คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ก่อนอื่นต้องเรียน จขกท.ก่อนว่า อันตรายที่เกิดจากคลื่นมือถือที่แชร์ ๆ กันมานั้น ไม่จริง นะครับ
แต่การจะอธิบายหักล้างว่ามันปลอดภัยอย่างไรนั้น ผมว่ามันเหนื่อยมากทีเดียว เพราะบทความที่ผู้แชร์ยกมาอ้าง
มันเยอะเหลือเกิน เยอะเสียจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็ให้ จขกท.รับทราบใว้แล้วกันว่า คลื่นจากมือถือนั้นไม่อันตรายร้ายแรง
แบบที่แชร์กันใน social network เลยสักนิด ,,เรื่องนี้คล้ายกับประเด็นปรุงอาหารในเตาไมโครเวฟ
แล้วมันจะมีรังสีตกค้างนั่นแหละ มันก็ไม่จริง แต่กลับมีบทความอ้างอิงเรื่องนี้เยอะไปหมด
เยอะกว่าบทความยืนยันความปลอดภัยของอุปกรณ์เหล่านี้เสียอีกครับ จขกท.
แต่การจะอธิบายหักล้างว่ามันปลอดภัยอย่างไรนั้น ผมว่ามันเหนื่อยมากทีเดียว เพราะบทความที่ผู้แชร์ยกมาอ้าง
มันเยอะเหลือเกิน เยอะเสียจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็ให้ จขกท.รับทราบใว้แล้วกันว่า คลื่นจากมือถือนั้นไม่อันตรายร้ายแรง
แบบที่แชร์กันใน social network เลยสักนิด ,,เรื่องนี้คล้ายกับประเด็นปรุงอาหารในเตาไมโครเวฟ
แล้วมันจะมีรังสีตกค้างนั่นแหละ มันก็ไม่จริง แต่กลับมีบทความอ้างอิงเรื่องนี้เยอะไปหมด
เยอะกว่าบทความยืนยันความปลอดภัยของอุปกรณ์เหล่านี้เสียอีกครับ จขกท.
แสดงความคิดเห็น
อันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ จริงหรือเปล่าคะ
มีรายงานผลทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยออกมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือสามารถ แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาได้ และเป็นรังสีชนิดเดียวกับเตาไมโครเวฟ ซึ่งเป็นคลื่นความร้อนทำลายเซลล์ดีหลายชนิดเพียงแต่มีปริมาณ รังสีที่น้อยกว่าเตาไมโครเวฟเท่านั้นผลจากการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่ารังสีไมโครเวฟ สามารถทำลายเซลล์ประสาทและเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์มารดา ทำให้เป็น “โรคต้อกระจก” เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ของโลหิตและยังเป็นสาเหตุของความอ่อนแอในระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
หน่วยงานวิจัยเทคโนโลยีของโทรศัพท์ไร้สาย หรือ “WTR” (Wireless Technology Research) ได้ทำการศึกษาผลข้างเคียงจากการใช้โทรศัพท์ มือถือเป็นเวลา 7 ปี ก่อนจะมีรายงานสรุปผลออกมาสู่สาธารณชนว่ารังสีไมโครเวฟที่แพร่ออกมาจากเครื่องโทรศัพท์ มือถือนั้นมีฤทธิ์ ทำลายสารพันธุกรรมในเม็ดเลือด แต่สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ระดับความถี่ของรังสีไมโครเวฟ แต่เป็นช่วงระยะเวลาของการใช้งานดังนั้นผู้ที่ ใช้โทรศัพท์มือถือคุยต่อเนื่องกันนานๆ มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะเป็น “โรคเนื้องอกในสมอง” ชนิดหนึ่งซึ่ง เรียกกัน ทางการแพทย์ว่า “Neuroepithelial Tumors” และดร.เล็นนาร์ท ฮาร์เดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งจากสวีเดน กล่าวว่ามีข้อบ่งชี้ทางชีววิทยา ว่ารังสีไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือมีความเสี่ยงต่อการเกิด เนื้องอกในสมองสูงถึง 2.5 เท่า
และในเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี จะดูดซับรังสี ไมโครเวฟในอัตราที่สูงกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า
..............................................................................
เอามาจาก Facebook ค่ะ