สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ
คนตายแลกคนเป็น
“ เล่าเซี่ยงชุน “
เมื่อครั้งที่กองทัพหัวเมืองสิบหกเมือง รวมตัวกันยกไปตีเมืองลกเอี๋ยง เพื่อปลดปล่อยพระเจ้าเหี้ยนเต้อายุเก้าปี ซึ่งอยู่ในความควบคุมของตั๋งโต๊ะมหาอุปราชผู้หยาบช้า แต่ไม่สำเร็จต้องแยกย้ายกันกลับเมืองนั้น เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วซึ่งไม่ได้ไปร่วมขบวนกับเขา ก็ได้รับหนังสือจากอ้วนเสี้ยวแม่ทัพใหญ่ ให้คอยดักชิงเอาตราหยกสำหรับฮ่องเต้ ซึ่ง ซุนเกี๋ยน เจ้าเมืองเตียงสาเก็บได้คืนมา แต่ซุนเกี๋ยนไม่ยอมให้จึงเกิดรบกันขึ้น ซุนเกี๋ยนเป็ฝ่ายแพ้แต่ก็เอารอดไปได้ และต่อมาได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋ง ก็ยกกองทัพเรือจะมาตีเมืองเกงจิ๋วแก้แค้นเล่าเปียว
เมื่อเล่าเปียวได้แจ้งข่าวนี้ก็ปรึกษากับนายทหารทั้งปวง ว่าจะเห็นประการใด เก๊งเหลียงทหารเอกจึงว่า
“............ซึ่งซุนเกี๋ยนจะยกทัพเรือข้ามทะเลมานั้น เห็นจะไม่สู้กับเราซึ่งอยู่บนบกได้ ด้วยส่งเสบียงกันยาก ขอให้เกณฑ์ทัพหองจอเจ้าเมืองกังแฮซึ่งขึ้นแก่เราเป็นทัพหน้า ท่านจงยกทหารเป็นทัพหลวง..........”
เล่าเปียวก็เห็นชอบด้วย จึงแจ้งให้หองจอยกทัพไปตั้งที่ปากน้ำฮวนเสียหน้าเมืองกังแฮ คอยต้านทางกองทัพเรือของซุนเกี๋ยน
หองจอ เจ้าเมืองกังแฮ นั้น เมื่อได้แจ้งในหนังสือของเล่าเปียวแล้ว ก็จัดแจงทหารยกไปตั้งอยู่ที่ปากน้ำเมืองฮวนเสียตามคำสั่ง เมื่อซุนเกี๋ยนยกกองทัพเรือมาถึง ก็ให้ทหารระดม ยิงเกาทัณฑ์ดังห่าฝน เพื่อขัดขวางไม่ให้ข้าศึกเข้าปากน้ำมาได้ ฝ่ายซุนเกี๋ยนก็ให้ทหารบังตัวลอยเรือล่อให้ยิงอยู่สามวันสามคืน ทหารในกองทัพเรือก็ไม่เป็นอันตราย แม้ว่าทหารของหองจอจะยิงจนหมดลูกเกาทัณฑ์
พอมีลมแปรพัดเข้าฝั่ง ทหารเรือของซุนเกี๋ยนก็แจวเรือเข้าไปถึงตลิ่ง และระดมยิงเกาทัณฑ์เอาบ้าง ทหารของหองจอไม่มีลูกเกาทัณฑ์จะยิงต่อสู้ เห็นจะต้านทานมิได้ จึงถอยหนีเข้าเมืองฮวนเสีย ทหารของซุนเกี๋ยนก็ยกขึ้นบกไล่ติดตามไปจนถึงเมืองฮวนเสีย หองจอจึงพาทหารหนีต่อไปเข้าเมืองเตงเซีย
พอซุนเกี๋ยนติดตามมาจนถึงเมืองเตงเซีย หองจอก็ยกทหารออกมาตั้งรับหน้าประตูเมือง ทั้งสองฝ่ายขี่ม้าออกมาหน้าทหาร หองจอเห็นซุนเกี๋ยนกับซุนเซ็กสองพ่อลูก ก็ร้องว่า
“............นี้อ้ายพวกโจรเมืองกังตั๋ง เป็นไฉนจึงบังอาจรุกล่วงมาถึงแดนพระเจ้าฮั่นโกโจ ไม่กลัวตายหรือ........”
