บางครั้งก็สับสนกับตัวเอง ทั้งที่มีเพื่อนเยอะ กลุ่มใหญ่ จะทำอะไรก็มีคนคอยแบคอัพให้ตลอด เราก็มีความสุขนะที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมหลายๆอย่าง ได้ลองอะไรใหม่ๆ แต่ลึกๆก็ยังรู้สึกเหงาๆยังไงก็ไม่รุ้ มันมีความสุขนะแต่ก็ไม่ได้เต็มร้อยอ่ะ
ความจริงแรกเริ่มเราเป็นคนขี้อายม๊ากๆๆ สมัยนั้นแค่จะเข้าเซเว่นไปซื้อของคนเดียวยังไม่กล้าเลยค่ะ 55 ตอนอยู่โรงเรียนก็ไม่ค่อยกล้าเปิดบทสนทนา คอยให้เพื่อนเริ่มทักก่อนตลอดหรือถ้าไม่มีคนทักก็นั่งเป็นหินอยู่อย่างนั้น
เวลามีกิจกรรมนี่ก็จะนั่งวาดรูปอย่างเดียวไม่สนอะไรเลยเพราะมันก็ไม่มีใครสนใจเราอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยคุยกับใครหรือคุยไม่เก่งด้วยแหละ
จนมีครั้งนึงเพื่อนในห้องเราเขาแอบนินทากันขำๆว่าเราเป็นเด็กมีปัญหา คุยกับใครไม่รู้เรื่อง ซึ่งเราดันไปได้ยินพอดี ตอนนั้นเรารู้สึกชาไปทั้งตัวเลยค่ะไม่คิดว่าเพื่อนๆบางคนเขาจะมองเราแบบนี้แต่ก็พยายามฮึบสู้ ตัดสินใจย้ายไปนั่งไกลๆแต่เพื่อนกลุ่มนั้นเขาคุยกันเสียงดังกันมาก เราทนฟังต่อไม่ได้เลยไปนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนํ้าแทน
ช่วง ป.5 เป็นช่วงที่เปลี่ยนชีวิตเราจริงๆค่ะ ตอนนั้นเราพยายามเปลี่ยนนิสัยตัวเองให้เข้ากับเพื่อนมากที่สุด ถึงขั้นซ้อมคุยหน้ากระจกเลยด้วย
เราเริ่มคุยกับเพื่อนเก่งขึ้น เริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้น
ตอนนั้นเราไม่ได้เด่นมากในห้องแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด มีเพื่อนอยุ่ 3-4 คน สนิทกันสุดๆ เป็นปีที่ทำให้เรามีความสุขที่สุดในช่วงประถมเลยก็ว่าได้เพราะความชอบเหมือนกัน คุยด้วยแล้วสนุก เวลาปรึกษาอะไรก็ตั้งใจฟัง
จนถึงตอนเราขึ้นมัธยมเราก็เริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนที่เคยคบเมื่อตอน ป.5 ก็เริ่มหายไปมีเพื่อนใหม่เพราะคิดว่าเราไม่สนใจเขาแล้ว พอเรารู้ตัวเราก็พยายามทักแชทไปหาแต่ก็ตอบแค่คำสองคำแล้วก็หายไปเลย
ในกลุ่มเพื่อนใหม่เราก็พยายามทำตัวให้มีภาวะความเป็นผู้นำบ้างในบางช่วงเพราะกลัวที่จะเป็นส่วนเกินในกลุ่ม ยิ่งมีเพื่อนเยอะเรายิ่งรู้สึกอึกอัด มันเหมือนเราต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา คอยเรียนรู้ความชอบเพื่อนแต่ละคน ต้องทำตัวเอนเตอร์เทนตลอดเวลาไม่งั้นเดี๋ยวเพื่อนไม่คบ
เราแฮปปี้นะที่เพื่อนในกลุ่มยังให้ความสนใจเรา ไม่ได้มองเราเป็นส่วนเกิน แต่อีกใจนึงก็คิดถึงเพื่อนเก่าอยากกลับไปคุยด้วย
ตอนนี้รู้สึกไม่เป็นตัวเองแล้ว เหมือนตัวตนจริงๆเรามันหายไปเลยค่ะ สิ่งที่เคยชอบมากๆก็ไม่ค่อยได้สนใจแล้ว สังคมมันมีผลต่อคนเรามากจริงๆค่ะ
