ในขณะที่ศึกระหว่างโจโฉ กับ อ้วนเสี้ยวใกล้จะเกิด โจโฉของการไกล ว่าสักวันต้องมีศึกเรือกับกังตั๋งแน่ๆ จึงใช้ ซุนฮิว
ให้ไปหาทูต เพื่อมาเป็นทูตไปหาเล่าเปียว เพื่อเจรจาหวังว่าว่าเกงจิ๋วจะเป็นฐานทัพเรือในวันข้างหน้า
ซุนฮิว รู้กิติศักดิ์ ของบงหยง ขุนนางที่ดีมีคุณธรรม ใต้บรรชา ขององค์เฮี่ยนเต้และเป็นที่นับหน้าถือตา ของหลายๆคน
และเป็นคนดี ที่ชาวบ้านนับถือ ซุนฮิวจึงเดินทางไปคุยกับ ขงหยง เพื่อขอตัวให้ไปเป็นทูต ที่เกงจิ๋ว แต่ขงหยง กล่าว
การที่จะให้ไปพบปะพูดคุยหารือหรือกินเที่ยว กับเล่าเปียวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะให้สามารา พูดให้เล่าเปียวสวามิภัค
ต่อราชสำนัก(โจโฉ) ความสามารถของเขานั้นยังไม่ถึง และไม่มีปัณญาพอ
คนที่จะทำงานนี้ ต้องเก่งกว่าข้า 10 เท่า ซุนฮิว ถอดใจแล้วคนที่เก่ง กว่า ท่านขงหยง 10 เท่านั้น จะมีใครอีกละ ขงหยง
จึงแนะนำ ยีเป๋ง ยอดคนแห่งยุค บัณฑิต หนุ่ม วัย 24 ยีเป๋ง ชาวปิงหยวนผู้ รู้ลึกซึ้งถึงศาสตร์โบราณ ยีเป๋งเก่งกาจขนาด
ตีแผ่วิเคราะตำราหลักธรรมของขงจื้อและเม่งจื้อได้ ยีเป๋ง ผู้ดำดิ่งถึงศาสตร์แห่งความรู้ เขาเองก็จะไม่ค่อยเสวนาปัญหา
การเมืองสังคมชาวบ้านกับคนทั่วๆไป และจะไม่เถียงเรื่องทั่วๆไปกับคนธรรมดา ถ้ามีเรื่องราวโต้เถียงพวกนี้ ยีเป๋งจะ
เงียบและนั่งดีดพิณ เบาไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาม หรือก้มหน้าอ่านตำรา ซุนฮิวเห็นดีงามด้วย คนเก่งๆแบบนี้ จะขอให้
เอาตัวมาช่วย ท่านโจโฉ แต่ขงหยงกล่าว คนเก่งแบบยีเป๋ง เขาไม่คิดรับใช้โจโฉหรอก และไม่หวังบรรดาศัดดิ์เงินทอง
ใดๆด้วย ซุนฮิวกลับไปหาโจโฉ และ โจโฉได้ใช้ราชโองการ ขององค์ฮ่องเต้เรียกมา ทำงาน
ในวันรุ่งขึ้น ยีเป๋ง เดินทางมาหาโจโฉ ที่ จวน เพื่อจะมาเป็นทูต ให้ครั้นมาถึง จะตั้งใจหรือบังเอิน โจโฉ ไม่ได้สนใจ
หรือให้การต้อนรับทักทายใดๆต่อยีเป๋ง ยีเป๋ง จึงเอ่ยพูดลอยๆขึ้นว่า แผ่นดินนี้ ถ้าจะขาดคนไปสัก 1 คนคงก็จะไม่ได้
จะสำคัญอะไร และแผ่นดินก็ไม่ได้ผิดอะไร
โจโฉได้ยินไม่ถนัดหรือจะฟังผิดไป จึงหันมาตอบ เจ้าว่าอย่างไรนะ และหมายความว่าอย่างไร ใครไม่สำคัญ ใครเก่ง
หรือไม่ดี ในบรรชาของข้า มียอดคนอยู่มากมาย มียอดขุนศึกอยู่ ใต้การนำของข้ามากมาย ไหนเองมาหาว่าแผ่นดินนี้
