สามก๊กฉบับลายคราม
โจโฉ...มหาอุปราชผู้ยิ่งใหญ่
ตอนที่ ๓ มหาอุปราชคนใหม่
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อโจโฉได้เป็นมหาอุปราชไม่เท่าไร ก็ได้ข่าวว่าโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วป่วยด้วยโรคชรา ก่อนถึงแก่ความตายได้ยกเมืองให้เล่าปี่ปกครอง ก็โกรธมาก แต่ยังไม่ทันจะทำประการใด เล่าปี่ก็พาพี่น้องมาหาที่เมืองฮูโต๋ เล่าว่าลิโป้ที่แตกทัพมาจากเมืองกุนจิ๋วขออาศัยอยู่ด้วย ตนก็ให้ไปอยู่เมืองเสียวพ่าย แต่เมื่อตนยกทหารไปรบกับอ้วนสุด ให้เตียวหุยเฝ้าเมืองชีจิ๋วไว้ เตียวหุยก็เกิดมีเรื่องกับลิโป้ ต้องเสียเมืองชีจิ๋วให้ลิโป้ไป แต่ลิโป้ก็ให้ตนไปอยู่เมืองเสียวพ่ายแทน แล้วเตียวหุยก็ไม่วายหาเรื่องวิวาทกับลิโป้ อีก เลยถูกลิโป้ตีเมืองแตก ต้องมาขออาศัยโจโฉเป็นที่พึ่ง
โจโฉก็ยินดีต้อนรับไว้ และว่าลิโป้เป็นคนไม่รู้จักคุณคน คราวหน้าเราจะช่วยกันปราบลิโป้ให้หมดฤทธิ์จนได้ แล้วก็ขอรับสั่งฮ่องเต้ ให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว
จากนั้นโจโฉก็ได้ข่าวว่าเตียวสิ้วเจ้าเมืองอ้วนเซีย กับเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว คบคิดกันจะมาตีเมืองฮูโต๋ โจโฉจึงยกทัพไปจะปราบเตียวสิ้วเสียก่อน ครั้นถึงเมืองอ้วนเซียเตียวสิ้วกลับออกมาอ่อนน้อม และเชิญเข้าไปอยู่ในเมือง โจโฉจึงให้ทหารตั้งค่ายอยู่นอกเมือง แล้วตนเองเข้าไปอยู่ในเมืองอย่างเป็นสุข แต่ต่อมาไปเอาตัวพี่สะใภ้ของเตียวสิ้วซึ่งเป็นแม่ม่าย มาเป็นนางบำเรออยู่ในค่ายนอกเมือง เตียวสิ้วจึงคิดแค้นและวางอุบายเผาค่ายของโจโฉโดยไม่ทันรู้ตัว เกือบจะเอาตัวไม่รอดอีกครั้งหนึ่ง และต้องเสียนายทหารองครักษ์ กับหลานชาย และลูกชายคนโตไป เพื่อสังเวยความสุขเพียงชั่วคราวของตน อย่างน่าเสียดาย
พอพักได้ไม่นานก็หันไปเล่นงานลิโป้ที่เมืองชีจิ๋ว โดยร่วมมือกับเล่าปี่และขุนนางเก่าของโตเกี๋ยม เป็นไส้ศึกหลอกลวงลิโป้จนต้องพ่ายแพ้ถูกจับตัวเป็นเชลย แม้ลิโป้จะอ้อนวอนขอชีวิต แต่โจโฉและ เล่าปี่ก็ไม่ยอมอภัย จึงถูกประหารชีวิตไปตามกรรม
คราวนี้เล่าปี่มีความชอบมาก โจโฉจึงพาไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่เมืองฮูโต๋ ฮ่องเต้ทรงซักถามประวัติแล้วรู้ว่าเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ระดับพระเจ้าอา จึงตั้งให้เป็นเสนาบดีกรมวัง โจโฉก็ชักจะอิจฉาและไม่ไว้ใจเล่าปี่ จึงลองใจเล่าปี่ด้วยการชักชวนไปกินเลี้ยง แล้วถามว่าเล่าปี่เห็นผู้ใดในแผ่นดินนี้ ที่มีสติปัญญาพอที่จะเป็นใหญ่ได้ เล่าปี่ก็แกล้งอ้างชื่อเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่เคยร่วมกันกำจัดตั๋งโต๊ะ แต่โจโฉบอกว่ามีเพียงสองคนเท่านั้น คือเล่าปี่ กับตัวโจโฉเอง เล่าปี่ก็สะดุ้งใจคิดว่าโจโฉนั้นระแวงตน จึงหาโอกาสอาสาไปปราบอ้วนสุดที่เมืองห้วยหลำ โจโฉก็ให้ทหารห้าหมื่นไปเป็นกำลัง เล่าปี่ก็รีบเร่งยกทัพออกจากเมืองฮูโต๋ไปโดยเร็ว
ต่อมาโจโฉก็ได้ข่าวว่า เมื่อเล่าปี่ไปรบอ้วนสุดนั้น อ้วนสุดแพ้ต้องแตกหนีไปอยู่ตำบลกังเต๋ง และถึงแก่ความตาย ด้วยความช้ำใจ ส่วนเล่าปี่นั้นไม่กลับมาขอทหารไปอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว โจโฉจึงมั่นใจว่าเล่าปี่ทรยศต่อตนแน่ และคิดหาทางกำจัดต่อไป
