บันทึกถึงเมือง ปาย ตอนที่ 3

บันทึกถึงเหมืองปาย ตอนที่ 1 ---->http://ppantip.com/topic/31764877
บันทึกถึงเหมืองปาย ตอนที่ 2 ---->http://ppantip.com/topic/31769220



ภาพจริงจาก ปาย ลานนา


    พระอาทิตย์ดวงโตหลบเข้าแนวถูเขาไปแล้ว ตอนที่เราโดดขึ้นมาบน สกูปี้ไอสีแดง คันเก่ง  แต่ยังพอเห็นแสงสีเหลืองนวลๆ ของรัศมีที่ยังไม่ลับลงไปในหุบเขาด้วย  เหมือนพระอาทิตย์โบกมือ บ๊ายบายเรานั่นแหละ

  ปาย  ยามเย็น อากาศหนาวเชียว จำได้ว่าแค่ตอน 6 โมงเย็น ลมที่พัดผ่านระเบียงหน้าบ้านก็เย็นจัดแล้ว  เมื่อส่งสัญญาณเตือน กันขนาดนี้ เราเลยสวมชุดออกรบกับอากาศหนาวกันเต็มอัตราศึก

  ผมขับมอเตอร์ไซต์ ออกจากซอย ผ่านบาร์เหล้า ที่ตอนนี้คุณเจ้าของกำลัง เปิดไฟ จัดร้าน อย่างแข็งขัน  ที่เชิงสะพานปูนก่อนเข้าตลาด คุณตำรวจก็ออกมากั้นรถ ไม่ให้เข้าไปทาง ถนนคนเดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  แต่นี่แหละก็ทำให้ การจราจร บริเวณรอบนอกของ ตัวเมืองปาย ติดขัดเอาเรื่องทีเดียว




  คราวนี้เราไม่ได้เลี้ยวขวาที่เชิงสะพานเพื่อกลับไปที่ท่ารถเหมือนอย่างเคย  แต่ตรงไปอีก 2 ซอย แล้วจึงเลี้ยวรถ เข้าไปจอดตรงซอยข้างธนาคารออมสินแล้วลงไปสำรวจ ถนนคนเดินกัน

" กินไรดี "  ผมถามนุ้ย ตอนนี้ความหิวในท้องเหมือนเด็กงอแง ดิ้นพราดๆ

" เดินดูกัน มีไรกินบ๊าง " นุ้ยตอบ



   บรรยากาศของถนนคนเดินเมืองปาย  แสงสีเหลืองนวล จากร้านรวงต่างๆ ที่เมื่อตอนกลางวันปิด !!  แต่ตอนนี้พร้อมใจกันเปิดหมดทุกร้าน ส่วนร้านไหนที่เปิดกลางวัน ตอนนี้ก็จะปิด แล้วมีแผงเร่มาตั้ง
ด้านหน้าแทน อาหารสารพัดชนิด ที่จะนึกออก และนึกไม่ออกว่ามันคืออะไรก็ยังมี..  เสื้อผ้า ถุงมือ  ตุ๊กตาของฝาก  ของที่ระลึก ร้านเสื้อกันหนาว แผงเร่ ที่จัดวางผ้าไหมอย่างเป็นระเบียบ  คุณพี่จิตรกร ที่นั่งรับวาดภาพ ร้านเครื่องดื่ม เหล้าปั่นก็มี  บาร์เล้าจ์ ที่มีฝรั่งนั่งคุยกันเสียงโหวกแหวก  หรือจะเป็นร้านดนตรีซอฟๆ ที่พวกพี่ๆโพกหัวเค้านั่งชนแก้วกันก็มี


  ตอนนี้ ก็เริ่มมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ออกมาเดินตลาดกันแล้ว  มีทั้งฝรั่งหนุ่มตาน้ำขาวตัวสูงปรี๊ด หรือฝรั่งผิวดำล่ำบึ๊กกล้ามโต (ผิวขาวกล้ามโตก็มี) คนจีนที่ส่งสำเนียงเหมือนจะตีกันเอง เกาหลีก็ยังมีผมสัมผัสได้ น่ารักมากด้วย  คนแขกที่อาจจะเป็นคนท้องถิ่น หรือนักท่องเที่ยวก็ตาม  เดินโพกหัว จับกลุ่มพูดภาษาที่ผมไม่เข้าใจ  และนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่มักจะกดชัตเตอร์ทุก10วิ  บ้างมาเป็นคู่  บ้างก็มาเป็นกลุ่มเพื่อน บ้างก็มาเป็นครอบครัว