จะหาคนดีคนเก่ง ไม่มี..(แล้วที่นี่มีแต่หมาหรือไง)
ยีเป๋ง ปากกล้าจึงถามโจโฉ คนที่ท่านว่าดีว่าเก่ง หรือยอดคนของท่าน คือใครบ้างละ
ข้า มี เทียหยก ซุนฮก ซุนฮิว กุยแก ผู้มองการไกลยอดเสนาธิการของข้า เคาทู ซิหลง แฮหัวตุ้น เคาทู โจจิ๋นล้วนแต่
แม่ทัพแห่งยุค
55555555555555 ยีเป๋งหัวเราะชอบใจ แล้วกล่าว ขอบรับใต้เท้า ที่ออกนามมานี่ ยังไม่เห็นเป็นคนซักคน
แล้วกล่าว ด่าว่า ซุนฮก หน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา ควรจะใช้ไปงานศพจะดี
กุยแก ก็เก่งแต่ บทกลอน น่าจะเหมาะ ฟังตอนกินเหล้ามากกว่า เท่านั้น
เตียวเลี้ยว ก็ควรเอาไว้แค่ตีกลองออกศึก
แฮหัวตุ้น ก็โง่เต็มไปด้วยความประมาท ไม่ช้าคงตาย
เคาทู ก็คนเลี้ยงม้า หน้าที่เอาเบาะรองม้าไปตากเท่านั้น
โจจิ๋น คนดีดลูกคิดที่สกปรก โลปโมโทสัน ด่าไปเยอะหลายคน
โจโฉได้ฟังก็โกรษมาก จึงถาม เจ้าวิจารคนอื่นเขาเสียๆหายๆ แล้วเจ้าละเก่งวิชาอะไร
ข้าเรียนศาสตร์ ดูดาว รู้ฟ้า รู้อากาศ รู้ดิน มหาสมุทร รู้หลักธรรมของศาสตร์ดาทั้งหลาย คนอย่างข้า จะไม่ถกเถียงปัญหา
สามัญธรรมดากับคนอย่างท่านหรอก
จบคำเตียวเลี้ยว แทบชักดาปออกมาจะ ฆ่า แต่โจโฉ ห้ามเอาไว้
โจโฉได้ ฟังก็ยิ่งแค้นแค้น จะฆ่าก็กลัว คนจะครหา ว่ามีคนเก่งมา ก็ฆ่า
แต่ก็อึ้ง ในคนผ็นี้ ว่าอาจจะฉลาดจริง (ยังหวังใช้งานเพื่อฐานทัพเกงจิ๋ว) แต่คนผ็นี้คงใช้งานยาก จึงอ้างองค์เฮี่ยนเต้
ว่าจะหาตำแหน่งให้ นั่นก็คือในวงดนตรีประจำสำนัก ในตำแหน่ง คนตีกลอง บรรเลงยีเป๋งก็ไม่อาจขัดได้ เพราะ โจโฉ
อ้างองการฮ่องเต้ จึงแกล้งมอบตำแหน่งคนตีกลองให้ ยีเป๋ง
ยีเป๋งจะไม่รับ ก็จะผิดอาญา ฮ่องเต้ (คือโจโฉใช้ใคร ก็อ้างองการ ลูกเดียว) และโจโฉก็สะใจ เก่งนักเหรอ ข้าให้
ตำแหน่งคนตีกลองในวงดนตรีเท่านั้นเองและกัน 555
ครั้นมาไม่นานมีงานเลี้ยง ในท้องพระโรง ยีเป๋งแต่งตัว ขาดๆสกปรก ปะปนมาในวงตนตรี รอโอกาศ จนเพลง ยูยัน ที่
ตัวเองเล่นขึ้น ยีเป๋ง จึงเล่นกลอง แต่เล่นเก่งมากจนหลายคนงง เด่นเป็นสง่าออกมา ท่วงทำนองนั้นไพเราะจนข้า
ราชการทุกคนตะลึงงัน เงีบยสงัด มีแต่เสียงกลอง ที่ยีเป๋งเล่น แต่การแต่งตัวกลับขาดๆวิ่นๆ
นายทหารเห็น การแต่งตัว ของยีเป๋ง แปลกๆ จึงเข้าไปต่อว่า ยีเป๋งจึงเปลื้อง ผ้าออกหมด จนแบบเป็นชีเปีอย