โจโฉได้เป็นมหาอุปราชผู้มีอำนาจเต็มมาได้สี่ปี ก็เริ่มจะหลงอำนาจมีการกระทำที่ไม่ยำเกรงฮ่องเต้ ทำให้ขุนนางเก่าหลายคนไม่ชอบใจ ซึ่งโจโฉก็รู้ตัวจึงระวังป้องกันด้วยการวางสายสืบไว้ในที่ต่าง ๆ แม้แต่ในพระราชวัง เพื่อรายงานข่าวสารต่าง ๆ ให้ทราบ
วันหนึ่งสายในวังมาบอกว่าตังสินขุนนางผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นพี่ชายของนางตังกุยหุย สนมเอก ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ข้างในแล้วมีอาการน่าสงสัย โจโฉก็คอยดักพบหน้าพระราชวังแต่หลอกล่อต่าง ๆ แล้ว ก็ไม่พบพิรุธแต่อย่างใด จึงปล่อยให้ผ่านไป
อีกวันหนึ่งต่อมา เคงต๋อง บ่าวของตังสิน ก็ได้มาหาโจโฉและเล่าเรื่องราวว่า ตังสินคบคิดกับขุนนางอีกสี่ห้าคน จะกำจัดโจโฉเสีย โจโฉยังไม่เชื่อสนิทจึงให้เอาตัวไปขังไว้ก่อน แล้วก็แกล้งทำเป็นป่วยไข้ปวดศรีษะเป็นกำลัง ให้คนใช้ไปตามเกียดเป๋งหมอหลวงมารักษา เกียดเป๋งก็ต้มยาให้กินขนานหนึ่ง โจโฉก็ให้หมอกินก่อน หมอก็ไม่กินและพยายามจะกรอกยา โจโฉจึงปัดถ้วยยาตกแตก และอิฐที่พื้นก็กร่อนไปตามน้ำยาที่หก โจโฉจึงรู้ว่ายาถ้วยนั้นผสมยาพิษ จึงให้ทหารจับตัวหมอเกียดเป๋งไว้ แล้วให้เอาตัวไปซักซ้อมหาตัวผู้ที่ร่วมมือในสวนดอกไม้ เกียดเป๋งถูกตีเจ็บปวดนัก แต่ก็ไม่ยอมบอกชื่อพรรคพวกในขบวนการ แต่อย่างใด
โจโฉจึงให้จำขังไว้ก่อน พอรุ่งเช้าก็เชิญขุนนางมากินเลี้ยงที่บ้าน ระหว่างการเลี้ยงก็ให้เอาตัวเกียดเป๋งมาทรมาน และแจ้งข้อหาว่าเป็นขบถจะทำร้ายฮ่องเต้และตนผู้เป็นมหาอุปราช และว่าผู้ร่วมมือนั้นมีเจ็ดคนทั้งตัวเกียดเป๋ง ถ้าไม่บอกจะตีให้ตายคาไม้ ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นมีอยู่สี่คนที่กระสับกระส่ายหน้าซีดเป็นพิรุธ เมื่อขุนนางลากลับโจโฉจึงกักตัวขุนนางทั้งสี่นั้นไว้ก่อน แล้วเอาตัวเคงต๋องออกมายืนยัน
เคงต๋งก็ว่าขุนนางทั้งสี่คนนี้ไปปรึกษากันที่บ้านตังสิน คือจูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน และม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง ด้วย ขุนนางทั้งสี่ก็ไม่ยอมรับ อ้างว่าเคงต๋องใส่ร้าย เพราะถูกทำโทษฐานเป็นชู้กับเมียน้อยของตังสิน ในขณะนั้นตังสินบอกป่วยไม่ได้มากินเลี้ยงด้วย ส่วนม้าเท้งนั้นได้กลับไปบ้านเมืองของตนแล้ว โจโฉจึงให้เอาตัวขุนนางทั้งสี่ไปใส่คุกไว้ก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นโจโฉก็พาทหารไปบ้านตังสิน ถามว่าเมื่อวานทำไมจึงไม่ไปกินเลี้ยง ตังสินบอกว่าป่วย โจโฉก็ถามว่าหมอเกียดเป๋งคิดวางยาพิษตนนั้นรู้เรื่องหรือไม่ ตังสินก็ว่าไม่รู้โจโฉจึงให้เอาตัวเกียดเป๋งมาซักถามต่อหน้าตังสิน แล้วก็เฆี่ยนตีจนตังสินแทบจะทนไม่ได้
โจโฉเห็นนิ้วมือเกียดเป๋งด้วนไปนิ้วหนึ่ง ก็ถามว่านิ้วหายไปไหนนิ้วหนึ่ง เกียดเป๋งก็ว่าตนตัดนิ้วมือแล้วสาบานว่าจะฆ่าโจโฉเสียให้ได้ โจโฉจึงให้ตัดนิ้วเกียดเป๋งที่เหลือเสียทั้งเก้านิ้ว แล้วว่าคราวนี้จะทำร้ายตนได้หรือไม่ เกียดเป๋งก็ว่าตนมีปากและลิ้นที่จะด่าแม่โจโฉได้ โจโฉก็สั่งให้ทหารตัดลิ้นเกียดเป๋งเสีย คราวนี้เกียดเป๋งร้องขอว่าจะบอกเนื้อความทั้งหมด ขอให้แก้มัดเสียก่อน โจโฉก็ให้ทหารแก้มัดเกียดเป๋ง แล้วคอยดูว่าเกียดเป๋งจะมีฤทธิ์อย่างไรต่อไป
เกียดเป๋งก็หันหน้าไปทางทิศพระราชวัง กราบถวายบังคมฮ่องเต้ แล้วก็เอาศรีษะฟาดกับเสาศิลาจนศรีษะแตกตายไปต่อหน้าโจโฉและตังสิน โจโฉจึงให้ทหารเชือดเนื้อเกียดเป๋งออกเป็นชิ้น เล็กชิ้นน้อย แล้วตัดศรีษะไปเสียบประจานไว้
