มีความคิดลบต่อตัวเองอย่างรุนแรง รู้สึกต่ำต้อยและไร้ค่า

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ
อยากถามว่าใครเคยรู้สึกแบบนี้ และมีวิธีแก้ยังไงบ้างคะ
เราเคยพยายามคิดบวกกับตัวเองหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้ผลเลย เมื่อก่อนไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองมีปัญหา
จนกระทั่งเกิดเหตการณ์หลายครั้งในที่ทำงาน...จนพาลให้เกลียดสังคม คนรอบข้าง ชอบหนีปัญหา
เมื่อไประบายให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่าทำไมเธอรู้สึกแย่กับตัวเองได้ขนาดนั้น ทั้งที่ความสามารถก็มี
อาจจะมากกว่าเพื่อนคนอื่นด้วยซ้ำ หน้าตาก็ไม่ได้แย่อะไรเลย....

ต่อไปนี้ คือความรู้สึกที่เรามีต่อตัวเองค่ะ
ในสังคมที่ทำงาน รู้สึกว่าเราด้อยค่า สู้คนอื่นๆ ไม่ได้เลย ถ้าถามว่าเรื่องอะไร ตอบเลยว่าทุกเรื่องค่ะ
บางทีก็เหมือนตัวเองเป็นโรคประสาท คือเคยตั้งสติแล้วถามตัวเองว่า ทำไมต้องคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเลย
ในเมื่อเปรียบเทียบกับ....... เราก็ไม่อ้วนเท่าเขา หุ่นเรายังดีกว่า (พยายามหาข้อดีมาบอกตัวเอง)
แต่เชื่อมั้ยคะ ว่าลึกๆ แล้วเราก็ยังรู้สึกแย่กับตัวเอง นี่แค่ยกตัวอย่างให้เห็นเฉยๆค่ะ ว่าเราพยายามหาข้อดีให้ตัวเองยังไง

ด้านการทำงาน ลึกๆเราว่าความสามารถของตัวเอง ไม่น้อยหน้าใครหรอก แต่ทำไมไม่กล้าพูด ไม่กล้าเสนอ ไม่กล้าออกไอเดีย
ทำงานด้วยความกดดัน กลัวผิดตลอด ที่แย่กว่านั้นคือ แม้แต่รับโทรศัพท์ ยังพูดค่อยๆ กลัวตอบผิด นายได้ยิน แล้ว
จะโดนด่า....คือเป็นเอามากอ่ะค่ะ

เราก็มานั่งทบทวนว่า ทำไมๆๆๆๆๆ คำตอบที่ได้มันน่าหดหู่มาก เราไม่กล้าโทษว่าเป็นความผิดของใคร
แต่เราว่ามันมีส่วนอยู่บ้างที่ทำให้เราเป็นแบบนี้

ตั้งแต่เด็ก เราโตมาในครอบครัวที่หัวโบราณ ถูกเลี้ยงมาให้อยู่ในกรอบอย่างเคร่งครัด
เราไม่มีสิทธิ์ทำและพูดอะไร เราโดนห้ามตลอด กลายเป็นเราไม่กล้าทำอะไรเลย
เรายังจำฝังใจ มีครั้งนึงที่บ้านไม่ให้เราออกไปเที่ยวกับญาติๆ พูดประมาณว่าสภาพแบบนี้อายเขาเปล่าๆ
เหตุผลของที่บ้านคือ เราไม่สวย เราดูไม่ดีเหมือนคนอื่น
เราเสียใจมาก แอบไปร้องให้ (ตอนนั้นทุกคนออกไปข้างนอกหมดแล้ว)
ที่บ้านชอบพูดจนเราเกลียดๆๆๆๆๆๆ ประโยคที่ว่า อย่างเธอเนี่ยนะ จะทำได้
แม้เราจะพิสูจน์ตัวเองแล้วหลายครั้ง แต่เขาก็ชอบพูดให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองตลอดเวลา

เราควรทำอย่างไรดีคะ เพื่อลบล้างความคิดแย่ออกจากหัวให้หมดไป รวมทั้งความโกรธเกลียดที่มีต่อคนที่บ้านด้วย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
อมยิ้ม01 ..Positive thinking ..ช่วยให้เรามองชีวิตและสิ่งรอบตัวๆ ได้อย่างมีความสุขค่ะ คุณน้อง..
และเมื่อเรามีความสุข ..คนที่อยู่รอบตัวเรา ก็จะรับรู้ได้ถึงความสุข ..คนถึงอยากอยู่ใกล้ๆ
ซึ่งตรงข้ามกับคนมองอะไรเป็น Negative ไปหมด ..เกลียดตัวเอง เกลียดสังคม เกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง
นั่งหน้าเหม็นทั้งวัน ..ใครก็ไม่อยากเข้าใกล้ ..ก็ยิ่งมองโลกในแง่ร้ายหนักเข้าไปอีก
นานๆ เข้าก็กลายเป็นโรคเครียด โรคซึมเศร้า เป็นปัญหาทางจิตไป ..

