ยี่เอ๋ง "หมี่เหิง 禰衡" เป็นชาวเมืองเพงงวนก๋วน มณฑลซานตุง มีฉายาว่า เจิ้งผิง "正平"
เมื่อครั้งที่โจโฉต้องการส่งคนไปเจรจากับเล่าเปียวให้มาสวามิภักดิ์กับตน แต่ไม่รู้จะส่งใครดีจึงได้ปรึกษา
แก่ซุนฮิวว่าเห็นสมควรจะส่งใครไป ซุนฮิวก็จึงบอกว่าการนี้เห็นสมควรให้เป็นหน้าที่ขงหยงเป็นคนไปเจรจา
ขงหยงรู้เข้าก็จึงถ่อมตัวและพูดว่า เรื่องนี้ควรให้ผู้ที่มีความสามารถไปทำซึ่งตนเห็นคนที่มีสติปัญญาดียิ่งอยู่
คนหนึ่งนามว่า ยี่เอ๋ง คนนี้แหละที่เหมาะสมจะไปทำกิจนี้ให้ลุล่วงได้โดยง่าย
ในหนังสือสามก๊กภาษาไทยของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 21 ขงหยงได้อธิบาย ลักษณะของยีเอ๋ง
ไว้ในหนังสือกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอให้ตั้งยีเอ๋งเป็นขุนนางว่า“ข้าพเจ้าขงหยงขอกราบทูลให้ทราบ
ด้วยยีเอ๋งคนหนึ่งอายุยี่สิบปี อยู่ในเมืองหล่อ มีสติปัญญารู้หลักมาก จักษุแลไปเห็นสิ่งใดแลหูได้ยินเสียงอันใด
ใจนั้นก็คิดตลอดไม่ขัดขวางประมาณการถูกทุกประการ ขอให้เอายีเอ๋งมาใช้ราชการ แต่งให้ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียว
เห็นจะได้โดยง่าย” ก็จึงได้มีคำสั่งให้ ยี่เอ๋ง ไปพบโจโฉที่จวน
ครั้นเมื่อยี่เอ๋งได้มาพบโจโฉแล้ว ก็จึงตรงเข้าไปคำนับแต่โจโฉกลับเมินเสีย ยี่เอ๋งเองก็จึงคิดน้อยใจจึงรำพึงออกมาว่า
"แผ่นดินนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาล ขาดแค่คนๆเดียว จะเป็นกระไรกันนักหนา" โจโฉได้ยินยีเอ๋งว่าดังนั้น จึงถามว่า "แผ่นดินนี้
ก็มีที่ปรึกษาแลทหารที่มีฝีมือเป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงคิดว่าจะไม่มีคนดีเล่า" ยีเอ๋ง ได้ยินดังนั้น จึงโต้ตอบถามว่า "มหาอุปราช
ว่ามีทหารแลที่ปรึกษารอบรู้กว้างขวางนัก คือ ผู้ใดข้าพเจ้าไม่แจ้ง"โจโฉก็ไล่ไปให้ฟังว่า "ซุนฮิว กุยแก เทียหยก ที่ปรึกษา
ของเราสี่คนนี้มีปัญญาลึกซึ้งนัก แล ทหารของเราก็มี เตียวเลี้ยว เคาทู ลิเตียน งักจิ้น นอกนั้นก็ยังมี ลิยอย หมันทอง เป็นที่ปรึกษา
รองของเราอีกด้วย แฮหัวตุ้น อิกิ๋ม ซิหลง ก็ยังเป็นทหารสู้คนได้มากมาย เมื่อมีคนทั้งปวงฉะนี้ เหตุใดท่านจึงว่าไม่มีคนดี"
ยีเอ๋งได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะพร้อมกับตอบว่า "มหาอุปราชว่ามานี้เราไม่เห็นด้วย"