ทำเอาทุกคนตะลึงงัน ถือเป็นการบัดสียิ่ง โจโฉด่าทอ เองคิดจะทำข้าให้ได้อายหรือ
ยีเป๋งตอบ ว่ากายข้านี้สะอาด และบริสุทธ พ่อแม่ให้มา ไม่สกปรกเหมือน คนบางคน โจโฉถามแล้ว ใครละที่สกปรก
ยีเป๋งตอบ ก็ท่านนั่นไง ปากก็สกปรก พูดแต่สิ่งที่ไม่ควรพูด หูก็สกปรก ฟังแต่พวกสอพลอ ตาก็สกปรกไม่ร็จักอ่าน
ตำราหลักธรรมคำสอน คอยจ้องมองจะตี ล้อมค้อมจะชิงบ้านเมืองหัวเมืองภายนอก ใจก็สกปรก คิดล้มล้าง องค์เฮี่ยนเต้
ยีเป๋งยืนแก้ผ้าโทงๆด่าโจโฉในท้องพระโรง โจโฉสุดที่จะทน จะฆ่า จะฆ่าก็กะไรอยู่ กัวคนจะครหา ว่ารังแกผู้น้อย แต่
ปากมันก็เก่ง จึงจะสั่งให้ไป เกงขิ๋วให้ได้เพื่อเป็นทูต
ยีเป๋งก็เถียงจะไม่ไปให้ได้ โจโฉขู่ถ้าขัดไม่ไป ไม่ใช่แค่ตัวเอง แม่และครอบครัว จะโดนอาญา เพราะเป็นรับสั่ง
ยีเป๋ง จึงต้องออกเดินทางไปเกงจิ๋ว ตอนจะออกนอกเมือง ซุนฮก กับพวกขุนนาง จะต้องมาส่ง ตามพิธี แต่ก็แกล้งทำนิ่ง
เฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่คุยไม่ทักทายด้วย
ยีเป๋งจึงแกล้งร้องไห้ และบอกว่าพวกท่าน ไม่พูดไม่จา ทำตัวนิ่ง พวกท่านไม่ได้ต่างจากศพ เหมือนคนที่ตายไปแล้วข้า
เสียใจ หลอกด่าเขาอีกเขาอีก จนเหล้าขุนนางทนกันไม่ได้ ต้องตอบโต้กันไปบ้างทีสองที และหลังจากยีเป๋งออกจาก
เมืองไป ก็แทบทำพิธีล้างซวยกัยเลยทีเดียว เพราะแค้นกันมากโดนหลอกด่า
ครันยีเป๋งไปถึง เกงจิ๋ว ตอนได้เข้าพอเล่าเปียว เล่าเปียวก็พึงชอบ เพราะชอบคบหาบัณฑิต คนเก่ง เห็นว่ายีเป๋งนี้เก่ง
การ ตำรา รู้ฟ้า ดูดาวได้ เป็นหนอนหนังสือ ปรัชญาของศาสตร์ดา
แต่พอเจอตัวจริงกลับเป็นคนละเรื่อง ยีเป๋งเอาแต่ก็คุยโวโอ้อวด กองทัพแต่เดชานุภาพ กำลังทหารของโจโฉ ข่มขู่เล่า
เปียวต่างๆนาๆว่าโจโฉเก่งเพียงใด ข่มขู่เล่าเปียวหลายๆอย่าง จนเล่าเปียวไม่เกิดความเลื่อมใสใดๆและกลับเอือมระอา
มากแต่ก็แปลกใจ คนผ็นี้คือที่ว่า มีปัณญาล้ำลึกน่ะเหรอ แต่ก็ก็ยังใจเย็นมากพอ และบอกปัดไปส่งต่อ ยีเป๋งให้ไป หา
ฮองจอ เพื่อนรักของเล่าเปียวเจ้าเมืองกังแฮ บอกว่าท่านกล่อม ฮองจอได้ตัวเองจะว่า ตามทุกอย่าง ครั้นยีเป๋งไปถึง
เมืองกังแฮ ก็เจรจาแบบบ้าระห่ำเหมือนเดิม หองจอ เมาสุราอยู่แล้วด้วย มีประโยคนึง หองจอถามยีเป๋งว่าตัวข้านี้เป็น