จากนั้นโจโฉก็ให้ทหารค้นบ้านของตังสิน จนพบแพรขาวซึ่งเขียนด้วยพระโลหิตของพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีความว่า
“ แต่โจโฉเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงได้สี่ปีแล้ว ทำการหยาบช้าต่าง ๆ จะตั้งขุนนางแลลงโทษผู้ใดก็มิได้ยำเกรง บอกกล่าวให้เรารู้ สุดที่จะอดกลั้นทนทานได้ เราจึงเอาโลหิตในนิ้วมือเขียนอักษรเป็นความลับมาให้แจ้ง แม้ตังสินเห็นขุนนางผู้ใดมีสติปัญญาซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ก็ให้ชักชวนกันทำการกำจัดโจโฉเสียให้จงได้ ตัวเราแลขุนนางกับราษฎรทั้งปวงจะได้อยู่เป็นสุขสืบไป “
และได้รายชื่อผู้ที่ร่วมสาบานตรงกับที่เคงต๋องฟ้อง รวมทั้งเล่าปี่ด้วย โจโฉจึงให้จับตัวตังสินและบุตรภรรยาไปที่บ้านของโจโฉ เอาหนังสือนั้นให้ที่ปรึกษาดูและว่าจะเนรเทศฮ่องเต้ออกจากราชสมบัติเสีย แล้วยกเจ้านายเชื้อพระวงศ์อื่นมาตั้งเป็นฮ่องเต้แทน แต่พวกที่ปรึกษาไม่เห็นด้วย โจโฉจึงให้เอาตัวขุนนางทั้งห้าคนรวมทั้งตังสินกับบุตรภรรยาและพรรคพวก รวมทั้งสิ้นประมาณเจ็ดร้อยเศษ ไปประหารเสียนอกกำแพงเมืองฮูโต๋
แค่นั้นยังไม่หายความแค้น โจโฉจึงเหน็บกระบี่เข้าไปในพระราชวังชั้นใน ซึ่งพระเจ้าเหี้ยนเต้กับนางฮกเฮามเหสีและนางตังกุยหุยน้องของตังสินซึ่งเป็นสนมเอก กำลังปรึกษาหารือกันอยู่ โจโฉก็เล่าเรื่องที่มีผู้คิดร้าย ซึ่งตนจับได้และเอาตัวไปประหารหมดแล้ว ยังเหลือแต่นางตังกุยหุยน้องสาวของตัวหัวหน้าซึ่งจะต้องประหารเสียด้วย ฮ่องเต้กับมเหสีก็ช่วยกันขอร้องไว้ว่านางตังกุยหุยกำลังมีครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว โจโฉก็ว่าจะเอาพันธุ์มันไว้ไม่ได้ นางตังกุยหุยจึงขอร้องให้ฆ่าด้วยวิธีเอาแพรรัดคอเถิด โจโฉก็ให้ทหารลากตัวนางออกไปเอาผ้าแพรขาวรัดคอสิ้นใจตาย
ตั้งแต่นั้นมาโจโฉก็ออกคำสั่งเด็ดขาด ไม่ให้เชื้อพระวงศ์เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ที่พระที่นั่งชั้นใน ถ้าผู้ใดจะเข้าไปต้องมาบอกตนก่อน เมื่อตนอนุญาตจึงจะเข้าไปเฝ้าได้ ผู้ใดขัดขืนจะลงโทษถึงประหารชีวิต และให้โจหองคุมทหารสามพันล้อมพระราชวังไว้.
เมื่อโจโฉปราบขบถวังหลวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือแต่ม้าเท้งกับเล่าปี่ ที่จะต้องจัดการต่อไป จึงยกกองทัพยี่สิบหมื่นออกจากเมืองฮูโต๋ ไปตีเมืองชีจิ๋วและยึดได้ไม่ยาก เล่าปี่กับเตียวหุยแตกหนีไปคนละทาง ส่วนกวนอูอยู่ที่เมืองแห้ฝือ ก็ถูกโจโฉล้อมไว้ แล้วเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนน กวนอูเกรงครอบครัวเล่าปี่จะเป็นอันตราย จึงยอมมอบตัวกับโจโฉ โดยโจโฉยอมให้สัญญาสามข้อ แล้วพากวนอูไปเลี้ยงดูที่เมืองฮูโต๋
แต่กวนอูยังคงภักดีต่อเล่าปี่พี่ร่วมสาบานอยู่ แม้โจโฉจะทำดีด้วยสักปานใด ก็ไม่ยอมยินดีด้วย คงเฝ้ารักษาภรรยาสองคนของเล่าปี่ไม่ให้ผู้ใดกล้ำกราย ตนเองก็อยู่หน้าที่พักของพี่สะใภ้ โจโฉเอาเสื้อใหม่มาให้ กวนอูก็ใส่ไว้ข้างในเอาเสื้อเก่าของเล่าปี่ทับข้างนอก โจโฉเอาม้าชื่อเซ็กเธาว์ ที่ยึดจากลิโป้มาให้ กวนอูจึงดีใจเพราะม้าตัวนี้มีฝีเท้าดีและเดินทางได้ทน จะได้เอาไว้ขี่ไปหาเล่าปี่ โจโฉก็จนปัญญาที่จะเปลี่ยนน้ำใจของกวนอู