   เหล่านี้ทั้งหมด เกิดขึ้นในฉากหลัง ที่เป็นหุบเขาทอดยาวโอมล้อมเมืองเก่า  อาคารก่อสร้างที่เป็นไม้เกือบทั้งสิ้น สถาปัตยกรรมผสมผสานกัน ระหว่างความวินเทจ กับ ไทยล้านนา ผมเชื่อเลยว่า ภาพถ่ายเมืองปายที่ดีที่สุดในโลกสักใบ หรือต่อให้ 100 ใบ เลยก็ได้ ก็ไม่มีทางที่คุณจะรับรสของมนต์สเหน่ห์ของปาย ได้ดีเท่ามาสัมผัสด้วยตัวเอง  (หรือแม่แต่บทความนี้ ก็ให้ไม่ได้เช่นกัน)




" กินไร กินไร กินไร กินไร " นุ้ยบอกลอยๆ ในระหว่างที่สายตามองหาร้านอาหาร

" เอานี่มั้ยหละ  ^ ^ " ผมบอก ชี้ไปที่แผงเร่ ที่ป้ายเขียนว่า "ห่อหมกกบ"

" กินไปคนเดียวดิ " นุ้ยบอก ทำปากบู๋

" อะๆ แล้วจะกินอะไรหละเพคะ เจ้าหญิง " ผมพูด ก้มหัวให้ 1 ทีอย่างกวนๆ

" อะไรก็ด๊ายยยย !!! ~~ "  นุ้ยกวนกลับ จองตาผมแบ๋ว

" งั้นเอากบ ห่อนึงครับป้า " ผมหันหลังให้นุ้ยแล้วพูด  แต่มันไกลเกินป้าจะได้ยินแล้วแหละ

" เฮ้ยยยย.... "  นุ้ยทำเสียงอ่อน  แล้วเอื้อมมือมาจับแขนผม เดินไปต่อ



  เราเดินผ่านบาร์เหล้าที่มีนักดนตรีชาวต่างชาติบรรเลงเพลงที่ไม่คุ้นหู แต่ว่าเพราะดี เลี้ยวขวา 1 ที เพื่อเข้าซอยใหม่  อากาศหนาวเย็นค่อยๆคืบคลานเข้ามา ช้าๆ แต่ชัดเจน...

" นี่ไง "  นุ้ยชี้ไปข้างหน้า ขวามือ ซึ่งเมื่อกลางวันเป็นลานโล่ง แต่ตอนนี้ อุดมไปด้วยรถขายอาหารต่างๆ มีทั้งผัดไทย หอยทอด  ราดหน้า ผัดซีอิ๋ว ขนมจีน ข้าวซอย แกงกะหรี่ ข้าวราดแกง


รูปไม่เกี่ยวอีกแล้ว -*- แต่มันประมาณนี้แหละ


" อะหื้มมม " ผมพูด เพราะกลิ่นของอาหารต่างๆ มันวิ่งเข้ามาโปรโมทตัวเอง เหมือนรู้จุดอ่อนของผม

" กินไรหละคราวนี้ " นุ้ยที่ยังจับแขนผมอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองผม (ผมไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าเธอตัวเล็ก -*-)

" เอากบ.... อออะะะะ อะ อะ มีนกินผัดไทย "  ผมบอก แล้วเปลี่ยนคำทันที หลังจากที่เธอฟังแล้ว สะบัดแขนผมทิ้ง

" งั้นเค้ากินขนมจีน "  นุ้ยบอก อมยิ้ม

  เราเดินเข้าไปในจุดที่ตั้งโต๊ะเก้าอี้ เอาไว้ เป็นจุดนั่งทานรวมกัน ของฟู้ดคอร์ดโซนนี้ เอาสัมภาระวาง แล้วก็เดินแยกกันไปสั่งอาหาร

  " ผัดไทยพิเศษ นะครับป้า เอาเยอะๆเลย  ไม่ใส่กุ้งนะครับ " ผมบอกแม่ค้า ไอ้ที่ไม่กินกุ้งไม่ใช่ว่าแพ้นะแต่มาภูเขาไม่อยากกินกุ้ง "ผมอาร์ต"  หันไปมองนุ้ย ตอนนี้เธอยังไม่ได้สั่งขนมจีนเลยนิ  แต่เดิน แว็บไป แว็บมาแถวๆ ก๊วยเตี๊ยว กับ ข้าวราดแกง  คงจะไปเจออะไร ถูกใจเข้าหละมั่ง
ผมเลยเดินไปซื้อน้ำเปล่าเย็นๆ มา 1 ขวด แล้วก็ โออิชิข้าวญี่ปุ่น ของโปรดยัยตัวแสบ อีก 1 ขวด แล้วเดินไปเอาผัดไทย แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ ซึ่งตอนนี้ นุ้ยกลับมานั่งรอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