แล้วก็ให้ทหารเอกสองคน ออกมารบกับทหารเอกของซุนเกี๋ยน คนหนึ่งก็ถูก ซุนเซ็กยิงเกาทัณฑ์ถูกหน้าผากตกม้าตาย อีกคนหนึ่งก็ถูกทหารเอกของซุนเกี๋ยนฟันด้วยง้าวตาย แล้วทหารก็จะเข้ามาจับตัวนายทัพ หองจอตกใจถอดหมวกทิ้ง แล้วโจนจากหลังม้า ปลอมปนกับพลทหารหนีรอดไปได้ ซุนเกี๋ยนก็คุมทหารไล่ฆ่าฟันทหารของหองจอไปจนถึงตำบลฮั่นซุย ทหารของหองจอก็ล้มตายลงเป็นอันมาก แต่ตัวหองจอรีบหนีไปถึงเมืองเกงจิ๋ว เอาเนื้อความที่แตกพ่ายไปบอกให้เล่าเปียว ทราบทุกประการ
เล่าเปียวก็ปรึกษากับเก๊งเหลียง ว่าจะทำประการใด เก๊งเหลียงก็ว่า
“............ซึ่งหองจอแตกมานั้น ฝ่ายทหารซุนเกี๋ยนก็มีใจกำเริบ ครั้นเราจะยกออกรบบัดนี้ เหมือนหนึ่งหักไฟหัวลม จำเราจะให้รักษาค่ายคูประตูหอรบไว้จงมั่นคงก่อน แล้วจึงมีหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวมาช่วย เห็นซุนเกี๋ยนจะไม่ทำสิ่งใดได้...........”
ชัวมอนายทหารเอกอีกผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นพี่ชายนางชัวฮูหยินภรรยาเล่าเปียว ก็แย้งว่า
“..............ซึ่งเก๊งเหลียงว่านั้นไม่ชอบ ด้วยทัพซุนเกี๋ยนยกมาจะใกล้ถึงกำแพงอยู่แล้ว จะให้ขึ้นรักษาหน้าที่อยู่ จะให้มีหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวมาช่วยนั้น เห็นไม่ทันที ข้าพเจ้าจะขออาสายกทหารออกไปตีทัพซุนเกี๋ยน..........”
เล่าเปียวก็เห็นชอบด้วยจึงให้ชัวมอยกทหารหมื่นหนึ่ง ไปตั้งมั่นคอยรับศึกที่เขา ฮีสัน เมื่อซุนเกี๋ยนยกมาถึงประจันหน้ากันแล้ว ซุนเกี๋ยนก็ให้นายทหารเอกออกมารบกับชัวมัว ต่อสู้กันได้สิบเพลง ชัวมอเห็นท่าจะเป็นรองจึงขับม้าหนี ซุนเกี๋ยนก็คุมทหารไล่ฆ่าฟันทหารชัวมอ ล้มตายเป็นอันมาก แต่ตัวชัวมอหนีเข้าเมืองได้
เก๊งเหลียงจึงว่าแก่เล่าเปียวว่า
“............เพราะท่านไม่ฟังคำข้าพเจ้าจึงเสียทีแก่ข้าศึก ซึ่งชัวมอขันอาสาออกไปแล้วแตกเข้ามา ให้เสียทหารเป็นอันมากนั้น ขอให้ตัดศรีษะชัวมอเสียบไว้จึงจะควร..........”
แต่เล่าเปียวเห็นแก่ภรรยา จึงมิได้ลงโทษชัวมอแต่ประการใด ฝ่ายซุนเกี๋ยนก็ล้อมเมืองเกงจิ๋วไว้ จนถึงค่ำคืนวันหนึ่งเป็นคืนข้างแรมเดือนมืด เก๊งเหลียงเห็นดาวตกลงมา ก็แจ้งในตำราแล้วบอกเล่าเปียวว่า
“..........ข้าพเจ้าเห็นดาวดวงหนึ่งเศร้าหมองตกลงมา ครั้นดูในตำราเห็นว่าจะมีอันตรายแก่ซุนเกี๋ยนเป็นมั่นคง ขอให้เร่งแต่งหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวมาตีซุนเกี๋ยนเป็นทัพกระหนาบ..........”