ต่อมาอ้วนเสี้ยวยกทัพมาตีเมืองฮูโต๋ โจโฉก็ยกออกไปตั้งรับที่ตำบลแปะแบ๊ กวนอูอยากจะตอบแทนบุญคุณโจโฉ จึงขออาสาไปตีทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว และฆ่างันเหลียงแม่ทัพหน้าตายในพริบตา อ้วนเสี้ยวก็ยกทัพหลวงเข้ามาหนุน แล้วให้บุนทิวทหารเอกฝีมือดีคุมทหารสิบหมื่น เข้าตีกองทัพของโจโฉ ถึงต้องถอยร่นลงมา กวนอูก็ควบม้าเซ็กเธาว์ออกไปสกัดหน้าไว้ แล้วก็ฟันบุนทิวตกม้าตายไปอีกคนหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจึงตั้งยันอยู่ไม่ได้ส่งผู้ใดมารบอีก
ทางฝ่ายโจหองอยู่รักษาเมืองยีหลำก็มีใบบอกมาถึงโจโฉ ว่าพวกโจรมีกำลังกล้าแข็งมาทำร้ายราษฎรตามหัวเมืองรอบนอก ขอให้จัดทหารมาช่วย กวนอูก็ขออาสาพาทหารห้าพันไปช่วยอีก ไม่ช้าก็กลับมาแจ้งว่าได้ปราบปรามพวกโจรเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาโจโฉได้ข่าวว่ากวนอูรู้ว่าเล่าปี่ไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว จะขอลาไปหาพี่ชาย โจโฉก็แกล้งอยู่แต่ในที่พัก แล้วปิดประกาศว่าป่วยห้ามคนเข้าพบ กวนอูจึงฝากหนังสือลาให้คนใช้เอาไปให้นายประตูบ้านโจโฉ แล้วก็พาพี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นรถ ตนเองขี่ม้าเซ็กเธาว์ถือง้าวคู่มือ กับทหารสิบกว่าคน ออกเดินทางจากเมืองฮูโต๋ จะไปหาเล่าปี่
โจโฉก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางกวนอูได้ทัน กว่าจะเดินทางไปสุดชายแดน กวนอูก็ฆ่านายด่านระหว่างทางตายไปถึงหกคน และรอดพ้นเงื้อมมือของโจโฉได้ในที่สุด
โจโฉก็รบกับอ้วนเสี้ยวต่อไปและได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด อ้วนเสี้ยวต้องถอยทัพกลับเมืองกิจิ๋ว แล้วก็ป่วยด้วยความตรอมใจจนถึงแก่ความตาย โจโฉก็ยกกองทัพติดตามมาตีเมืองกิจิ๋ว บุตรของอ้วนเสี้ยวสามคนไม่ปรองดองกัน โจโฉจึงตีแตกไปทีละคนจนหมดรวมทั้งหลานอ้วนเสี้ยวอีกคนหนึ่ง โจโฉก็เข้ายึดครองเมืองกิจิ๋วได้ และปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ที่ขึ้นกับเมืองกิจิ๋วได้ทั้งหมด ส่วนเล่าปี่นั้นได้ข่าวว่าหนีไปอยู่ที่เมืองเกงจิ๋วกับเล่าเปียว ซึ่งเป็นญาติผู้พี่
โจโฉก็พักรบไปประมาณหนึ่งปี เพื่อสร้างปราสาทสูงใหญ่ขึ้นที่ริมแม่น้ำเจียงโห ตำบลเงียบกุ๋น เพื่อประกาศชัยชนะครั้งนี้ แล้วก็ยกทัพกลับเมืองฮูโต๋ วางแผนที่จะยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว และเมืองกังตั๋งของซุนกวนต่อไป ในโอกาสหน้า
โจโฉบำรุงกองทัพอยู่จนเข้มแข็งดีแล้ว ก็เตรียมจะยกไปทำสงครามใหญ่ โดยจะตีเมืองเกงจิ๋วแล้วผ่านไปตีเมืองกังตั๋งต่อไป แต่ได้ข่าวว่าเล่าปี่กับกวนอูและเตียวหุยได้พบกันแล้ว กับได้จูล่งเป็น ทหารเอก แล้วอาสาเล่าเปียวออกมารักษาด่านที่เมืองซินเอี๋ย
อีกไม่นานโจหยินที่โจโฉให้อยู่รักษาเมืองห้วนเสีย ก็กลับมารายงานมาว่า ได้ยกทหารไปตีเมืองซินเอี๋ยแล้วแต่ไม่สำเร็จต้องถอยกลับ ฝ่ายเล่าปี่ก็ยกทหารมาตีและยึดเอาเมืองห้วนเสียได้ ต้องเสียทหารไปเป็นหมื่น และวิงวอนขอให้อภัยโทษ
โจโฉก็ยกโทษให้แต่สงสัยว่าเล่าปี่มีดีอะไรจึงสามารถเอาชนะโจหยินได้ โจหยินก็ว่าเล่าปี่มีที่ปรึกษาที่ได้มาใหม่ชื่อตันฮก โจโฉก็ถามที่ปรึกษาว่าใครรู้จักตันฮกบ้าง ที่ปรึกษาคนหนึ่งชื่อเทียหยกจึงบอกว่า ตันฮกนี้เดิมชื่อชีซีอยู่ที่เมืองเองจิ๋ว เป็นคนมีวิชาความรู้และมีเพื่อนมาก ต่อมาได้ฆ่าคนตายแล้วพอถูกจับได้ก็แ