  " ไหนอะ ขนมจีน " ผมถามเธอ  เพราะบนโต๊ะมันคือ "คั่วกลิ้ง" ราดข้าว กับแกงจืดถ้วยเล็ก
สำหรับคนที่ไม่รู้จักคั่วกลิ้งนะครับ มันคือ อาหารใต้ ใช้เนื้อรวนให้เป็นก้อนเล็กๆ ใส่พริกแกงหลือง แล้วก็เครื่องเทศ ปรุงให้รสเผ็ด เผ็ด เผ็ด โครตเผ็ด

" ก็อันนี้น่ากิน ไม่เคยลองกินด้วย " นุ้ยบอก ยิ้มตุ๋ย  ผมคิดในใจ ยิ้มได้ไม่นานหรอก หึหึ

" มันเผ็ดนะ  เค้าไม่ได้บอกหรอ ? "  ผมถาม

" อยากลองงง  กินไม่ได้เดี๋ยวให้มีนกิน " นุ้ยบอก

" นั่นงะ  "  ผมตอบ  คิดในใจโดนแล้ววว  แล้วผมกินเผ็ด โครตไม่ได้อะ

" อร่อยดีออก เผ็ดนิดเดียวเองงง..."  เธอลองตักกินไปคำนึกแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูด    ผมคิดในใจ ไม่จริงหรอก คำแรกเนี่ยะจิ๊บๆ ลอง สัก 4 - 5 คำดิ

" จร้าาา อร่อยก็กินไป  เนี่ยะซื้อน้ำมาให้แล้ว " ผมบอกแล้ว เริ่มกินผัดไทยบ้าง  รีบกินดีกว่า ดูลาดเลาแล้ว โดนแย่งแน่นอน




" มีน...  แลกกัน "  นุ้ยพูด ตาแดงก่ำ  เหงื่อท่วม เต็มหน้า   เอาทิชชู่ซับอยู่

" เป็นไงหละจ๊ะะะะ  ไม่เผ็ดไม่ใช่อ่อ "  ผมกวนเธอเล่นๆ แต่เธอหมดฤธิ์เถียงแล้ว  ดูดน้ำอยู่

  สรุปเราก็แลกกัน ผมกินผัดไทยไปหน่อย พอรองท้อง ไม่ให้พริกปริมาณมหาศาลในคั่วกลิ้ง ลงไปทำพิษในท้องได้  ไม่งั้นคืนนี้ ไม่ได้นอนแน่ๆ   พอลองชิมคำแรกดู เท่านั้นแหละ.... โอยยยย เผ็ด  เผ็ด นรกเลย
คั่วกลิ้งที่ผมกิน ครั้งแรก และครั้งเดียวเลย คือที่มหาลัย อันนั้นผมก็ว่าเผ็ดแล้วนะ  เจอคั้วกลิ้งเมืองปาย  อว๊ากกกกกกกกกก   นี่มันรถบรรทุกพริก หกลงไปรึไงเนี่ยะ - -

" อื้มมม " ผมบอก

" รู้เรื่อง ! " นุ้ยยิ้ม เธอรู้ว่าผมไม่กินเผ็ด

" ปรกติคนเหนือ เค้าไม่กินอาหารรสจัดนะ  สงสัยป้าแกคนใต้ " ผมพูดแล้ว ก้มหน้ากินต่อ

  ผมก็กลั้นใจกินต่อนะครับ  หลังจาก ช้อนที่ 2 เคี้ยวไม่ได้แล้ว เน้นเข้าปากกลืนเอา ความหิวเอาชนะทุกสิ่ง  คำแรกๆเน้นกลืน"กับ"ลงไปเยอะๆ  เซฟข้าวเปล่าไว้ตบท้ายให้หายเผ็ด
  โอเคผ่านช่วงเวลาลำบากของชีวิตมาได้ เราก็ออกเดินกันต่อ  ตอนนี้สภาพผม หน้าแดง เหงื่อท่วม น้ำหูน้ำตาไหล เละเทะ - -
   ช่วงแรกที่เดินออกมา เรายังไม่รู้สึกหนาวกันเลย แต่พอเดินออกมาสักพัก เปปเดียวนะ  แค่หายเผ็ด
พอบาเรียคั่วกลิ้งหายไป   รู้สึกเหมือนห้องกระจกที่ก้นทะเล   ค่อยๆมี รูรั่ว  กระจกเริ่มร้าว น้ำเริ่มทะลักเข้ามา  ความหนาวก็ปะทะพวกเราเข้าอย่างจัง หนาวสุดใจเลยแหละ  ไม่รู้ว่าดีหรือร้ายที่หายเผ็ด แต่เราไม่ชินกับอากาศตอนนี้อย่างรุนแรง




