ่งที่เธอยึดติดอะไรมาก
"ก็ดี แต่ก็มีปัญหาอยู่บ้าง"
"ยังไงละ"
"ก็ยัยรินยังไม่ลืมไอ้ชาติ ผมก็เลยต้องพยายามตามตื้อเค้าทุกวินาที"
"คุณจะไปคิดอะไรมากมาย คุณก็จับมันข่มขืนเลยสิเรื่องมันจะได้ง่ายขึ้น แล้วคุณก็แต่งงานกับมัน ต่อมาก็หย่าขาดแล้วก็เอาสมบัติมาให้มากที่สุด
และเราก็จะได้สบาย แค่นี้คุณคิดไม่ได้อีกหรอ" แพนเค้กตะคอกเสียงใส่กรวิชญ์ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกลัวหรือตกใจแม้แต่น้อย
"เรื่องนั้นผมคิดได้ตั้งนานแล้วแหละ แต่ยังไม่มีโอกาส กะว่าจะหาจังหวะเหมาะแล้วค่อยตะครุบเหยื่อเอาครั้งเดี่ยวเลย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าให้มันนานมากนักละ ฉันขี้เกีจยรออีกต่อไปแล้ว และหนี้เยอะจนมันจะกองท่วมหัวฉันอยู่แล้ว"
"ผมสัญญานะจ๊ะที่รัก ว่าผมทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด เพื่อวันข้างหน้าของเรา" กรวิชญ์หัวเราะในใจอย่างคนเสียสติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าทำไป ก็เพื่อวัน
ข้างหน้าของตนเอง ไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งนั้น!