.....มหาแอุปราชผู้บิ่งใหญ่ (๓) ๒ ก.พ.๖๑
โจโฉ...มหาอุปราชผู้ยิ่งใหญ่
ตอนที่ ๓ มหาอุปราชคนใหม่
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อโจโฉได้เป็นมหาอุปราชไม่เท่าไร ก็ได้ข่าวว่าโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วป่วยด้วยโรคชรา ก่อนถึงแก่ความตายได้ยกเมืองให้เล่าปี่ปกครอง ก็โกรธมาก แต่ยังไม่ทันจะทำประการใด เล่าปี่ก็พาพี่น้องมาหาที่เมืองฮูโต๋ เล่าว่าลิโป้ที่แตกทัพมาจากเมืองกุนจิ๋วขออาศัยอยู่ด้วย ตนก็ให้ไปอยู่เมืองเสียวพ่าย แต่เมื่อตนยกทหารไปรบกับอ้วนสุด ให้เตียวหุยเฝ้าเมืองชีจิ๋วไว้ เตียวหุยก็เกิดมีเรื่องกับลิโป้ ต้องเสียเมืองชีจิ๋วให้ลิโป้ไป แต่ลิโป้ก็ให้ตนไปอยู่เมืองเสียวพ่ายแทน แล้วเตียวหุยก็ไม่วายหาเรื่องวิวาทกับลิโป้ อีก เลยถูกลิโป้ตีเมืองแตก ต้องมาขออาศัยโจโฉเป็นที่พึ่ง
โจโฉก็ยินดีต้อนรับไว้ และว่าลิโป้เป็นคนไม่รู้จักคุณคน คราวหน้าเราจะช่วยกันปราบลิโป้ให้หมดฤทธิ์จนได้ แล้วก็ขอรับสั่งฮ่องเต้ ให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว
จากนั้นโจโฉก็ได้ข่าวว่าเตียวสิ้วเจ้าเมืองอ้วนเซีย กับเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว คบคิดกันจะมาตีเมืองฮูโต๋ โจโฉจึงยกทัพไปจะปราบเตียวสิ้วเสียก่อน ครั้นถึงเมืองอ้วนเซียเตียวสิ้วกลับออกมาอ่อนน้อม และเชิญเข้าไปอยู่ในเมือง โจโฉจึงให้ทหารตั้งค่ายอยู่นอกเมือง แล้วตนเองเข้าไปอยู่ในเมืองอย่างเป็นสุข แต่ต่อมาไปเอาตัวพี่สะใภ้ของเตียวสิ้วซึ่งเป็นแม่ม่าย มาเป็นนางบำเรออยู่ในค่ายนอกเมือง เตียวสิ้วจึงคิดแค้นและวางอุบายเผาค่ายของโจโฉโดยไม่ทันรู้ตัว เกือบจะเอาตัวไม่รอดอีกครั้งหนึ่ง และต้องเสียนายทหารองครักษ์ กับหลานชาย และลูกชายคนโตไป เพื่อสังเวยความสุขเพียงชั่วคราวของตน อย่างน่าเสียดาย
พอพักได้ไม่นานก็หันไปเล่นงานลิโป้ที่เมืองชีจิ๋ว โดยร่วมมือกับเล่าปี่และขุนนางเก่าของโตเกี๋ยม เป็นไส้ศึกหลอกลวงลิโป้จนต้องพ่ายแพ้ถูกจับตัวเป็นเชลย แม้ลิโป้จะอ้อนวอนขอชีวิต แต่โจโฉและ เล่าปี่ก็ไม่ยอมอภัย จึงถูกประหารชีวิตไปตามกรรม
คราวนี้เล่าปี่มีความชอบมาก โจโฉจึงพาไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่เมืองฮูโต๋ ฮ่องเต้ทรงซักถามประวัติแล้วรู้ว่าเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ระดับพระเจ้าอา จึงตั้งให้เป็นเสนาบดีกรมวัง โจโฉก็ชักจะอิจฉาและไม่ไว้ใจเล่าปี่ จึงลองใจเล่าปี่ด้วยการชักชวนไปกินเลี้ยง แล้วถามว่าเล่าปี่เห็นผู้ใดในแผ่นดินนี้ ที่มีสติปัญญาพอที่จะเป็นใหญ่ได้ เล่าปี่ก็แกล้งอ้างชื่อเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่เคยร่วมกันกำจัดตั๋งโต๊ะ แต่โจโฉบอกว่ามีเพียงสองคนเท่านั้น คือเล่าปี่ กับตัวโจโฉเอง เล่าปี่ก็สะดุ้งใจคิดว่าโจโฉนั้นระแวงตน จึงหาโอกาสอาสาไปปราบอ้วนสุดที่เมืองห้วยหลำ โจโฉก็ให้ทหารห้าหมื่นไปเป็นกำลัง เล่าปี่ก็รีบเร่งยกทัพออกจากเมืองฮูโต๋ไปโดยเร็ว
ต่อมาโจโฉก็ได้ข่าวว่า เมื่อเล่าปี่ไปรบอ้วนสุดนั้น อ้วนสุดแพ้ต้องแตกหนีไปอยู่ตำบลกังเต๋ง และถึงแก่ความตาย ด้วยความช้ำใจ ส่วนเล่าปี่นั้นไม่กลับมาขอทหารไปอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว โจโฉจึงมั่นใจว่าเล่าปี่ทรยศต่อตนแน่ และคิดหาทางกำจัดต่อไป