"ซุนฮกนั้นหน้าเหมือนหนึ่งจะร้องไห้ชอบแต่ให้เยี่ยมไข้ส่งสักการศพ"
"ซุนฮิวนั้นชอบแต่ให้เป็นสัปเหร่อรักษาศพ"
"เทียหยกนั้นชอบแต่ใช้ให้เฝ้าจำหล่อ"
"กุยแกนั้นชอบแต่ให้แต่งโคลงแลอ่านบัตรหมาย"
"เตียวเลี้ยวนั้นชอบแต่ให้ตีกลองแลระฆัง"
"เคาทูนั้นชอบแต่ให้เลี้ยงวัวแลม้า"
"ลิเตียนนั้นชอบแต่ให้อ่านฟ้อง"
"งักจิ้นนั้นชอบแต่ให้เดินหมาย"
"ลิยอยนั้นชอบแต่ใช้ให้ชำระอาวุธ"
"หมันทองนั้นชอบแต่ให้เสพย์สุรากับกระดูกสุกร"
"อิกิ๋มนั้นชอบแต่ให้แบกกระดานไปทำค่าย"
"ซิหลงนั้นชอบแต่ให้ฆ่าสุกรขาย"
"แฮหัวตุ้นนั้นชอบแต่ให้คอยรักษาตัว อย่าให้ข้าศึกตัดเอาศีรษะแลแขนซ้ายแขนขวาไปได้"
“โจหยินนั้นชอบแต่ให้เรียกขุนนางขี้ฉ้อ”
“ที่ปรึกษาแลทหารนอกนั้น ชอบแต่ให้หาบเสบียงส่งกองทัพ”
เตียวเลี้ยงได้ยินดังนั้นก็โกรธ ชักกระบี่ออกมาจะฟันยี่เอ๋งให้ตายเสียบัดนั้น แต่โจโฉผู้ข่มตนให้ใจเย็นลงแล้วก็จึงได้
ห้ามปรามเตียวเลี้ยวเอาไว้และจึงทัดทานว่า อย่าได้ฆ่ายี่เอ๋งตอนนี้เลยผู้คนจะติฉินนินทาเราเอาได้ เพราะยี่เอ๋งนั้นคนร่ำลือ
กันว่ามีสติปัญญานัก ครั้นฆ่าเสียผู้มีปัญญาคนอื่นก็จะไม่กล้ามาเข้าด้วยกับเราได้ จึงควรจะหาวิธีให้มันได้อายจะดีกว่า
ดังนั้นโจโฉก็จึงได้สั่งให้ยี่เอ๋งไปตีกลองในงานเลี้ยงที่ตนจะจัดขึ้นมานี้
แล้วเมื่อวันงานมาถึงยี่เอ๋งก็ออกมาตีกลองด้วยเสียงตีที่ไพเราะจับใจคนฟัง เสียเพียงแต่ว่าตัวยี่เอ๋งนั้นใส่เสื้อผ้าแต่งกาย
ขาดรุ่งริ่ง ทหารซึ่งคอยรับใช้ขุนนางเห็นดังนั้นจึงด่ายีเอ๋งว่า "วันนี้มหาอุปราชเรียกแขกขุนนางมาเมืองเหตุใดตัวจึงใส่เสื้อขาด
ออกมาเล่า" ยีเอ๋งได้ยินดังนั้นก็ถอดเสื้อผ้าออก เหลือแต่กายเปล่าล่อนจ้อน พร้อมกับตีกลองไปด้วย
โจโฉพอเห็นดังนั้นก็โกรธจึงด่ายี่เอ๋งไปว่า ตั้งใจจะแกล้งให้ตนนั้นขายหน้ารึอย่างไร ยี่เอ๋งก็จึงตอบกลับไปว่า "ถอดเสื้อแล
กางเกงเสียอยู่แต่ตัวเปล่านี้ ด้วยเป็นการออกหน้า เพราะเหตุว่ากายนี้เป็นที่สะอาด บิดามารดาให้เกิดมา" โจโฉจึงตวาดว่าแล้ว
มองเห็นกายผู้ใดไม่สะอาดบ้างเล่า ยี่เอ๋งก็จึงสวนกลับไปว่า
"ท่านไม่เข้าใจหรือ เราจะพรรณนาการโสโครกของท่านให้ฟัง ประการหนึ่งท่านไม่รู้จักคนดีแลชั่ว จักษุของท่านนั้นเป็นสิ่งโสโครก
