โดย : สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล : บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด
สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล : บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด
ต้นปี 2014 ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังยืดเยื้อ นักลงทุนควรลงทุนอะไรดี โบรกฯ มีคำแนะนำดีๆ ให้คุณเลือกลงทุนกัน
สวัสดีครับกลับมาพบกันอีกครั้งแล้ว เดือนแรกของปี 2557 ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ต่างๆ มีเรื่องให้เราได้ตื่นเต้น ติดตามมากมาย ตั้งแต่การลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์ฝั่ง Emerging Market หรือ ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งก็รวมตลาดหุ้นไทยเข้าไปด้วย และเรายังเจอเรื่องการเมืองทำให้บรรยากาศในการลงทุนของเราซบเซา แถมซ้ำร้ายต้นปียังเป็นฤดูกาลขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ยอดที่ครบกำหนดที่จะขายได้อีก ดังนั้นผมไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นตลาดวันแรกก็ร่วงลงไปกว่า 60 จุด ก่อนลงไปเกือบจะแตะ 1,200 จุด หลายคนกลัวว่าจะมีต่ำกว่านี้อีกหรือไม่ แล้วปีนี้ลงทุนอย่างไรดีท่ามกลางสถานการณ์การเมืองแบบนี้ ฉบับนี้ผมจึงเขียนขึ้นมาให้นักลงทุนได้พิจารณาลองดูกันว่าเรามีทางเลือกอย่างไรกันบ้างสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมครับ
การเมืองวุ่นวายไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก เราได้เห็นสภาพการเมืองแบบนี้กันมาหลายครั้งแล้ว มีทั้งจบด้วยการปฏิวัติ หรือจบกันแบบมีความเสียหายเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินต่างๆ แต่ไม่ว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างไร ตลาดหุ้นไทยก็ยังสามารถกลับมาได้ทุกครั้ง นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นขึ้นหรือลงในระยะยาวนั้นไม่ได้ขึ้นกับการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย โดยเฉพาะผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาด ถ้าภาคเอกชนของเรายังแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นยังส่งผลดีให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการเติบโตอยู่ ตลาดหุ้นไทยก็ยังมีโอกาสกลับมาได้เสมอในระยะกลาง - ระยะยาว และทุกครั้งหลังจากที่ปัญหาการเมืองคลี่คลายแล้ว ผมยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถกลับมาได้เหมือนที่ผ่านมา ล่าสุดลองดูผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่เพิ่งจะออกมากันนะครับ
นอกจากนี้ในมุมมองของผู้จัดการกองทุนผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ยังเห็นการปรับลดลงของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้เป็นโอกาส ดังจะเห็นได้จากกองทุน Target Fund ที่เริ่มมีออกมาให้เห็นกันบ้างแล้วนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอย่าเพิ่งรีบกระโดดเข้าไปนะครับ สำรวจตัวเองก่อนว่าเรารับความผันผวนได้หรือไม่ เพราะจังหวะแบบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็น SET Index ผันผวนอยู่นะครับ ลงทุนเข้าไปแล้วรับความผันผวนไม่ได้ รีบขายออกก่อนคงจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่ถ้ารับความผันผวนได้ และมองหาการลงทุนระยะยาวแล้วละก็ ตอนนี้ผมมองว่าเป็นโอกาสดีเลยครับ สัปดาห์แรกของปีนี้ผมเห็นนักลงทุนหลายคนเข้าซื้อ LTF กันตั้งแต่ต้นปีเลยนะครับ
อย่างไรก็ตามทางเลือกของกองทุนรวมนั้นมีมากกว่ากองทุนหุ้นไทยนะครับ เราสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองของเรา โดยลดการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย และกระจายไปยังกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศได้นะครับ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดการลงทุนกลับมายังตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป และญี่ปุ่น แต่ก่อนจะไปลงทุนอย่าลืมนะครับ ว่าการลงทุนต่างประเทศจะต้องรับความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นด้วยนะครับ
ดังนั้นเราควรศึกษาด้วยว่ากองทุนรวมหุ้นต่างประเทศกองทุนใดบ้างที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนบ้างเพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนลง เราจะได้ไม่ต้องตกใจว่าทำไมหุ้นขึ้น แต่มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน (NAV) ของกองทุนรวมไม่ขึ้น หรือขึ้นได้ไม่เท่าที่หวังไว้ครับ
ปีนี้จะเลือกลงทุนอะไรดี?
สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล : บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด
ต้นปี 2014 ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังยืดเยื้อ นักลงทุนควรลงทุนอะไรดี โบรกฯ มีคำแนะนำดีๆ ให้คุณเลือกลงทุนกัน
สวัสดีครับกลับมาพบกันอีกครั้งแล้ว เดือนแรกของปี 2557 ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ต่างๆ มีเรื่องให้เราได้ตื่นเต้น ติดตามมากมาย ตั้งแต่การลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์ฝั่ง Emerging Market หรือ ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งก็รวมตลาดหุ้นไทยเข้าไปด้วย และเรายังเจอเรื่องการเมืองทำให้บรรยากาศในการลงทุนของเราซบเซา แถมซ้ำร้ายต้นปียังเป็นฤดูกาลขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ยอดที่ครบกำหนดที่จะขายได้อีก ดังนั้นผมไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นตลาดวันแรกก็ร่วงลงไปกว่า 60 จุด ก่อนลงไปเกือบจะแตะ 1,200 จุด หลายคนกลัวว่าจะมีต่ำกว่านี้อีกหรือไม่ แล้วปีนี้ลงทุนอย่างไรดีท่ามกลางสถานการณ์การเมืองแบบนี้ ฉบับนี้ผมจึงเขียนขึ้นมาให้นักลงทุนได้พิจารณาลองดูกันว่าเรามีทางเลือกอย่างไรกันบ้างสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมครับ
การเมืองวุ่นวายไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก เราได้เห็นสภาพการเมืองแบบนี้กันมาหลายครั้งแล้ว มีทั้งจบด้วยการปฏิวัติ หรือจบกันแบบมีความเสียหายเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินต่างๆ แต่ไม่ว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างไร ตลาดหุ้นไทยก็ยังสามารถกลับมาได้ทุกครั้ง นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นขึ้นหรือลงในระยะยาวนั้นไม่ได้ขึ้นกับการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย โดยเฉพาะผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาด ถ้าภาคเอกชนของเรายังแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นยังส่งผลดีให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการเติบโตอยู่ ตลาดหุ้นไทยก็ยังมีโอกาสกลับมาได้เสมอในระยะกลาง - ระยะยาว และทุกครั้งหลังจากที่ปัญหาการเมืองคลี่คลายแล้ว ผมยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถกลับมาได้เหมือนที่ผ่านมา ล่าสุดลองดูผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่เพิ่งจะออกมากันนะครับ
นอกจากนี้ในมุมมองของผู้จัดการกองทุนผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ยังเห็นการปรับลดลงของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้เป็นโอกาส ดังจะเห็นได้จากกองทุน Target Fund ที่เริ่มมีออกมาให้เห็นกันบ้างแล้วนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอย่าเพิ่งรีบกระโดดเข้าไปนะครับ สำรวจตัวเองก่อนว่าเรารับความผันผวนได้หรือไม่ เพราะจังหวะแบบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็น SET Index ผันผวนอยู่นะครับ ลงทุนเข้าไปแล้วรับความผันผวนไม่ได้ รีบขายออกก่อนคงจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่ถ้ารับความผันผวนได้ และมองหาการลงทุนระยะยาวแล้วละก็ ตอนนี้ผมมองว่าเป็นโอกาสดีเลยครับ สัปดาห์แรกของปีนี้ผมเห็นนักลงทุนหลายคนเข้าซื้อ LTF กันตั้งแต่ต้นปีเลยนะครับ
อย่างไรก็ตามทางเลือกของกองทุนรวมนั้นมีมากกว่ากองทุนหุ้นไทยนะครับ เราสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการเมืองของเรา โดยลดการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย และกระจายไปยังกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศได้นะครับ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดการลงทุนกลับมายังตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป และญี่ปุ่น แต่ก่อนจะไปลงทุนอย่าลืมนะครับ ว่าการลงทุนต่างประเทศจะต้องรับความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นด้วยนะครับ
ดังนั้นเราควรศึกษาด้วยว่ากองทุนรวมหุ้นต่างประเทศกองทุนใดบ้างที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนบ้างเพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนลง เราจะได้ไม่ต้องตกใจว่าทำไมหุ้นขึ้น แต่มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน (NAV) ของกองทุนรวมไม่ขึ้น หรือขึ้นได้ไม่เท่าที่หวังไว้ครับ