เล่าเปียวก็ว่า
“...........ซึ่งจะให้ไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยว เราเห็นชอบด้วย แต่บัดนี้ซุนเกี๋ยนล้อมเมืองอยู่ จะหาผู้ใดซึ่งเข้มแข็งจะได้ถือหนังสือรบหักกองทัพซุนเกี๋ยนออกไปได้..........”
นายทหารผู้หนึ่งชื่อลีก๋ง ก็ขออาสาไปทำการนี้ เก๊งเหลียงจึงว่า
“.............ซึ่งท่านจะอาสานั้นเราขอบใจนัก แต่ท่านจงทำตามคำเรา..........”
เก๊งเหลียงก็บอกอุบายให้ แล้วให้ลีก๋งนำ ทหารถือ
เกาทัณฑ์ห้าร้อย ออกจากเมืองเกงจิ๋วไปทางประตูด้านตะวันออก แล้วก็แบ่งทหารเป็นสองกอง แอบซุ่มอยู่ที่ป่าและเนินเขาฮีสัน เมื่อซุนเกี๋ยนรู้ว่าทหารในเมืองอาศัยความมืดยกออกมา โดยไม่รู้จำนวนมากน้อย และด้วยความประมาทจึงนำทหารคนสนิทติดตามไปเพียงสามสิบคน เมื่อม้าซุนเกี๋ยนไล่ไปทันม้าลีก๋งก็ร้องว่าจะหนีไปแห่งใด ลีก๋งก็ชักม้ากลับมารบด้วยซุนเกี๋ยนได้ห้าเพลง แล้วก็ขับม้าหนีไปทางที่ทหารของตนซุ่มอยู่
ซุนเกี๋ยนตามไปจนถึงซอกเขาก็ไม่เห็นตัวลีก๋ง จึงจะหันกลับมาหาคนสนิททั้งสามสิบที่ตามมา ทันใดนั้นทหารลีก๋งที่ซุ่มอยู่ก็ตีม้าล่ออื้ออึง และทหารบนเนินเขาก็ทุ่มทิ้งก้อนศิลา ส่วนทหารที่ท้ายเขาก็ระดมยิงเกาทัณฑ์มาดังห่าฝน ถูกซุนเกี๋ยนกับม้าจนโลหิตไหลลงโซมกาย ทั้งม้าและซุนเกี๋ยนก็ล้มลง ถึงแก่ความตายในซอกเขานั้นเอง
ลีก๋งก็ขับม้านำทหารกลับมา สกัดฆ่าทหารซุนเกี๋ยนเสียทั้งสามสิบคน แล้วก็จุดประทัดให้สัญญาณขึ้นสามนัด ฝ่ายเก๊งเหลียงก็ให้นายทหารสามคนคือ เก๊งอวด ชัวมอ และหองจอ คุมทหารออกจากเมืองเข้าตีข้าศึกเป็นสามด้าน ทหารของซุนเกี๋ยนที่ล้อมอยู่ก็แตกตื่นล้มตายลงเป็นอันมาก
ฝ่ายอุยกายทหารเอกของซุนเกี๋ยน ซึ่งอยู่รักษาเรือรบนั้น ครั้นได้ยินเสียงโห่ร้อง ก็คุมทหารขึ้นมาช่วยซุนเกี๋ยน เจอกับหองจอจึงเข้ารบกันได้หกเพลง หองจอก็เสียทีถูกอุยกายจับตัวไปได้ อีกด้านหนึ่งเทียเภากับซุนเซ็กก็รีบยกทหารออกไปตามซุนเกี๋ยน เจอเข้ากับลีก๋งกำลังคุมทหารหามศพซุนเกี๋ยนจะเข้าเมือง เทียเภาจึงเข้ารบได้ห้าเพลง ก็เอาทวนแทงลีก๋งตกม้าตาย แต่ทหารของ ลีก๋งก็หนีรอดหอบเอาศพแม่ทัพข้าศึกกลับเข้าเมืองไปให้เล่าเปียวได้
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งนายทหารของเมืองกังตั๋ง ชื่อฮวนกาย ซึ่งเป็นเพื่อนกับเล่าเปียวมาแต่เด็ก ได้เข้ามาหาเล่าเปียวในเมืองเกงจิ๋ว และบอกแก่เล่าเปียวว่า
“.............บัดนี้ซุนเซ็กจะไม่ทำสงครามกับท่านสืบไป ขอเอาศพซุนเกี๋ยนซึ่งเป็นบิดา ถ้าท่านยอมให้แล้ว ตัวหองจอซึ่งจับไว้ได้นั้นจะส่งเข้ามาให้ท่าน ซุนเซ็กก็จะเลิกทัพกลับไปเมือง.........”