การมองบวก ..ไม่เหมือนพวกโลกสวยจัดนะคะ .. แบบนั้นก็เกินไป
กลายเป็นคนเชื่อคนง่าย ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนชั่ว ..ตกเป็นเหยื่อได้ง่าย

ในเรื่องของคุณน้อง จขกท. การถูกเลี้ยงดู เพาะบ่มความคิด ความรู้สึกให้ขาดความมั่นใจในตัวเองตั้งแต่เด็ก ก็น่าจะมีส่วน
เพราะตลอดเวลา ไม่เคยได้มีโอกาสแสดงออก
แต่ตอนนี้คุณโตแล้วนะคะ ..เรียนจบ มีงานทำ เป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะแล้ว
เริ่มฝึกฝน และพัฒนาตัวเอง ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ค่ะ ..ก่อนที่จะไปไกล กู่ไม่กลับ ..อย่ามัวคิดวนเวียน เวียนวน ให้จิตตก !

..ให้ลองคิดว่า อดีต เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และจบลงไปแล้ว ..เราย้อนเวลาไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรมันไม่ได้แล้วล่ะ
อย่างคนเคยพูด เคยว่าเรายังไง .. เรื่องมันตั้งแต่โกฏิปีที่แล้ว ..คนพูดเผลอๆ จำไม่ได้แล้วว่าเคยพูดแบบนี้
แต่คุณยังมาจำฝังจิตฝังใจ .. ถามว่า ใครทุกข์ ?
..เรื่องแบบนี้ก็ต้องรู้จักปล่อยวางค่ะ  ลืมๆ มันไปซะบ้าง เก็บพื้นที่ในสมอง ไว้จดจำสิ่งดีๆ ดีกว่าค่ะ

ในบางคน เค้ายังนำคำดูถูก คำสบประมาทเหล่านั้น มาเป็นแรงกระตุ้น ให้พัฒนาตัวเอง
เพื่อเอาชนะ ลบล้างคำสบประมาทด้วยซ้ำ ..
..แต่ คหสต. พี่คิดว่าถ้าจะให้ดี ..พยายามทำให้ดี เพื่อตัวเองได้ประโยชน์ จะดีกว่าการทำเพื่อได้สะใจ นะคะ ..

อีกสิ่งที่จะช่วยได้ คือ "อย่าเปรียบเทียบ"
ที่คุณมีความทุกข์ เศร้าหมองอยู่ทุกวันนี้ เพราะมักจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เช่น เพื่อนร่วมงาน
..ซึ่งต่อให้คิดเข้าข้างตัวเองว่า ชั้นเก่งกว่า ผอมกว่า สวยกว่า หรืออะไรก็ตาม
แต่กลับมาจิตตก เพราะไปเปรียบเทียบ แล้วตั้งถามซ้ำๆ ว่า ทำไม ๆๆๆๆ
..หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่น .. พยายามทำในส่วนของเราให้ดี และดีขึ้นๆ ดีกว่า
แข่งกับตัวเองก่อนก็พอค่ะ

ดังนั้น เรื่องงาน ..เริ่มจากปรับปรุงบุคลิกภาพค่ะ
เลิกพูดอ้อมๆ แอ้มๆ ..ถามคำตอบคำ เหมือนที่โบราณว่า กลัวดอกพิกุลจะร่วง .. หัดพูดจาให้ฉะฉานค่ะ
ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณแม่นเรื่องงาน คุณมีไอเดียดีๆ ก็ต้องกล้านำเสนอ
แรกๆ ใครก็ปอดทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ..อย่างในการประชุม การรายงาน .. ครั้งแรกๆ ก็ปากคอสั่นกัน พูดผิดพูดถูกกันไป
แต่ต่อๆ ไป เมื่อเราเจนเวที ชั่วโมงบินสูงขึ้น ..ก็สบายละ...
..เรื่องพวกนี้ พี่มั่นใจว่าฝึกฝนกันได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรื่องทำผิดพลาด ยิ่งไม่ต้องกังวลจนเกินเหตุค่ะ
..คนที่ไม่เคยทำผิดพลาด ..คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ...คงเคยได้ยินใช่มั้ยคะ
ดังนั้น กล้าๆ หน่อย แล้วจะรุ่งค่ะ
หรือต่อให้เราทำผิดพลาดลงไปจริงๆ ..เราก็ยังได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น และอย่าไปทำผิดซ้ำเรื่องเดิม
ไม่ว่าเรื่องงาน หรือเรื่องชีวิตส่วนตัว

สำหรับเรื่องการคบเพื่อนชาย ..ไม่จำเป็นต้องใจเร็วค่ะ
ค่อยๆ ดูไป แค่คุณเลิกเปรียบเทียบ และดูถูกตัวเองว่าต่ำต้อยด้อยค่า ไม่คู่ควรกับคนดีๆ
..พี่ฝากคำถาม.. งั้นคุณคู่ควรกับกุ๊ย อันธพาล คนสันดานโจรเหรอคะ ?
ถ้าไม่ใช่ เมื่อมีคนดีๆ มาให้ความสนใจในตัวคุณ ก็ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองศึกษานิสัยใจคอกัน
แค่อย่าให้ความอ่อนประสบการณ์ของคุณ ทำให้คุณตกเป็นเหยื่ออันโอชะของคนคิดไม่ดีก็พอ..

ถ้าคุณมีเวลา ลองหาโอกาสไปทำงานด้านจิตอาสาดูบ้าง
คุณจะได้เห็นว่าในสังคมยังมีคนที่ด้อยโอกาสมากมาย ที่เค้าไม่โชคดีได้เรียนจบ มีงานทำอย่างคุณ
..แล้วคุณจะเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเองค่ะ

ฝากไว้ให้ลองคิดดู...ด้วยความปรารถนาดีค่ะ ดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่