โจโฉได้เป็นมหาอุปราชผู้มีอำนาจเต็มมาได้สี่ปี ก็เริ่มจะหลงอำนาจมีการกระทำที่ไม่ยำเกรงฮ่องเต้ ทำให้ขุนนางเก่าหลายคนไม่ชอบใจ ซึ่งโจโฉก็รู้ตัวจึงระวังป้องกันด้วยการวางสายสืบไว้ในที่ต่าง ๆ แม้แต่ในพระราชวัง เพื่อรายงานข่าวสารต่าง ๆ ให้ทราบ
วันหนึ่งสายในวังมาบอกว่าตังสินขุนนางผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นพี่ชายของนางตังกุยหุย สนมเอก ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ข้างในแล้วมีอาการน่าสงสัย โจโฉก็คอยดักพบหน้าพระราชวังแต่หลอกล่อต่าง ๆ แล้ว ก็ไม่พบพิรุธแต่อย่างใด จึงปล่อยให้ผ่านไป
อีกวันหนึ่งต่อมา เคงต๋อง บ่าวของตังสิน ก็ได้มาหาโจโฉและเล่าเรื่องราวว่า ตังสินคบคิดกับขุนนางอีกสี่ห้าคน จะกำจัดโจโฉเสีย โจโฉยังไม่เชื่อสนิทจึงให้เอาตัวไปขังไว้ก่อน แล้วก็แกล้งทำเป็นป่วยไข้ปวดศรีษะเป็นกำลัง ให้คนใช้ไปตามเกียดเป๋งหมอหลวงมารักษา เกียดเป๋งก็ต้มยาให้กินขนานหนึ่ง โจโฉก็ให้หมอกินก่อน หมอก็ไม่กินและพยายามจะกรอกยา โจโฉจึงปัดถ้วยยาตกแตก และอิฐที่พื้นก็กร่อนไปตามน้ำยาที่หก โจโฉจึงรู้ว่ายาถ้วยนั้นผสมยาพิษ จึงให้ทหารจับตัวหมอเกียดเป๋งไว้ แล้วให้เอาตัวไปซักซ้อมหาตัวผู้ที่ร่วมมือในสวนดอกไม้ เกียดเป๋งถูกตีเจ็บปวดนัก แต่ก็ไม่ยอมบอกชื่อพรรคพวกในขบวนการ แต่อย่างใด
โจโฉจึงให้จำขังไว้ก่อน พอรุ่งเช้าก็เชิญขุนนางมากินเลี้ยงที่บ้าน ระหว่างการเลี้ยงก็ให้เอาตัวเกียดเป๋งมาทรมาน และแจ้งข้อหาว่าเป็นขบถจะทำร้ายฮ่องเต้และตนผู้เป็นมหาอุปราช และว่าผู้ร่วมมือนั้นมีเจ็ดคนทั้งตัวเกียดเป๋ง ถ้าไม่บอกจะตีให้ตายคาไม้ ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นมีอยู่สี่คนที่กระสับกระส่ายหน้าซีดเป็นพิรุธ เมื่อขุนนางลากลับโจโฉจึงกักตัวขุนนางทั้งสี่นั้นไว้ก่อน แล้วเอาตัวเคงต๋องออกมายืนยัน
เคงต๋งก็ว่าขุนนางทั้งสี่คนนี้ไปปรึกษากันที่บ้านตังสิน คือจูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน และม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง ด้วย ขุนนางทั้งสี่ก็ไม่ยอมรับ อ้างว่าเคงต๋องใส่ร้าย เพราะถูกทำโทษฐานเป็นชู้กับเมียน้อยของตังสิน ในขณะนั้นตังสินบอกป่วยไม่ได้มากินเลี้ยงด้วย ส่วนม้าเท้งนั้นได้กลับไปบ้านเมืองของตนแล้ว โจโฉจึงให้เอาตัวขุนนางทั้งสี่ไปใส่คุกไว้ก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นโจโฉก็พาทหารไปบ้านตังสิน ถามว่าเมื่อวานทำไมจึงไม่ไปกินเลี้ยง ตังสินบอกว่าป่วย โจโฉก็ถามว่าหมอเกียดเป๋งคิดวางยาพิษตนนั้นรู้เรื่องหรือไม่ ตังสินก็ว่าไม่รู้โจโฉจึงให้เอาตัวเกียดเป๋งมาซักถามต่อหน้าตังสิน แล้วก็เฆี่ยนตีจนตังสินแทบจะทนไม่ได้
โจโฉเห็นนิ้วมือเกียดเป๋งด้วนไปนิ้วหนึ่ง ก็ถามว่านิ้วหายไปไหนนิ้วหนึ่ง เกียดเป๋งก็ว่าตนตัดนิ้วมือแล้วสาบานว่าจะฆ่าโจโฉเสียให้ได้ โจโฉจึงให้ตัดนิ้วเกียดเป๋งที่เหลือเสียทั้งเก้านิ้ว แล้วว่าคราวนี้จะทำร้ายตนได้หรือไม่ เกียดเป๋งก็ว่าตนมีปากและลิ้นที่จะด่าแม่โจโฉได้ โจโฉก็สั่งให้ทหารตัดลิ้นเกียดเป๋งเสีย คราวนี้เกียดเป๋งร้องขอว่าจะบอกเนื้อความทั้งหมด ขอให้แก้มัดเสียก่อน โจโฉก็ให้ทหารแก้มัดเกียดเป๋ง แล้วคอยดูว่าเกียดเป๋งจะมีฤทธิ์อย่างไรต่อไป
เกียดเป๋งก็หันหน้าไปทางทิศพระราชวัง กราบถวายบังคมฮ่องเต้ แล้วก็เอาศรีษะฟาดกับเสาศิลาจนศรีษะแตกตายไปต่อหน้าโจโฉและตังสิน โจโฉจึงให้ทหารเชือดเนื้อเกียดเป๋งออกเป็นชิ้น เล็กชิ้นน้อย แล้วตัดศรีษะไปเสียบประจานไว้