เล่าเปียวก็ตอบว่า
“..........ศพซุนเกี๋ยนซึ่งพวกทหารเอาเข้ามาให้เรานั้น เราให้ตกแต่งไว้ตามประเพณี ซึ่งซุนเซ็กให้มาว่านั้น เราก็จะยอม แต่สืบไปภายหน้าอย่าให้คิดล่วงเข้ามาทำอันตรายแก่เราเลย.......”
เก๊งเหลียงก็แย้งเล่าเปียวว่า
“.........ซึ่งท่านจะยอมให้ศพซุนเกี๋ยนไปนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย แลซุนเกี๋ยนล่วงมาทำการครั้งนี้ เพราะเป็นคนใจหยาบช้า จึงถึงแก่ความตาย แลซุนเซ็กผู้บุตรนั้นยังอ่อนความคิดอยู่ แลทหารทั้งปวงก็เห็นจะย่อท้อฝีมิทหารเรา ถ้าท่านฟัง ข้าพเจ้าจะคิดมิให้ทหารทั้งปวงเหลือกลับไปเมืองกังตั๋งได้แต่สักคนหนึ่งเลย ขอท่านให้จับฮวนกายฆ่าเสียเถิด แล้วยกทหารออกไปตี แลเมือง กังตั๋งนั้นก็จะได้เป็นสิทธิแก่ท่าน ถ้าท่านมิฟังข้าพเจ้าแลจะให้ศพซุนเกี๋ยนไปนั้น เห็นจะมีอันตรายแก่ท่านเป็นมั่นคง..........”
เล่าเปียวก็ว่า
“............ซึ่งท่านคิดดังนี้ ก็จะมิเสียหองจอไปหรือ.........”
เก๊งเหลียงจึงว่า
“...........จะคิดการใหญ่เอาเมืองสิ จะเสียดายหองจอคนเดียวนี้ไม่ควร...........”
เล่าเปียวก็ว่า
“...........หองจอกับเราได้รักใคร่ไว้ใจกันมาแต่ก่อน ครั้นเราจะทำดังนั้นก็เหมือนหนึ่งแกล้งฆ่าหองจอเสีย ความซึ่งเราว่าไว้แต่ก่อนนั้นก็จะเสียวาจาไป..........”
แล้วเล่าเปียวก็บอกกับฮวนกายว่า
“............เวลาพรุ่งนี้ให้เอาตัวหองจอมาส่งที่ประตูเมือง เราจะส่งศพซุนเกี๋ยนไปให้...........”
ฮวนกายก็เอาเนื้อความกลับไปบอกแก่ซุนเซ็ก ครั้นเวลารุ่งเช้าจึงให้ทหารทั้งปวง คุมเอาตัวหองจอไปส่งให้เล่าเปียวที่ประตูเมือง แล้วรับเอาศพซุนเกี๋ยนลงเรือยกกลับไปเมืองกังตั๋ง
หองจอเจ้าเมืองผู้โชคดี จึงรอดตายเพราะความที่นายยังเสียดายชีวิตอยู่ และยอมแลกตัวกับแม่ทัพของข้าศึกซึ่งตายไปแล้ว จึงกลับไปรักษาเมืองกังแฮต่อไป.