เช่นไร ยีเป๋งตอบ ท่านก็ไม่ได้ต่างจากตุ๋กตาในศาล นิ่งบื้อเป็นใบ้ ไม่หือไม่อือ ดังตัวเจร็ด หองจอเดือดทนต่อไปไม่ไหว
จึงยืนชักกระบี่ออกฟันฉับเดียว ใส่ยีเอ๋งจนตายในที่สุด ก่อนยีเอ๋งจะตาย ปากก็ยังด่าทอหองจอต่างๆนาๆ จนขาดใจตาย
ในที่สุด
เรื่องมาถึงโจโฉ โจโฉกลับพูดสะใจ แล้วเราน่ะจงใจส่งให้มันไปตาย ปากตลาดหยาบช้าเช่นนั้น ปากมันฆ่าตัวมันเอง
มีแต่เล่าเปียวได้กลับไปรับศพ ยีเป๋งกลับมาทำพิธีเซ่นไหว้และฝังไว้ และประกาศจะไม่ยอมเข้ากับโจโฉเด็ดขาด
ครั้นเวลาผ่านมา 5 ปี ชายผู้หนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับยีเป๋ง ได้ทำการทูตครั้งสำคัญสำเร็จ และชนะศึก เป็นการร่วมทัพ
ระหว่าง แซ่เล่า กับ แซ่ซุน คนผู้นี้ มีศาสตร์ รู้ฟ้า ดูดาว มหาสมุทร เก่งตำราหลากหลาย เขามีนามว่า ขงเบ้ง
มีผู้กล่าวว่า ยีเป๋ง จะเก่งประการใด จริงเท็จแค่ไหน หรือความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด แต่ตอนออกจากเมืองเพื่อมา
เป็นทูต ยีเป๋งพูดไว้หนึ่งประโยค ข้านี้เป็นข้าในราชวงฮั่น ไม่ใช่คนโจโฉ และแผ่นดินนี้ก็ไม่ใช่ของโจโฉ
ชีวิตยีเป๋ง เกิดมาภายใต้ดินแดนการปกครองของทรราช ไร้ซึ่งวาสนาจึงต้อง มาจบชีวิตลงใน 1 หน้ากระดาษ
ยีเป๋ง ชีวิต 1 หน้ากระดาษ
ให้ไปหาทูต เพื่อมาเป็นทูตไปหาเล่าเปียว เพื่อเจรจาหวังว่าว่าเกงจิ๋วจะเป็นฐานทัพเรือในวันข้างหน้า
ซุนฮิว รู้กิติศักดิ์ ของบงหยง ขุนนางที่ดีมีคุณธรรม ใต้บรรชา ขององค์เฮี่ยนเต้และเป็นที่นับหน้าถือตา ของหลายๆคน
และเป็นคนดี ที่ชาวบ้านนับถือ ซุนฮิวจึงเดินทางไปคุยกับ ขงหยง เพื่อขอตัวให้ไปเป็นทูต ที่เกงจิ๋ว แต่ขงหยง กล่าว
การที่จะให้ไปพบปะพูดคุยหารือหรือกินเที่ยว กับเล่าเปียวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะให้สามารา พูดให้เล่าเปียวสวามิภัค
ต่อราชสำนัก(โจโฉ) ความสามารถของเขานั้นยังไม่ถึง และไม่มีปัณญาพอ
คนที่จะทำงานนี้ ต้องเก่งกว่าข้า 10 เท่า ซุนฮิว ถอดใจแล้วคนที่เก่ง กว่า ท่านขงหยง 10 เท่านั้น จะมีใครอีกละ ขงหยง
จึงแนะนำ ยีเป๋ง ยอดคนแห่งยุค บัณฑิต หนุ่ม วัย 24 ยีเป๋ง ชาวปิงหยวนผู้ รู้ลึกซึ้งถึงศาสตร์โบราณ ยีเป๋งเก่งกาจขนาด
ตีแผ่วิเคราะตำราหลักธรรมของขงจื้อและเม่งจื้อได้ ยีเป๋ง ผู้ดำดิ่งถึงศาสตร์แห่งความรู้ เขาเองก็จะไม่ค่อยเสวนาปัญหา