ประการหนึ่งซึ่งผู้ใดมีใจสัตย์ซื่อ เห็นว่าท่านทำการหยาบช้า ห้ามปรามท่านโดยสุจริต ท่านมิได้ฟัง หูของท่านเป็นที่โสโครก ประการหนึ่ง
ท่านมิได้โอบอ้อมอารีต่อขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวง แล้วท่านคิดอ่านทำการหยาบช้า ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ความเดือดร้อน ใจของท่านก็เป็นการโสโครก"
ขงหยง ได้ฟังดังนั้นจึงรีบห้ามปรามขอโทษแทนยีเอ๋ง โจโฉจึงให้ยีเอ๋งไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวมา หากบิดพริ้วจะฆ่าครอบครัวญาติพี่น้องเสียสิ้น
ดังนั้นยี่เอ๋งก็จึงเดินทางไปหาเล่าเปียวเพื่อเกลี้ยกล่อมแต่ก็ไม่สำเร็จ เล่าเปียวจึงส่งต่อไปให้เจรจากับหองจอโดยเล่าเปียวกำชับว่า ถ้าทำให้
หองจอยอมสวามิภักดิ์กับโจโฉได้ ตนก็จะยอมเข้าด้วยดังนั้นยี่เอ๋งก็จึงดั้นด้นไปเจรจากับหองจอต่อ แต่หองจอนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อนโมโหร้าย
ได้ยินวาทะของยี่เอ๋งเข้าไปก็จึงได้ฆ่าทิ้งเสีย เล่าเปียวรู้ข่าวเข้าก็จึงได้สงสารจึงนำศพมาทำพิธีฝังให้ก็จึงจบชีวิตผู้มีวาทะเป็นเอกลงแค่เพียงเท่านี้
ยี่เอ๋ง ผู้สิ้นชีพเพราะวาจาตนเอง
เมื่อครั้งที่โจโฉต้องการส่งคนไปเจรจากับเล่าเปียวให้มาสวามิภักดิ์กับตน แต่ไม่รู้จะส่งใครดีจึงได้ปรึกษา
แก่ซุนฮิวว่าเห็นสมควรจะส่งใครไป ซุนฮิวก็จึงบอกว่าการนี้เห็นสมควรให้เป็นหน้าที่ขงหยงเป็นคนไปเจรจา
ขงหยงรู้เข้าก็จึงถ่อมตัวและพูดว่า เรื่องนี้ควรให้ผู้ที่มีความสามารถไปทำซึ่งตนเห็นคนที่มีสติปัญญาดียิ่งอยู่
คนหนึ่งนามว่า ยี่เอ๋ง คนนี้แหละที่เหมาะสมจะไปทำกิจนี้ให้ลุล่วงได้โดยง่าย
ในหนังสือสามก๊กภาษาไทยของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 21 ขงหยงได้อธิบาย ลักษณะของยีเอ๋ง
ไว้ในหนังสือกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอให้ตั้งยีเอ๋งเป็นขุนนางว่า“ข้าพเจ้าขงหยงขอกราบทูลให้ทราบ
ด้วยยีเอ๋งคนหนึ่งอายุยี่สิบปี อยู่ในเมืองหล่อ มีสติปัญญารู้หลักมาก จักษุแลไปเห็นสิ่งใดแลหูได้ยินเสียงอันใด
ใจนั้นก็คิดตลอดไม่ขัดขวางประมาณการถูกทุกประการ ขอให้เอายีเอ๋งมาใช้ราชการ แต่งให้ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียว
เห็นจะได้โดยง่าย” ก็จึงได้มีคำสั่งให้ ยี่เอ๋ง ไปพบโจโฉที่จวน
ครั้นเมื่อยี่เอ๋งได้มาพบโจโฉแล้ว ก็จึงตรงเข้าไปคำนับแต่โจโฉกลับเมินเสีย ยี่เอ๋งเองก็จึงคิดน้อยใจจึงรำพึงออกมาว่า
"แผ่นดินนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาล ขาดแค่คนๆเดียว จะเป็นกระไรกันนักหนา" โจโฉได้ยินยีเอ๋งว่าดังนั้น จึงถามว่า "แผ่นดินนี้
ก็มีที่ปรึกษาแลทหารที่มีฝีมือเป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงคิดว่าจะไม่มีคนดีเล่า" ยีเอ๋ง ได้ยินดังนั้น จึงโต้ตอบถามว่า "มหาอุปราช
ว่ามีทหารแลที่ปรึกษารอบรู้กว้างขวางนัก คือ ผู้ใดข้าพเจ้าไม่แจ้ง"โจโฉก็ไล่ไปให้ฟังว่า "ซุนฮิว กุยแก เทียหยก ที่ปรึกษา
ของเราสี่คนนี้มีปัญญาลึกซึ้งนัก แล ทหารของเราก็มี เตียวเลี้ยว เคาทู ลิเตียน งักจิ้น นอกนั้นก็ยังมี ลิยอย หมันทอง เป็นที่ปรึกษา
รองของเราอีกด้วย แฮหัวตุ้น อิกิ๋ม ซิหลง ก็ยังเป็นทหารสู้คนได้มากมาย เมื่อมีคนทั้งปวงฉะนี้ เหตุใดท่านจึงว่าไม่มีคนดี"
ยีเอ๋งได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะพร้อมกับตอบว่า "มหาอุปราชว่ามานี้เราไม่เห็นด้วย"
"ซุนฮกนั้นหน้าเหมือนหนึ่งจะร้องไห้ชอบแต่ให้เยี่ยมไข้ส่งสักการศพ"
"ซุนฮิวนั้นชอบแต่ให้เป็นสัปเหร่อรักษาศพ"
"เทียหยกนั้นชอบแต่ใช้ให้เฝ้าจำหล่อ"
"กุยแกนั้นชอบแต่ให้แต่งโคลงแลอ่านบัตรหมาย"
"เตียวเลี้ยวนั้นชอบแต่ให้ตีกลองแลระฆัง"
"เคาทูนั้นชอบแต่ให้เลี้ยงวัวแลม้า"
"ลิเตียนนั้นชอบแต่ให้อ่านฟ้อง"
"งักจิ้นนั้นชอบแต่ให้เดินหมาย"
"ลิยอยนั้นชอบแต่ใช้ให้ชำระอาวุธ"
"หมันทองนั้นชอบแต่ให้เสพย์สุรากับกระดูกสุกร"
"อิกิ๋มนั้นชอบแต่ให้แบกกระดานไปทำค่าย"
"ซิหลงนั้นชอบแต่ให้ฆ่าสุกรขาย"
"แฮหัวตุ้นนั้นชอบแต่ให้คอยรักษาตัว อย่าให้ข้าศึกตัดเอาศีรษะแลแขนซ้ายแขนขวาไปได้"
“โจหยินนั้นชอบแต่ให้เรียกขุนนางขี้ฉ้อ”
“ที่ปรึกษาแลทหารนอกนั้น ชอบแต่ให้หาบเสบียงส่งกองทัพ”
เตียวเลี้ยงได้ยินดังนั้นก็โกรธ ชักกระบี่ออกมาจะฟันยี่เอ๋งให้ตายเสียบัดนั้น แต่โจโฉผู้ข่มตนให้ใจเย็นลงแล้วก็จึงได้
ห้ามปรามเตียวเลี้ยวเอาไว้และจึงทัดทานว่า อย่าได้ฆ่ายี่เอ๋งตอนนี้เลยผู้คนจะติฉินนินทาเราเอาได้ เพราะยี่เอ๋งนั้นคนร่ำลือ