#########
คนตายแลกคนเป็น ๒๓ ก.พ.๕๗
คนตายแลกคนเป็น
“ เล่าเซี่ยงชุน “
เมื่อครั้งที่กองทัพหัวเมืองสิบหกเมือง รวมตัวกันยกไปตีเมืองลกเอี๋ยง เพื่อปลดปล่อยพระเจ้าเหี้ยนเต้อายุเก้าปี ซึ่งอยู่ในความควบคุมของตั๋งโต๊ะมหาอุปราชผู้หยาบช้า แต่ไม่สำเร็จต้องแยกย้ายกันกลับเมืองนั้น เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วซึ่งไม่ได้ไปร่วมขบวนกับเขา ก็ได้รับหนังสือจากอ้วนเสี้ยวแม่ทัพใหญ่ ให้คอยดักชิงเอาตราหยกสำหรับฮ่องเต้ ซึ่ง ซุนเกี๋ยน เจ้าเมืองเตียงสาเก็บได้คืนมา แต่ซุนเกี๋ยนไม่ยอมให้จึงเกิดรบกันขึ้น ซุนเกี๋ยนเป็ฝ่ายแพ้แต่ก็เอารอดไปได้ และต่อมาได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋ง ก็ยกกองทัพเรือจะมาตีเมืองเกงจิ๋วแก้แค้นเล่าเปียว
เมื่อเล่าเปียวได้แจ้งข่าวนี้ก็ปรึกษากับนายทหารทั้งปวง ว่าจะเห็นประการใด เก๊งเหลียงทหารเอกจึงว่า
“............ซึ่งซุนเกี๋ยนจะยกทัพเรือข้ามทะเลมานั้น เห็นจะไม่สู้กับเราซึ่งอยู่บนบกได้ ด้วยส่งเสบียงกันยาก ขอให้เกณฑ์ทัพหองจอเจ้าเมืองกังแฮซึ่งขึ้นแก่เราเป็นทัพหน้า ท่านจงยกทหารเป็นทัพหลวง..........”
เล่าเปียวก็เห็นชอบด้วย จึงแจ้งให้หองจอยกทัพไปตั้งที่ปากน้ำฮวนเสียหน้าเมืองกังแฮ คอยต้านทางกองทัพเรือของซุนเกี๋ยน
หองจอ เจ้าเมืองกังแฮ นั้น เมื่อได้แจ้งในหนังสือของเล่าเปียวแล้ว ก็จัดแจงทหารยกไปตั้งอยู่ที่ปากน้ำเมืองฮวนเสียตามคำสั่ง เมื่อซุนเกี๋ยนยกกองทัพเรือมาถึง ก็ให้ทหารระดม ยิงเกาทัณฑ์ดังห่าฝน เพื่อขัดขวางไม่ให้ข้าศึกเข้าปากน้ำมาได้ ฝ่ายซุนเกี๋ยนก็ให้ทหารบังตัวลอยเรือล่อให้ยิงอยู่สามวันสามคืน ทหารในกองทัพเรือก็ไม่เป็นอันตราย แม้ว่าทหารของหองจอจะยิงจนหมดลูกเกาทัณฑ์
พอมีลมแปรพัดเข้าฝั่ง ทหารเรือของซุนเกี๋ยนก็แจวเรือเข้าไปถึงตลิ่ง และระดมยิงเกาทัณฑ์เอาบ้าง ทหารของหองจอไม่มีลูกเกาทัณฑ์จะยิงต่อสู้ เห็นจะต้านทานมิได้ จึงถอยหนีเข้าเมืองฮวนเสีย ทหารของซุนเกี๋ยนก็ยกขึ้นบกไล่ติดตามไปจนถึงเมืองฮวนเสีย หองจอจึงพาทหารหนีต่อไปเข้าเมืองเตงเซีย
พอซุนเกี๋ยนติดตามมาจนถึงเมืองเตงเซีย หองจอก็ยกทหารออกมาตั้งรับหน้าประตูเมือง ทั้งสองฝ่ายขี่ม้าออกมาหน้าทหาร หองจอเห็นซุนเกี๋ยนกับซุนเซ็กสองพ่อลูก ก็ร้องว่า
“............นี้อ้ายพวกโจรเมืองกังตั๋ง เป็นไฉนจึงบังอาจรุกล่วงมาถึงแดนพระเจ้าฮั่นโกโจ ไม่กลัวตายหรือ........”