การเมืองสังคมชาวบ้านกับคนทั่วๆไป และจะไม่เถียงเรื่องทั่วๆไปกับคนธรรมดา ถ้ามีเรื่องราวโต้เถียงพวกนี้ ยีเป๋งจะ
เงียบและนั่งดีดพิณ เบาไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาม หรือก้มหน้าอ่านตำรา ซุนฮิวเห็นดีงามด้วย คนเก่งๆแบบนี้ จะขอให้
เอาตัวมาช่วย ท่านโจโฉ แต่ขงหยงกล่าว คนเก่งแบบยีเป๋ง เขาไม่คิดรับใช้โจโฉหรอก และไม่หวังบรรดาศัดดิ์เงินทอง
ใดๆด้วย ซุนฮิวกลับไปหาโจโฉ และ โจโฉได้ใช้ราชโองการ ขององค์ฮ่องเต้เรียกมา ทำงาน
ในวันรุ่งขึ้น ยีเป๋ง เดินทางมาหาโจโฉ ที่ จวน เพื่อจะมาเป็นทูต ให้ครั้นมาถึง จะตั้งใจหรือบังเอิน โจโฉ ไม่ได้สนใจ
หรือให้การต้อนรับทักทายใดๆต่อยีเป๋ง ยีเป๋ง จึงเอ่ยพูดลอยๆขึ้นว่า แผ่นดินนี้ ถ้าจะขาดคนไปสัก 1 คนคงก็จะไม่ได้
จะสำคัญอะไร และแผ่นดินก็ไม่ได้ผิดอะไร
โจโฉได้ยินไม่ถนัดหรือจะฟังผิดไป จึงหันมาตอบ เจ้าว่าอย่างไรนะ และหมายความว่าอย่างไร ใครไม่สำคัญ ใครเก่ง
หรือไม่ดี ในบรรชาของข้า มียอดคนอยู่มากมาย มียอดขุนศึกอยู่ ใต้การนำของข้ามากมาย ไหนเองมาหาว่าแผ่นดินนี้
จะหาคนดีคนเก่ง ไม่มี..(แล้วที่นี่มีแต่หมาหรือไง)
ยีเป๋ง ปากกล้าจึงถามโจโฉ คนที่ท่านว่าดีว่าเก่ง หรือยอดคนของท่าน คือใครบ้างละ
ข้า มี เทียหยก ซุนฮก ซุนฮิว กุยแก ผู้มองการไกลยอดเสนาธิการของข้า เคาทู ซิหลง แฮหัวตุ้น เคาทู โจจิ๋นล้วนแต่
แม่ทัพแห่งยุค
55555555555555 ยีเป๋งหัวเราะชอบใจ แล้วกล่าว ขอบรับใต้เท้า ที่ออกนามมานี่ ยังไม่เห็นเป็นคนซักคน
แล้วกล่าว ด่าว่า ซุนฮก หน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา ควรจะใช้ไปงานศพจะดี
กุยแก ก็เก่งแต่ บทกลอน น่าจะเหมาะ ฟังตอนกินเหล้ามากกว่า เท่านั้น
เตียวเลี้ยว ก็ควรเอาไว้แค่ตีกลองออกศึก
แฮหัวตุ้น ก็โง่เต็มไปด้วยความประมาท ไม่ช้าคงตาย
เคาทู ก็คนเลี้ยงม้า หน้าที่เอาเบาะรองม้าไปตากเท่านั้น
โจจิ๋น คนดีดลูกคิดที่สกปรก โลปโมโทสัน ด่าไปเยอะหลายคน
โจโฉได้ฟังก็โกรษมาก จึงถาม เจ้าวิจารคนอื่นเขาเสียๆหายๆ แล้วเจ้าละเก่งวิชาอะไร
ข้าเรียนศาสตร์ ดูดาว รู้ฟ้า รู้อากาศ รู้ดิน มหาสมุทร รู้หลักธรรมของศาสตร์ดาทั้งหลาย คนอย่างข้า จะไม่ถกเถียงปัญหา
สามัญธรรมดากับคนอย่างท่านหรอก
จบคำเตียวเลี้ยว แทบชักดาปออกมาจะ ฆ่า แต่โจโฉ ห้ามเอาไว้