กันว่ามีสติปัญญานัก ครั้นฆ่าเสียผู้มีปัญญาคนอื่นก็จะไม่กล้ามาเข้าด้วยกับเราได้ จึงควรจะหาวิธีให้มันได้อายจะดีกว่า
ดังนั้นโจโฉก็จึงได้สั่งให้ยี่เอ๋งไปตีกลองในงานเลี้ยงที่ตนจะจัดขึ้นมานี้
แล้วเมื่อวันงานมาถึงยี่เอ๋งก็ออกมาตีกลองด้วยเสียงตีที่ไพเราะจับใจคนฟัง เสียเพียงแต่ว่าตัวยี่เอ๋งนั้นใส่เสื้อผ้าแต่งกาย
ขาดรุ่งริ่ง ทหารซึ่งคอยรับใช้ขุนนางเห็นดังนั้นจึงด่ายีเอ๋งว่า "วันนี้มหาอุปราชเรียกแขกขุนนางมาเมืองเหตุใดตัวจึงใส่เสื้อขาด
ออกมาเล่า" ยีเอ๋งได้ยินดังนั้นก็ถอดเสื้อผ้าออก เหลือแต่กายเปล่าล่อนจ้อน พร้อมกับตีกลองไปด้วย
โจโฉพอเห็นดังนั้นก็โกรธจึงด่ายี่เอ๋งไปว่า ตั้งใจจะแกล้งให้ตนนั้นขายหน้ารึอย่างไร ยี่เอ๋งก็จึงตอบกลับไปว่า "ถอดเสื้อแล
กางเกงเสียอยู่แต่ตัวเปล่านี้ ด้วยเป็นการออกหน้า เพราะเหตุว่ากายนี้เป็นที่สะอาด บิดามารดาให้เกิดมา" โจโฉจึงตวาดว่าแล้ว
มองเห็นกายผู้ใดไม่สะอาดบ้างเล่า ยี่เอ๋งก็จึงสวนกลับไปว่า
"ท่านไม่เข้าใจหรือ เราจะพรรณนาการโสโครกของท่านให้ฟัง ประการหนึ่งท่านไม่รู้จักคนดีแลชั่ว จักษุของท่านนั้นเป็นสิ่งโสโครก
ประการหนึ่งซึ่งผู้ใดมีใจสัตย์ซื่อ เห็นว่าท่านทำการหยาบช้า ห้ามปรามท่านโดยสุจริต ท่านมิได้ฟัง หูของท่านเป็นที่โสโครก ประการหนึ่ง
ท่านมิได้โอบอ้อมอารีต่อขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวง แล้วท่านคิดอ่านทำการหยาบช้า ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ความเดือดร้อน ใจของท่านก็เป็นการโสโครก"
ขงหยง ได้ฟังดังนั้นจึงรีบห้ามปรามขอโทษแทนยีเอ๋ง โจโฉจึงให้ยีเอ๋งไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวมา หากบิดพริ้วจะฆ่าครอบครัวญาติพี่น้องเสียสิ้น
ดังนั้นยี่เอ๋งก็จึงเดินทางไปหาเล่าเปียวเพื่อเกลี้ยกล่อมแต่ก็ไม่สำเร็จ เล่าเปียวจึงส่งต่อไปให้เจรจากับหองจอโดยเล่าเปียวกำชับว่า ถ้าทำให้
หองจอยอมสวามิภักดิ์กับโจโฉได้ ตนก็จะยอมเข้าด้วยดังนั้นยี่เอ๋งก็จึงดั้นด้นไปเจรจากับหองจอต่อ แต่หองจอนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อนโมโหร้าย
ได้ยินวาทะของยี่เอ๋งเข้าไปก็จึงได้ฆ่าทิ้งเสีย เล่าเปียวรู้ข่าวเข้าก็จึงได้สงสารจึงนำศพมาทำพิธีฝังให้ก็จึงจบชีวิตผู้มีวาทะเป็นเอกลงแค่เพียงเท่านี้