แล้วก็ให้ทหารเอกสองคน ออกมารบกับทหารเอกของซุนเกี๋ยน คนหนึ่งก็ถูก ซุนเซ็กยิงเกาทัณฑ์ถูกหน้าผากตกม้าตาย อีกคนหนึ่งก็ถูกทหารเอกของซุนเกี๋ยนฟันด้วยง้าวตาย แล้วทหารก็จะเข้ามาจับตัวนายทัพ หองจอตกใจถอดหมวกทิ้ง แล้วโจนจากหลังม้า ปลอมปนกับพลทหารหนีรอดไปได้ ซุนเกี๋ยนก็คุมทหารไล่ฆ่าฟันทหารของหองจอไปจนถึงตำบลฮั่นซุย ทหารของหองจอก็ล้มตายลงเป็นอันมาก แต่ตัวหองจอรีบหนีไปถึงเมืองเกงจิ๋ว เอาเนื้อความที่แตกพ่ายไปบอกให้เล่าเปียว ทราบทุกประการ
เล่าเปียวก็ปรึกษากับเก๊งเหลียง ว่าจะทำประการใด เก๊งเหลียงก็ว่า
“............ซึ่งหองจอแตกมานั้น ฝ่ายทหารซุนเกี๋ยนก็มีใจกำเริบ ครั้นเราจะยกออกรบบัดนี้ เหมือนหนึ่งหักไฟหัวลม จำเราจะให้รักษาค่ายคูประตูหอรบไว้จงมั่นคงก่อน แล้วจึงมีหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวมาช่วย เห็นซุนเกี๋ยนจะไม่ทำสิ่งใดได้...........”
ชัวมอนายทหารเอกอีกผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นพี่ชายนางชัวฮูหยินภรรยาเล่าเปียว ก็แย้งว่า
“..............ซึ่งเก๊งเหลียงว่านั้นไม่ชอบ ด้วยทัพซุนเกี๋ยนยกมาจะใกล้ถึงกำแพงอยู่แล้ว จะให้ขึ้นรักษาหน้าที่อยู่ จะให้มีหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวมาช่วยนั้น เห็นไม่ทันที ข้าพเจ้าจะขออาสายกทหารออกไปตีทัพซุนเกี๋ยน..........”
เล่าเปียวก็เห็นชอบด้วยจึงให้ชัวมอยกทหารหมื่นหนึ่ง ไปตั้งมั่นคอยรับศึกที่เขา ฮีสัน เมื่อซุนเกี๋ยนยกมาถึงประจันหน้ากันแล้ว ซุนเกี๋ยนก็ให้นายทหารเอกออกมารบกับชัวมัว ต่อสู้กันได้สิบเพลง ชัวมอเห็นท่าจะเป็นรองจึงขับม้าหนี ซุนเกี๋ยนก็คุมทหารไล่ฆ่าฟันทหารชัวมอ ล้มตายเป็นอันมาก แต่ตัวชัวมอหนีเข้าเมืองได้
เก๊งเหลียงจึงว่าแก่เล่าเปียวว่า
“............เพราะท่านไม่ฟังคำข้าพเจ้าจึงเสียทีแก่ข้าศึก ซึ่งชัวมอขันอาสาออกไปแล้วแตกเข้ามา ให้เสียทหารเป็นอันมากนั้น ขอให้ตัดศรีษะชัวมอเสียบไว้จึงจะควร..........”
แต่เล่าเปียวเห็นแก่ภรรยา จึงมิได้ลงโทษชัวมอแต่ประการใด ฝ่ายซุนเกี๋ยนก็ล้อมเมืองเกงจิ๋วไว้ จนถึงค่ำคืนวันหนึ่งเป็นคืนข้างแรมเดือนมืด เก๊งเหลียงเห็นดาวตกลงมา ก็แจ้งในตำราแล้วบอกเล่าเปียวว่า
“..........ข้าพเจ้าเห็นดาวดวงหนึ่งเศร้าหมองตกลงมา ครั้นดูในตำราเห็นว่าจะมีอันตรายแก่ซุนเกี๋ยนเป็นมั่นคง ขอให้เร่งแต่งหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวมาตีซุนเกี๋ยนเป็นทัพกระหนาบ..........”