โจโฉได้ ฟังก็ยิ่งแค้นแค้น จะฆ่าก็กลัว คนจะครหา ว่ามีคนเก่งมา ก็ฆ่า
แต่ก็อึ้ง ในคนผ็นี้ ว่าอาจจะฉลาดจริง (ยังหวังใช้งานเพื่อฐานทัพเกงจิ๋ว) แต่คนผ็นี้คงใช้งานยาก จึงอ้างองค์เฮี่ยนเต้
ว่าจะหาตำแหน่งให้ นั่นก็คือในวงดนตรีประจำสำนัก ในตำแหน่ง คนตีกลอง บรรเลงยีเป๋งก็ไม่อาจขัดได้ เพราะ โจโฉ
อ้างองการฮ่องเต้ จึงแกล้งมอบตำแหน่งคนตีกลองให้ ยีเป๋ง
ยีเป๋งจะไม่รับ ก็จะผิดอาญา ฮ่องเต้ (คือโจโฉใช้ใคร ก็อ้างองการ ลูกเดียว) และโจโฉก็สะใจ เก่งนักเหรอ ข้าให้
ตำแหน่งคนตีกลองในวงดนตรีเท่านั้นเองและกัน 555
ครั้นมาไม่นานมีงานเลี้ยง ในท้องพระโรง ยีเป๋งแต่งตัว ขาดๆสกปรก ปะปนมาในวงตนตรี รอโอกาศ จนเพลง ยูยัน ที่
ตัวเองเล่นขึ้น ยีเป๋ง จึงเล่นกลอง แต่เล่นเก่งมากจนหลายคนงง เด่นเป็นสง่าออกมา ท่วงทำนองนั้นไพเราะจนข้า
ราชการทุกคนตะลึงงัน เงีบยสงัด มีแต่เสียงกลอง ที่ยีเป๋งเล่น แต่การแต่งตัวกลับขาดๆวิ่นๆ
นายทหารเห็น การแต่งตัว ของยีเป๋ง แปลกๆ จึงเข้าไปต่อว่า ยีเป๋งจึงเปลื้อง ผ้าออกหมด จนแบบเป็นชีเปีอย
ทำเอาทุกคนตะลึงงัน ถือเป็นการบัดสียิ่ง โจโฉด่าทอ เองคิดจะทำข้าให้ได้อายหรือ
ยีเป๋งตอบ ว่ากายข้านี้สะอาด และบริสุทธ พ่อแม่ให้มา ไม่สกปรกเหมือน คนบางคน โจโฉถามแล้ว ใครละที่สกปรก
ยีเป๋งตอบ ก็ท่านนั่นไง ปากก็สกปรก พูดแต่สิ่งที่ไม่ควรพูด หูก็สกปรก ฟังแต่พวกสอพลอ ตาก็สกปรกไม่ร็จักอ่าน
ตำราหลักธรรมคำสอน คอยจ้องมองจะตี ล้อมค้อมจะชิงบ้านเมืองหัวเมืองภายนอก ใจก็สกปรก คิดล้มล้าง องค์เฮี่ยนเต้
ยีเป๋งยืนแก้ผ้าโทงๆด่าโจโฉในท้องพระโรง โจโฉสุดที่จะทน จะฆ่า จะฆ่าก็กะไรอยู่ กัวคนจะครหา ว่ารังแกผู้น้อย แต่
ปากมันก็เก่ง จึงจะสั่งให้ไป เกงขิ๋วให้ได้เพื่อเป็นทูต
ยีเป๋งก็เถียงจะไม่ไปให้ได้ โจโฉขู่ถ้าขัดไม่ไป ไม่ใช่แค่ตัวเอง แม่และครอบครัว จะโดนอาญา เพราะเป็นรับสั่ง
ยีเป๋ง จึงต้องออกเดินทางไปเกงจิ๋ว ตอนจะออกนอกเมือง ซุนฮก กับพวกขุนนาง จะต้องมาส่ง ตามพิธี แต่ก็แกล้งทำนิ่ง
เฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่คุยไม่ทักทายด้วย
ยีเป๋งจึงแกล้งร้องไห้ และบอกว่าพวกท่าน ไม่พูดไม่จา ทำตัวนิ่ง พวกท่านไม่ได้ต่างจากศพ เหมือนคนที่ตายไปแล้วข้า