จากนั้นโจโฉก็ให้ทหารค้นบ้านของตังสิน จนพบแพรขาวซึ่งเขียนด้วยพระโลหิตของพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีความว่า
“ แต่โจโฉเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงได้สี่ปีแล้ว ทำการหยาบช้าต่าง ๆ จะตั้งขุนนางแลลงโทษผู้ใดก็มิได้ยำเกรง บอกกล่าวให้เรารู้ สุดที่จะอดกลั้นทนทานได้ เราจึงเอาโลหิตในนิ้วมือเขียนอักษรเป็นความลับมาให้แจ้ง แม้ตังสินเห็นขุนนางผู้ใดมีสติปัญญาซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ก็ให้ชักชวนกันทำการกำจัดโจโฉเสียให้จงได้ ตัวเราแลขุนนางกับราษฎรทั้งปวงจะได้อยู่เป็นสุขสืบไป “
และได้รายชื่อผู้ที่ร่วมสาบานตรงกับที่เคงต๋องฟ้อง รวมทั้งเล่าปี่ด้วย โจโฉจึงให้จับตัวตังสินและบุตรภรรยาไปที่บ้านของโจโฉ เอาหนังสือนั้นให้ที่ปรึกษาดูและว่าจะเนรเทศฮ่องเต้ออกจากราชสมบัติเสีย แล้วยกเจ้านายเชื้อพระวงศ์อื่นมาตั้งเป็นฮ่องเต้แทน แต่พวกที่ปรึกษาไม่เห็นด้วย โจโฉจึงให้เอาตัวขุนนางทั้งห้าคนรวมทั้งตังสินกับบุตรภรรยาและพรรคพวก รวมทั้งสิ้นประมาณเจ็ดร้อยเศษ ไปประหารเสียนอกกำแพงเมืองฮูโต๋
แค่นั้นยังไม่หายความแค้น โจโฉจึงเหน็บกระบี่เข้าไปในพระราชวังชั้นใน ซึ่งพระเจ้าเหี้ยนเต้กับนางฮกเฮามเหสีและนางตังกุยหุยน้องของตังสินซึ่งเป็นสนมเอก กำลังปรึกษาหารือกันอยู่ โจโฉก็เล่าเรื่องที่มีผู้คิดร้าย ซึ่งตนจับได้และเอาตัวไปประหารหมดแล้ว ยังเหลือแต่นางตังกุยหุยน้องสาวของตัวหัวหน้าซึ่งจะต้องประหารเสียด้วย ฮ่องเต้กับมเหสีก็ช่วยกันขอร้องไว้ว่านางตังกุยหุยกำลังมีครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว โจโฉก็ว่าจะเอาพันธุ์มันไว้ไม่ได้ นางตังกุยหุยจึงขอร้องให้ฆ่าด้วยวิธีเอาแพรรัดคอเถิด โจโฉก็ให้ทหารลากตัวนางออกไปเอาผ้าแพรขาวรัดคอสิ้นใจตาย
ตั้งแต่นั้นมาโจโฉก็ออกคำสั่งเด็ดขาด ไม่ให้เชื้อพระวงศ์เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ที่พระที่นั่งชั้นใน ถ้าผู้ใดจะเข้าไปต้องมาบอกตนก่อน เมื่อตนอนุญาตจึงจะเข้าไปเฝ้าได้ ผู้ใดขัดขืนจะลงโทษถึงประหารชีวิต และให้โจหองคุมทหารสามพันล้อมพระราชวังไว้.
เมื่อโจโฉปราบขบถวังหลวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือแต่ม้าเท้งกับเล่าปี่ ที่จะต้องจัดการต่อไป จึงยกกองทัพยี่สิบหมื่นออกจากเมืองฮูโต๋ ไปตีเมืองชีจิ๋วและยึดได้ไม่ยาก เล่าปี่กับเตียวหุยแตกหนีไปคนละทาง ส่วนกวนอูอยู่ที่เมืองแห้ฝือ ก็ถูกโจโฉล้อมไว้ แล้วเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนน กวนอูเกรงครอบครัวเล่าปี่จะเป็นอันตราย จึงยอมมอบตัวกับโจโฉ โดยโจโฉยอมให้สัญญาสามข้อ แล้วพากวนอูไปเลี้ยงดูที่เมืองฮูโต๋
แต่กวนอูยังคงภักดีต่อเล่าปี่พี่ร่วมสาบานอยู่ แม้โจโฉจะทำดีด้วยสักปานใด ก็ไม่ยอมยินดีด้วย คงเฝ้ารักษาภรรยาสองคนของเล่าปี่ไม่ให้ผู้ใดกล้ำกราย ตนเองก็อยู่หน้าที่พักของพี่สะใภ้ โจโฉเอาเสื้อใหม่มาให้ กวนอูก็ใส่ไว้ข้างในเอาเสื้อเก่าของเล่าปี่ทับข้างนอก โจโฉเอาม้าชื่อเซ็กเธาว์ ที่ยึดจากลิโป้มาให้ กวนอูจึงดีใจเพราะม้าตัวนี้มีฝีเท้าดีและเดินทางได้ทน จะได้เอาไว้ขี่ไปหาเล่าปี่ โจโฉก็จนปัญญาที่จะเปลี่ยนน้ำใจของกวนอู