เป็นไปได้อยากกลับไป ป.5 แล้วเริ่มต้นใหม่จัง 555
มีเพื่อนแล้วแต่ก็ยังเหงาอยู่เหมือนเดิม *ระบาย*
ความจริงแรกเริ่มเราเป็นคนขี้อายม๊ากๆๆ สมัยนั้นแค่จะเข้าเซเว่นไปซื้อของคนเดียวยังไม่กล้าเลยค่ะ 55 ตอนอยู่โรงเรียนก็ไม่ค่อยกล้าเปิดบทสนทนา คอยให้เพื่อนเริ่มทักก่อนตลอดหรือถ้าไม่มีคนทักก็นั่งเป็นหินอยู่อย่างนั้น
เวลามีกิจกรรมนี่ก็จะนั่งวาดรูปอย่างเดียวไม่สนอะไรเลยเพราะมันก็ไม่มีใครสนใจเราอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยคุยกับใครหรือคุยไม่เก่งด้วยแหละ
จนมีครั้งนึงเพื่อนในห้องเราเขาแอบนินทากันขำๆว่าเราเป็นเด็กมีปัญหา คุยกับใครไม่รู้เรื่อง ซึ่งเราดันไปได้ยินพอดี ตอนนั้นเรารู้สึกชาไปทั้งตัวเลยค่ะไม่คิดว่าเพื่อนๆบางคนเขาจะมองเราแบบนี้แต่ก็พยายามฮึบสู้ ตัดสินใจย้ายไปนั่งไกลๆแต่เพื่อนกลุ่มนั้นเขาคุยกันเสียงดังกันมาก เราทนฟังต่อไม่ได้เลยไปนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนํ้าแทน
ช่วง ป.5 เป็นช่วงที่เปลี่ยนชีวิตเราจริงๆค่ะ ตอนนั้นเราพยายามเปลี่ยนนิสัยตัวเองให้เข้ากับเพื่อนมากที่สุด ถึงขั้นซ้อมคุยหน้ากระจกเลยด้วย
เราเริ่มคุยกับเพื่อนเก่งขึ้น เริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้น
ตอนนั้นเราไม่ได้เด่นมากในห้องแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด มีเพื่อนอยุ่ 3-4 คน สนิทกันสุดๆ เป็นปีที่ทำให้เรามีความสุขที่สุดในช่วงประถมเลยก็ว่าได้เพราะความชอบเหมือนกัน คุยด้วยแล้วสนุก เวลาปรึกษาอะไรก็ตั้งใจฟัง
จนถึงตอนเราขึ้นมัธยมเราก็เริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนที่เคยคบเมื่อตอน ป.5 ก็เริ่มหายไปมีเพื่อนใหม่เพราะคิดว่าเราไม่สนใจเขาแล้ว พอเรารู้ตัวเราก็พยายามทักแชทไปหาแต่ก็ตอบแค่คำสองคำแล้วก็หายไปเลย
ในกลุ่มเพื่อนใหม่เราก็พยายามทำตัวให้มีภาวะความเป็นผู้นำบ้างในบางช่วงเพราะกลัวที่จะเป็นส่วนเกินในกลุ่ม ยิ่งมีเพื่อนเยอะเรายิ่งรู้สึกอึกอัด มันเหมือนเราต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา คอยเรียนรู้ความชอบเพื่อนแต่ละคน ต้องทำตัวเอนเตอร์เทนตลอดเวลาไม่งั้นเดี๋ยวเพื่อนไม่คบ
เราแฮปปี้นะที่เพื่อนในกลุ่มยังให้ความสนใจเรา ไม่ได้มองเราเป็นส่วนเกิน แต่อีกใจนึงก็คิดถึงเพื่อนเก่าอยากกลับไปคุยด้วย
ตอนนี้รู้สึกไม่เป็นตัวเองแล้ว เหมือนตัวตนจริงๆเรามันหายไปเลยค่ะ สิ่งที่เคยชอบมากๆก็ไม่ค่อยได้สนใจแล้ว สังคมมันมีผลต่อคนเรามากจริงๆค่ะ
เป็นไปได้อยากกลับไป ป.5 แล้วเริ่มต้นใหม่จัง 555