เสียใจ หลอกด่าเขาอีกเขาอีก จนเหล้าขุนนางทนกันไม่ได้ ต้องตอบโต้กันไปบ้างทีสองที และหลังจากยีเป๋งออกจาก
เมืองไป ก็แทบทำพิธีล้างซวยกัยเลยทีเดียว เพราะแค้นกันมากโดนหลอกด่า
ครันยีเป๋งไปถึง เกงจิ๋ว ตอนได้เข้าพอเล่าเปียว เล่าเปียวก็พึงชอบ เพราะชอบคบหาบัณฑิต คนเก่ง เห็นว่ายีเป๋งนี้เก่ง
การ ตำรา รู้ฟ้า ดูดาวได้ เป็นหนอนหนังสือ ปรัชญาของศาสตร์ดา
แต่พอเจอตัวจริงกลับเป็นคนละเรื่อง ยีเป๋งเอาแต่ก็คุยโวโอ้อวด กองทัพแต่เดชานุภาพ กำลังทหารของโจโฉ ข่มขู่เล่า
เปียวต่างๆนาๆว่าโจโฉเก่งเพียงใด ข่มขู่เล่าเปียวหลายๆอย่าง จนเล่าเปียวไม่เกิดความเลื่อมใสใดๆและกลับเอือมระอา
มากแต่ก็แปลกใจ คนผ็นี้คือที่ว่า มีปัณญาล้ำลึกน่ะเหรอ แต่ก็ก็ยังใจเย็นมากพอ และบอกปัดไปส่งต่อ ยีเป๋งให้ไป หา
ฮองจอ เพื่อนรักของเล่าเปียวเจ้าเมืองกังแฮ บอกว่าท่านกล่อม ฮองจอได้ตัวเองจะว่า ตามทุกอย่าง ครั้นยีเป๋งไปถึง
เมืองกังแฮ ก็เจรจาแบบบ้าระห่ำเหมือนเดิม หองจอ เมาสุราอยู่แล้วด้วย มีประโยคนึง หองจอถามยีเป๋งว่าตัวข้านี้เป็น
เช่นไร ยีเป๋งตอบ ท่านก็ไม่ได้ต่างจากตุ๋กตาในศาล นิ่งบื้อเป็นใบ้ ไม่หือไม่อือ ดังตัวเจร็ด หองจอเดือดทนต่อไปไม่ไหว
จึงยืนชักกระบี่ออกฟันฉับเดียว ใส่ยีเอ๋งจนตายในที่สุด ก่อนยีเอ๋งจะตาย ปากก็ยังด่าทอหองจอต่างๆนาๆ จนขาดใจตาย
ในที่สุด
เรื่องมาถึงโจโฉ โจโฉกลับพูดสะใจ แล้วเราน่ะจงใจส่งให้มันไปตาย ปากตลาดหยาบช้าเช่นนั้น ปากมันฆ่าตัวมันเอง
มีแต่เล่าเปียวได้กลับไปรับศพ ยีเป๋งกลับมาทำพิธีเซ่นไหว้และฝังไว้ และประกาศจะไม่ยอมเข้ากับโจโฉเด็ดขาด
ครั้นเวลาผ่านมา 5 ปี ชายผู้หนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับยีเป๋ง ได้ทำการทูตครั้งสำคัญสำเร็จ และชนะศึก เป็นการร่วมทัพ
ระหว่าง แซ่เล่า กับ แซ่ซุน คนผู้นี้ มีศาสตร์ รู้ฟ้า ดูดาว มหาสมุทร เก่งตำราหลากหลาย เขามีนามว่า ขงเบ้ง
มีผู้กล่าวว่า ยีเป๋ง จะเก่งประการใด จริงเท็จแค่ไหน หรือความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด แต่ตอนออกจากเมืองเพื่อมา
เป็นทูต ยีเป๋งพูดไว้หนึ่งประโยค ข้านี้เป็นข้าในราชวงฮั่น ไม่ใช่คนโจโฉ และแผ่นดินนี้ก็ไม่ใช่ของโจโฉ
ชีวิตยีเป๋ง เกิดมาภายใต้ดินแดนการปกครองของทรราช ไร้ซึ่งวาสนาจึงต้อง มาจบชีวิตลงใน 1 หน้ากระดาษ