ต่อมาอ้วนเสี้ยวยกทัพมาตีเมืองฮูโต๋ โจโฉก็ยกออกไปตั้งรับที่ตำบลแปะแบ๊ กวนอูอยากจะตอบแทนบุญคุณโจโฉ จึงขออาสาไปตีทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว และฆ่างันเหลียงแม่ทัพหน้าตายในพริบตา อ้วนเสี้ยวก็ยกทัพหลวงเข้ามาหนุน แล้วให้บุนทิวทหารเอกฝีมือดีคุมทหารสิบหมื่น เข้าตีกองทัพของโจโฉ ถึงต้องถอยร่นลงมา กวนอูก็ควบม้าเซ็กเธาว์ออกไปสกัดหน้าไว้ แล้วก็ฟันบุนทิวตกม้าตายไปอีกคนหนึ่ง อ้วนเสี้ยวจึงตั้งยันอยู่ไม่ได้ส่งผู้ใดมารบอีก
ทางฝ่ายโจหองอยู่รักษาเมืองยีหลำก็มีใบบอกมาถึงโจโฉ ว่าพวกโจรมีกำลังกล้าแข็งมาทำร้ายราษฎรตามหัวเมืองรอบนอก ขอให้จัดทหารมาช่วย กวนอูก็ขออาสาพาทหารห้าพันไปช่วยอีก ไม่ช้าก็กลับมาแจ้งว่าได้ปราบปรามพวกโจรเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาโจโฉได้ข่าวว่ากวนอูรู้ว่าเล่าปี่ไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว จะขอลาไปหาพี่ชาย โจโฉก็แกล้งอยู่แต่ในที่พัก แล้วปิดประกาศว่าป่วยห้ามคนเข้าพบ กวนอูจึงฝากหนังสือลาให้คนใช้เอาไปให้นายประตูบ้านโจโฉ แล้วก็พาพี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นรถ ตนเองขี่ม้าเซ็กเธาว์ถือง้าวคู่มือ กับทหารสิบกว่าคน ออกเดินทางจากเมืองฮูโต๋ จะไปหาเล่าปี่
โจโฉก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางกวนอูได้ทัน กว่าจะเดินทางไปสุดชายแดน กวนอูก็ฆ่านายด่านระหว่างทางตายไปถึงหกคน และรอดพ้นเงื้อมมือของโจโฉได้ในที่สุด
โจโฉก็รบกับอ้วนเสี้ยวต่อไปและได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด อ้วนเสี้ยวต้องถอยทัพกลับเมืองกิจิ๋ว แล้วก็ป่วยด้วยความตรอมใจจนถึงแก่ความตาย โจโฉก็ยกกองทัพติดตามมาตีเมืองกิจิ๋ว บุตรของอ้วนเสี้ยวสามคนไม่ปรองดองกัน โจโฉจึงตีแตกไปทีละคนจนหมดรวมทั้งหลานอ้วนเสี้ยวอีกคนหนึ่ง โจโฉก็เข้ายึดครองเมืองกิจิ๋วได้ และปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ที่ขึ้นกับเมืองกิจิ๋วได้ทั้งหมด ส่วนเล่าปี่นั้นได้ข่าวว่าหนีไปอยู่ที่เมืองเกงจิ๋วกับเล่าเปียว ซึ่งเป็นญาติผู้พี่
โจโฉก็พักรบไปประมาณหนึ่งปี เพื่อสร้างปราสาทสูงใหญ่ขึ้นที่ริมแม่น้ำเจียงโห ตำบลเงียบกุ๋น เพื่อประกาศชัยชนะครั้งนี้ แล้วก็ยกทัพกลับเมืองฮูโต๋ วางแผนที่จะยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว และเมืองกังตั๋งของซุนกวนต่อไป ในโอกาสหน้า
โจโฉบำรุงกองทัพอยู่จนเข้มแข็งดีแล้ว ก็เตรียมจะยกไปทำสงครามใหญ่ โดยจะตีเมืองเกงจิ๋วแล้วผ่านไปตีเมืองกังตั๋งต่อไป แต่ได้ข่าวว่าเล่าปี่กับกวนอูและเตียวหุยได้พบกันแล้ว กับได้จูล่งเป็น ทหารเอก แล้วอาสาเล่าเปียวออกมารักษาด่านที่เมืองซินเอี๋ย
อีกไม่นานโจหยินที่โจโฉให้อยู่รักษาเมืองห้วนเสีย ก็กลับมารายงานมาว่า ได้ยกทหารไปตีเมืองซินเอี๋ยแล้วแต่ไม่สำเร็จต้องถอยกลับ ฝ่ายเล่าปี่ก็ยกทหารมาตีและยึดเอาเมืองห้วนเสียได้ ต้องเสียทหารไปเป็นหมื่น และวิงวอนขอให้อภัยโทษ
โจโฉก็ยกโทษให้แต่สงสัยว่าเล่าปี่มีดีอะไรจึงสามารถเอาชนะโจหยินได้ โจหยินก็ว่าเล่าปี่มีที่ปรึกษาที่ได้มาใหม่ชื่อตันฮก โจโฉก็ถามที่ปรึกษาว่าใครรู้จักตันฮกบ้าง ที่ปรึกษาคนหนึ่งชื่อเทียหยกจึงบอกว่า ตันฮกนี้เดิมชื่อชีซีอยู่ที่เมืองเองจิ๋ว เป็นคนมีวิชาความรู้และมีเพื่อนมาก ต่อมาได้ฆ่าคนตายแล้วพอถูกจับได้ก็แ