คนดี"" ทำ 5 อะไรมันก้อดีไปหมดจริงๆเช่นแบบนี้

กระทู้สนทนา
ยกฟ้อง!ศาลรธน.ไม่ผิดขึ้นเงินเดือนตัวเอง
ยกฟ้อง 'กระมล ทองธรรมชาติ - 12 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ' ไม่ผิดออกระเบียบขึ้นเงินเดือนตัวเองปี 47 ชี้พฤติการณ์ขาดเจตนาทำให้เสียหาย ภายหลังได้ถอนระเบียบ - คืนเงิน

                          27 มี.ค. 57  เมื่อเวลา 10.00 น.  ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.5099/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ , นายจิระ บุญพจนสุนทร , นายจุมพล ณ สงขลา , นายผัน จันทรปาน , นายมงคล สระฏัน , นายมานิตย์ วิทยาเต็ม , นายศักดิ์ เตชาชาญ , นายสุจิต บุญบงการ , นายสุธี สุทธิสมบูรณ์ , พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช , นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ , นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ และนายอุระ หวังอ้อมกลาง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

                          ตามคำฟ้องอัยการ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2554 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 22 มิ.ย. - 30 ก.ย. 2547 จำเลยที่ 1-13 และนายปรีชา เฉลิมวณิชย์ (เสียชีวิตแล้ว) ซึ่งทั้งหมดเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ร่วมกันให้ความเห็นชอบร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการ อนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคล หรือคณะบุคคล พ.ศ. 2547 และมีมติให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญปรับปรุงค่าสมนาคุณในลักษณะเหมาจ่ายรายเดือนของประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาได้มีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนประจำเดือน ก.ค. - ก.ย. 2547 ให้แก่พวกจำเลย และนายปรีชา เฉลิมวณิชย์ คนละ 60,000 บาท ซึ่งเป็นการออกระเบียบจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ตนเอง อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

                          ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า พวกจำเลยมีอำนาจออกระเบียบเพื่อขึ้นค่าตอบแทนหรือไม่ เห็นว่า การออกระเบียบขึ้นค่าตอบแทนนั้นพวกจำเลยไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการ หากจะมีการพิจารณาขึ้นค่าตอบแทนและเงินเดือนจะต้องพิจารณาออกเป็นพระราชบัญญัติ แต่การออกระเบียบจ่ายค่าตอบแทนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นการตีความเรื่องบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งตุลาการไม่ทราบมาก่อนว่าไม่สามารถออกระเบียบดังกล่าวได้ ขณะที่ก่อนที่จะพิจารณาออกระเบียบขึ้นเงินเดือน พวกจำเลยได้มีการประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการที่มีตัวแทนจากสำนักงานงบประมาณและกรมบัญชีกลาง ซึ่งไม่ปรากฏว่าระหว่างการประชุมนั้น ผู้แทนสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางดังกล่าวได้โต้แย้งหรือคัดค้านว่า ศาลรัฐธรรมนูญและพวกจำเลยไม่มีสิทธิ์ที่จะออกระเบียบ อีกทั้งเมื่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการออกระเบียบขึ้นค่าตอบแทนแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ยกเลิกการออกระเบียบดังกล่าว นอกจากนี้ ที่ประชุมใหญ่ตุลาการก็มีมติให้คืนเงินค่าตอบแทน และจำเลยได้คืนเงินค่าตอบแทนแล้ว พฤติการณ์แห่งคดีจึงยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 13 ไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิด ที่จะทำให้เกิดความเสียหาย จึงพิพากษายกฟ้อง

                          ภายหลังฟังคำพิพากษา นายกระมล อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ผ่านมายืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่อัยการยื่นฟ้องเรื่องนี้ก็ถือเป็นการทำหน้าที่ตนไม่ได้ติดใจอะไร และจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ก็เป็นหน้าที่ของอัยการพิจารณา

                          ด้านนายอำนาจ ศักดิ์ชัชวาล ทนายความนายกระมล จำเลยที่ 1 กล่าวว่า อัยการจะอุทธรณ์หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่คำพิพากษาของศาลในประเด็นสำคัญได้ชี้ชัดแล้วว่าเราไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิด

                          ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้กลุ่มจำเลยที่อยู่วัยเกษียณอายุกว่า 70 ปี เดินทางมาศาลพร้อมญาติซึ่งมาให้กำลังใจ ซึ่งวันนี้นายกระมล และนายอุระ หวังอ้อมกลาง ได้นั่งรถเข็นขึ้นไปยังห้องพิจารณา เนื่องจากมีอายุมาก โดยภายหลังฟังคำพิพากษา จำเลยทุกคนยิ้มแย้มและได้จับมือแสดงความยินดีต่อกันก่อนจะเดินทางกลับ

ที่มา....[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่