ความขัดแย้งในสังคมไทยดูเหมือนจะไม่มีวันมอดหมดไปได้ง่าย ๆ ความหวังของการปรองดองสมานฉันท์คงยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ใครคือผู้เติมเชื้อไฟแห่งความขัดแย้งให้โหมกระพือยิ่งขึ้น..คำตอบคือ
1.คณะตุลาการและศาล นี่เองคือเครื่องมือเติมเชื้อความขัดแย้งที่สำคัญของกลุ่มอำนาจเก่า เพราะเมื่อใดที่ศาลตัดสินออกนอกหลักการ หรือเกิดข้อถกเถียงเป็นการเลือกปฏิบัติหรือสองมาตรฐาน เมื่อนั้นรอยปริของความขัดแย้งก็แยกขยายยิ่งขึ้น ดังเช่นกรณี ตัดสินว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้ สว.มาจากการเลือกเป็นแนวทางเผด็จการ..หรืออย่างตัดสินว่าการชุมนุมโดยยึดสถานที่ราชการ ขว้างระเบิดมือเป็นการชุมนุมโดยสงบห้ามสลายการชุมนุมเป็นต้น...คำตัดสินแบบนี้มันทำให้เราเกิดความไม่เชื่อมั่นใจการใช้อำนาจของศาลทันที แล้วประชาชนจะหวังพึ่งศาลได้อย่างไร..ความขัดแย้งของกลุ่มที่เห็นต่างยิ่งเพิ่มขึ้น
2.องค์กรอิสระต่าง ๆ เช่น องค์กรสิทธิฯ ปปช. องค์กรเหล่านี้ก็แสดงบทบาทไม่เป็นกลาง คราใดที่ท่านแสดงบทบาทไม่เป็นกลางความไม่เชื่อมั่นก็เกิดขึ้น และทำให้อีกฝ่ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม มององค์กรเหล่านี้อย่างสิ้นหวัง..ตำรวจโดนขว้างระเบิดถึงขนาดเตะระเบิดโชว์ให้เห็นว่าโดนขว้างแน่ๆ องค์กรสิทธิฯไม่พูดซักคำ ...แล้วเขาจะหวังพึ่งท่านได้อย่างไร..ท่านควรละอายแก่ใจควรลาออกเพราะมันทำให้องค์กรพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประเทศในสายตานานาชาติ และสายตาคนในประเทศตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...ผมว่าเอาชาวบ้านไปเป็นประธานองค์กรสิทธิฯ เขายังจะรู้ว่าความเป็นกลางมันคืออะไร...
อย่าดีแต่ว่าคนอื่น หันมามองตัวเองบ้างว่าเราทำอะไรให้เกิดความเป็นกลางขึ้นมากับคนทั้งประเทศได้บ้าง..ถ้าท่านในฐานะตัวแทนคนทั้งประเทศเอียง..ไม่ตรง..คนเขาจะพึ่งใคร..ถ้าท่านทำงานอย่างมีอคติ...ท่านก็ควรพิจารณาตัวเองลาออก..คนทุกคนในสังคมไทยคือคนไทยเขาจะคิดอย่างไรเป็นสิทธิของเขาท่านควรส่งเสริมการคิดการแสดงออกโดยเสมอภาคกัน....นั่นถึงจะเรียกว่าองค์กรกลาง...ถ้าองค์กรกลางเอียงเสียแล้วสังคมก็หมดที่พึ่ง ไม่นานมิคสัญญีก็จะมาเยือน...แล้วท่านรู้ไหมใครคือผู้เติมเชื้อไฟให้เกิดมิคสัญญีในสังคมไทย....
ใครคือผู้เติมเชื้อไฟความขัดแย้งในสังคมไทย
1.คณะตุลาการและศาล นี่เองคือเครื่องมือเติมเชื้อความขัดแย้งที่สำคัญของกลุ่มอำนาจเก่า เพราะเมื่อใดที่ศาลตัดสินออกนอกหลักการ หรือเกิดข้อถกเถียงเป็นการเลือกปฏิบัติหรือสองมาตรฐาน เมื่อนั้นรอยปริของความขัดแย้งก็แยกขยายยิ่งขึ้น ดังเช่นกรณี ตัดสินว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้ สว.มาจากการเลือกเป็นแนวทางเผด็จการ..หรืออย่างตัดสินว่าการชุมนุมโดยยึดสถานที่ราชการ ขว้างระเบิดมือเป็นการชุมนุมโดยสงบห้ามสลายการชุมนุมเป็นต้น...คำตัดสินแบบนี้มันทำให้เราเกิดความไม่เชื่อมั่นใจการใช้อำนาจของศาลทันที แล้วประชาชนจะหวังพึ่งศาลได้อย่างไร..ความขัดแย้งของกลุ่มที่เห็นต่างยิ่งเพิ่มขึ้น
2.องค์กรอิสระต่าง ๆ เช่น องค์กรสิทธิฯ ปปช. องค์กรเหล่านี้ก็แสดงบทบาทไม่เป็นกลาง คราใดที่ท่านแสดงบทบาทไม่เป็นกลางความไม่เชื่อมั่นก็เกิดขึ้น และทำให้อีกฝ่ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม มององค์กรเหล่านี้อย่างสิ้นหวัง..ตำรวจโดนขว้างระเบิดถึงขนาดเตะระเบิดโชว์ให้เห็นว่าโดนขว้างแน่ๆ องค์กรสิทธิฯไม่พูดซักคำ ...แล้วเขาจะหวังพึ่งท่านได้อย่างไร..ท่านควรละอายแก่ใจควรลาออกเพราะมันทำให้องค์กรพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประเทศในสายตานานาชาติ และสายตาคนในประเทศตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...ผมว่าเอาชาวบ้านไปเป็นประธานองค์กรสิทธิฯ เขายังจะรู้ว่าความเป็นกลางมันคืออะไร...
อย่าดีแต่ว่าคนอื่น หันมามองตัวเองบ้างว่าเราทำอะไรให้เกิดความเป็นกลางขึ้นมากับคนทั้งประเทศได้บ้าง..ถ้าท่านในฐานะตัวแทนคนทั้งประเทศเอียง..ไม่ตรง..คนเขาจะพึ่งใคร..ถ้าท่านทำงานอย่างมีอคติ...ท่านก็ควรพิจารณาตัวเองลาออก..คนทุกคนในสังคมไทยคือคนไทยเขาจะคิดอย่างไรเป็นสิทธิของเขาท่านควรส่งเสริมการคิดการแสดงออกโดยเสมอภาคกัน....นั่นถึงจะเรียกว่าองค์กรกลาง...ถ้าองค์กรกลางเอียงเสียแล้วสังคมก็หมดที่พึ่ง ไม่นานมิคสัญญีก็จะมาเยือน...แล้วท่านรู้ไหมใครคือผู้เติมเชื้อไฟให้เกิดมิคสัญญีในสังคมไทย....