เล่าเปียวก็ว่า
“...........ซึ่งจะให้ไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยว เราเห็นชอบด้วย แต่บัดนี้ซุนเกี๋ยนล้อมเมืองอยู่ จะหาผู้ใดซึ่งเข้มแข็งจะได้ถือหนังสือรบหักกองทัพซุนเกี๋ยนออกไปได้..........”
นายทหารผู้หนึ่งชื่อลีก๋ง ก็ขออาสาไปทำการนี้ เก๊งเหลียงจึงว่า
“.............ซึ่งท่านจะอาสานั้นเราขอบใจนัก แต่ท่านจงทำตามคำเรา..........”
เก๊งเหลียงก็บอกอุบายให้ แล้วให้ลีก๋งนำ ทหารถือ
เกาทัณฑ์ห้าร้อย ออกจากเมืองเกงจิ๋วไปทางประตูด้านตะวันออก แล้วก็แบ่งทหารเป็นสองกอง แอบซุ่มอยู่ที่ป่าและเนินเขาฮีสัน เมื่อซุนเกี๋ยนรู้ว่าทหารในเมืองอาศัยความมืดยกออกมา โดยไม่รู้จำนวนมากน้อย และด้วยความประมาทจึงนำทหารคนสนิทติดตามไปเพียงสามสิบคน เมื่อม้าซุนเกี๋ยนไล่ไปทันม้าลีก๋งก็ร้องว่าจะหนีไปแห่งใด ลีก๋งก็ชักม้ากลับมารบด้วยซุนเกี๋ยนได้ห้าเพลง แล้วก็ขับม้าหนีไปทางที่ทหารของตนซุ่มอยู่
ซุนเกี๋ยนตามไปจนถึงซอกเขาก็ไม่เห็นตัวลีก๋ง จึงจะหันกลับมาหาคนสนิททั้งสามสิบที่ตามมา ทันใดนั้นทหารลีก๋งที่ซุ่มอยู่ก็ตีม้าล่ออื้ออึง และทหารบนเนินเขาก็ทุ่มทิ้งก้อนศิลา ส่วนทหารที่ท้ายเขาก็ระดมยิงเกาทัณฑ์มาดังห่าฝน ถูกซุนเกี๋ยนกับม้าจนโลหิตไหลลงโซมกาย ทั้งม้าและซุนเกี๋ยนก็ล้มลง ถึงแก่ความตายในซอกเขานั้นเอง
ลีก๋งก็ขับม้านำทหารกลับมา สกัดฆ่าทหารซุนเกี๋ยนเสียทั้งสามสิบคน แล้วก็จุดประทัดให้สัญญาณขึ้นสามนัด ฝ่ายเก๊งเหลียงก็ให้นายทหารสามคนคือ เก๊งอวด ชัวมอ และหองจอ คุมทหารออกจากเมืองเข้าตีข้าศึกเป็นสามด้าน ทหารของซุนเกี๋ยนที่ล้อมอยู่ก็แตกตื่นล้มตายลงเป็นอันมาก
ฝ่ายอุยกายทหารเอกของซุนเกี๋ยน ซึ่งอยู่รักษาเรือรบนั้น ครั้นได้ยินเสียงโห่ร้อง ก็คุมทหารขึ้นมาช่วยซุนเกี๋ยน เจอกับหองจอจึงเข้ารบกันได้หกเพลง หองจอก็เสียทีถูกอุยกายจับตัวไปได้ อีกด้านหนึ่งเทียเภากับซุนเซ็กก็รีบยกทหารออกไปตามซุนเกี๋ยน เจอเข้ากับลีก๋งกำลังคุมทหารหามศพซุนเกี๋ยนจะเข้าเมือง เทียเภาจึงเข้ารบได้ห้าเพลง ก็เอาทวนแทงลีก๋งตกม้าตาย แต่ทหารของ ลีก๋งก็หนีรอดหอบเอาศพแม่ทัพข้าศึกกลับเข้าเมืองไปให้เล่าเปียวได้
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งนายทหารของเมืองกังตั๋ง ชื่อฮวนกาย ซึ่งเป็นเพื่อนกับเล่าเปียวมาแต่เด็ก ได้เข้ามาหาเล่าเปียวในเมืองเกงจิ๋ว และบอกแก่เล่าเปียวว่า
“.............บัดนี้ซุนเซ็กจะไม่ทำสงครามกับท่านสืบไป ขอเอาศพซุนเกี๋ยนซึ่งเป็นบิดา ถ้าท่านยอมให้แล้ว ตัวหองจอซึ่งจับไว้ได้นั้นจะส่งเข้ามาให้ท่าน ซุนเซ็กก็จะเลิกทัพกลับไปเมือง.........”