" มีน ...หนาว ~ "  นุ้ยบอก ตอนนี้หน้าเธอเริ่มซีดอีกแล้ว

" ไปหาถุงมือ กับหมวกมั้ย " ผมบอกเธอ พอดีข้างหลังเป็นร้านขายอุปกรณ์กันหนาว

" เอาๆ " นุ้ยบอก

   นุ้ยเดินเข้าไปเลือก หมวกไหมพรม กับถุงมือแก้หนาว ในร้านอยู่นาน ผมสำรวจในร้านจนทั่วทุกมุมแล้วว่าไม่มีของที่ต้องการ  จึงเดินออกมารอหน้าร้าน  พอดีกับที่โทรศัพท์เข้า เวลาประจำ ที่ผมต้องโทรเธอช่วงเวลานี้ของทุกวัน




" เป็นไงบ้างมีน สนุกมั้ย "  คำแรกที่แอนถาม น้ำเสียงดูสดใส

" หนาวมากเลยคะ ที่นี่ " ผมบอก แปลกนะ ปรกติเธอไม่โทรมา แต่สองวันนี้เธอโทรมาก่อน

" หนาวหรอ  มากปะ~  หาคนกอดสักคนสิ "  แอนบอก น้ำเสียงกึ่งประชดหน่อย

" บ้าอ่อ  ใครจะไปทำแบบนั้น  มากับญาติๆเต็มไปหมด "  ผมบอก ติดหัวเราะหน่อยๆ

" แสดงว่าถ้าไม่ได้ไปกับญาติก็จะหาใช่มั้ย ? " แอนถามเสียงเด็ดขาด แบบหลอกๆ

" อยากให้แอนมาด้วยกันจัง " ผมพูดตามความรู้สึกในใจจริงๆ

" ก็ไม่ชวนเองอะ..   อื้ม  แต่ชวนแอนก็ไปไม่ได้หรอก  ตอนนี้แอนมาพัทยากับเพื่อน "  แอนบอก

   ก็นั่นสินะ ถึงชวนเธอก็ไม่มากับผมหรอก ความกดดันภายใน เปลี่ยนผมกลายเป็นมนุษย์งี่เง่าอีกแล้ว
ทุกๆครั้ง ก็เป็นแบบนี้มาตลอด  กลับกันแค่คนที่เอ่ยปากชวน คนที่โทรไปหาเป็นผม  แต่คนที่ปฎิเสธและไม่ให้ความสำคัญเป็นเธอ

" เออ มีน แอนว่าจ............ "  สัญญาณ ขาดหายไป  ผมหยิบโทรศัพท์ออกจากหู มาดู  แบตผมหมด



   สมองผมบอกว่าตอนนี้ผมยืนอยู่คนเดียวที่ปาย ( คนเดียวจริงๆ นุ้ยยังอยู่ในร้าน ) กลางถนนที่มีผู้คนเดินผ่านตัวผมไปเรื่อยๆ  ผมเงยหน้ามองดูดวงจันทร์ และดาวที่เกลื่อนท้องฟ้าไปหมด  ทำไมผมต้องรู้สึกแบบนี้นะ  ทำไม ทำไมหละ  ทำไมทั้งๆที่ ผมได้มาอยู่เมืองปาย ที่ฝันอยากจะมาตลอด ทั้งๆที่ผม ได้มากับผู้หญิงที่ผมเองก็หลงรักเธอมาตลอด  แต่ทำไมผู้หญิงอีกคนที่เพิ่งเจอกันได้ไม่กี่เดือน กลับทำให้ผมเศร้าใจจนเหมือนไม่มีตัวตนบนโลก

" มีน ~ !!  เสร็จแล้ว..  ดู ๆ สวยไหม " นุ้ยเรียกผมจากข้างหลัง

  บางที คงเพราะผมรู้สึกเหมือน ไม่มีใครรักผมจริงๆ หละมั่ง  คนที่อยู่ตรงนี้ไม่เคยชัดเจน  คนที่อยู่ทางโน้นไม่เคยสนใจ

" สวยดีครับ " ผมหันหลังกลับไปยิ้มให้นุ้ย แล้วพูดกับเธอ

" งั้น ปะ  ไปได้แล้ว "  นุ้ยบอก เธอสวมถุงมือไหมสีน้ำตาล และหมวกไหมพรมสีแดง

   เธอเอื้อมมือมาจับมือผม  ไม่ได้หันมามองหน้า แต่ดึงมือผมออกเดินไปกับเธอ   ผมพยายามจะทิ้งความสับสนไว้หน้าร้านอุปกรณ์กันหนาว  

    แต่มันยังคงตกตะกอนอยู่ภายในใจ




..................................................................................................................

วันนี้ไปทำธุระตอนค่ำ  อาจจะได้แค่ ตอนเดียวนะครับ = =!  ขออภัยมา ณ ที่นี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่