เล่าเปียวก็ตอบว่า
“..........ศพซุนเกี๋ยนซึ่งพวกทหารเอาเข้ามาให้เรานั้น เราให้ตกแต่งไว้ตามประเพณี ซึ่งซุนเซ็กให้มาว่านั้น เราก็จะยอม แต่สืบไปภายหน้าอย่าให้คิดล่วงเข้ามาทำอันตรายแก่เราเลย.......”
เก๊งเหลียงก็แย้งเล่าเปียวว่า
“.........ซึ่งท่านจะยอมให้ศพซุนเกี๋ยนไปนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย แลซุนเกี๋ยนล่วงมาทำการครั้งนี้ เพราะเป็นคนใจหยาบช้า จึงถึงแก่ความตาย แลซุนเซ็กผู้บุตรนั้นยังอ่อนความคิดอยู่ แลทหารทั้งปวงก็เห็นจะย่อท้อฝีมิทหารเรา ถ้าท่านฟัง ข้าพเจ้าจะคิดมิให้ทหารทั้งปวงเหลือกลับไปเมืองกังตั๋งได้แต่สักคนหนึ่งเลย ขอท่านให้จับฮวนกายฆ่าเสียเถิด แล้วยกทหารออกไปตี แลเมือง กังตั๋งนั้นก็จะได้เป็นสิทธิแก่ท่าน ถ้าท่านมิฟังข้าพเจ้าแลจะให้ศพซุนเกี๋ยนไปนั้น เห็นจะมีอันตรายแก่ท่านเป็นมั่นคง..........”
เล่าเปียวก็ว่า
“............ซึ่งท่านคิดดังนี้ ก็จะมิเสียหองจอไปหรือ.........”
เก๊งเหลียงจึงว่า
“...........จะคิดการใหญ่เอาเมืองสิ จะเสียดายหองจอคนเดียวนี้ไม่ควร...........”
เล่าเปียวก็ว่า
“...........หองจอกับเราได้รักใคร่ไว้ใจกันมาแต่ก่อน ครั้นเราจะทำดังนั้นก็เหมือนหนึ่งแกล้งฆ่าหองจอเสีย ความซึ่งเราว่าไว้แต่ก่อนนั้นก็จะเสียวาจาไป..........”
แล้วเล่าเปียวก็บอกกับฮวนกายว่า
“............เวลาพรุ่งนี้ให้เอาตัวหองจอมาส่งที่ประตูเมือง เราจะส่งศพซุนเกี๋ยนไปให้...........”
ฮวนกายก็เอาเนื้อความกลับไปบอกแก่ซุนเซ็ก ครั้นเวลารุ่งเช้าจึงให้ทหารทั้งปวง คุมเอาตัวหองจอไปส่งให้เล่าเปียวที่ประตูเมือง แล้วรับเอาศพซุนเกี๋ยนลงเรือยกกลับไปเมืองกังตั๋ง
หองจอเจ้าเมืองผู้โชคดี จึงรอดตายเพราะความที่นายยังเสียดายชีวิตอยู่ และยอมแลกตัวกับแม่ทัพของข้าศึกซึ่งตายไปแล้ว จึงกลับไปรักษาเมืองกังแฮต่อไป.
#########