..เมื่อวานอาแปะอ่านเจอกระทู้เซียนท่านหนึ่ง ท่านโพสว่า..
"บมจ.ให้ผลตอบแทนหุ้นกู้เฉลี่ย 4.xx-5.xx % แต่ปันผลเฉลี่ยหุ้นไทยตามจริงอาจได้แค่1.xx-2.xx %...มันต้องคลั่งขนาดไหน..บลาๆๆ ฯลฯ.."
....อาแปะอ่านโพสของท่านเซียน ก็ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียวนะครับ..
ด้วยความที่อาแปะถือในหลัก"กาลามสูตร" คืออย่าเชื่อตามๆกัน ...อย่าเชื่อเพราะเค้าเป็นครูบาอาจารย์..
แต่จงเชื่อเพราะพิจารณาศึกษาพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงอย่างนั้น...จึงควรเชื่อ..
...ด้วย"กาลามสูตร"นี้เอง อาแปะเลยไปค้นคว้าว่าจริงไหมที่ หุ้นกู้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.xx-5.xx %..
ก็ปรากฏว่าได้ข้อมูลตามรูปนี้...หนะครับ
(ขอบคุณข้อมูลจากสื่อประชาชาติและเวบอิไฟแนนท์อย่างสูงครับ..)
....คือหุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ยสูงเกิน 4% เนี่ยมันก็มีจริงนะครับ แต่เป็นบริษัทขนาดกลางถึงเล็ก มันรองรับขนาดเงินของกองทุนไม่ได้มาก อีกทั้งสภาพคล่องก็ต่ำ ความเสี่ยงก็มากกว่าหุ้นกู้ของบริษัทใหญ่ๆ..
ครั้นจะไปซื้อหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่ ดอกเบี้ยก็ต่ำกว่า 4.xx% และระยะเวลาครบสัญญาก็สาม-สี่ปี ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยง จากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและความผันผวนจากผลตอบแทนที่ควรได้จากตลาดหุ้น..
อาแปะมาพิจารณาผลตอบแทนหุ้นกู้ของ ปตท.
....หุ้นกู้ของ ปตท.ระยะเวลาที่สั้นสุดที่จะครบกำหนดปีหน้า ให้ดอกเบี้ยแค่ 2.31% เอง...
แต่หากอาแปะซื้อหุ้น PTT ในวันนี้ที่ราคา 33.00 บาท โอกาสที่อาแปะจะได้รับเงินปันผลของปี2567(รับปีหน้า)อยู่ที่ 1.8 บาท (ค่ากลาง) คิดเป็นเปอร์เซนต์ = 5.45% ...อย่างนี้แล้วอาแปะลงทุนในหุ้น PTT ให้ผลตอบแทนดีกว่าไปลงทุนหุ้นกู้นะครับ..
สรุปว่า..หากอาแปะเป็นผู้จัดการกองทุน ก็คงลงทุนเฉลี่ยกันไปในตราสารหนี้กับตราสารทุน..
ตราสารหนี้ ได้ดอกเบี้ยที่มั่นคง แต่อายุสัญญานานหลายปี เสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วเสียภาษีดอกเบี้ย 15%.. ส่วนภาษีเงินปีนผลหุ้นเสีย 10 % เอง ...คือมันมีหลายปัจจัยที่ต้องคิดนะครับ..
...นักลงทุนอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ไปพิจารณากันนะครับว่า เงินก้อนใหม่ ของกองทุน TESG จะไม่มาตลาดหุ้นอย่างที่เมาท์มอยซ์กันจริงไหม.?
..อย่าเชื่อใคร ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นเซียน เป็นเทพ เป็นผู้หยั่งรู้ ฯลฯ แต่ให้เชื่อการพิจารณาของตนเองด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์...หนะครับ..
อมิตพุทธ..
อรุณสวัสดิ..
สมมุติอาแปะเป็น ผจก.กองทุน อาแปะคงไม่ลงทุนในตราสารหนี้อย่างเดียวแน่ๆ..
"บมจ.ให้ผลตอบแทนหุ้นกู้เฉลี่ย 4.xx-5.xx % แต่ปันผลเฉลี่ยหุ้นไทยตามจริงอาจได้แค่1.xx-2.xx %...มันต้องคลั่งขนาดไหน..บลาๆๆ ฯลฯ.."
....อาแปะอ่านโพสของท่านเซียน ก็ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียวนะครับ..
ด้วยความที่อาแปะถือในหลัก"กาลามสูตร" คืออย่าเชื่อตามๆกัน ...อย่าเชื่อเพราะเค้าเป็นครูบาอาจารย์..
แต่จงเชื่อเพราะพิจารณาศึกษาพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงอย่างนั้น...จึงควรเชื่อ..
...ด้วย"กาลามสูตร"นี้เอง อาแปะเลยไปค้นคว้าว่าจริงไหมที่ หุ้นกู้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.xx-5.xx %..
ก็ปรากฏว่าได้ข้อมูลตามรูปนี้...หนะครับ
(ขอบคุณข้อมูลจากสื่อประชาชาติและเวบอิไฟแนนท์อย่างสูงครับ..)
....คือหุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ยสูงเกิน 4% เนี่ยมันก็มีจริงนะครับ แต่เป็นบริษัทขนาดกลางถึงเล็ก มันรองรับขนาดเงินของกองทุนไม่ได้มาก อีกทั้งสภาพคล่องก็ต่ำ ความเสี่ยงก็มากกว่าหุ้นกู้ของบริษัทใหญ่ๆ..
ครั้นจะไปซื้อหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่ ดอกเบี้ยก็ต่ำกว่า 4.xx% และระยะเวลาครบสัญญาก็สาม-สี่ปี ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยง จากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและความผันผวนจากผลตอบแทนที่ควรได้จากตลาดหุ้น..
อาแปะมาพิจารณาผลตอบแทนหุ้นกู้ของ ปตท.
....หุ้นกู้ของ ปตท.ระยะเวลาที่สั้นสุดที่จะครบกำหนดปีหน้า ให้ดอกเบี้ยแค่ 2.31% เอง...
แต่หากอาแปะซื้อหุ้น PTT ในวันนี้ที่ราคา 33.00 บาท โอกาสที่อาแปะจะได้รับเงินปันผลของปี2567(รับปีหน้า)อยู่ที่ 1.8 บาท (ค่ากลาง) คิดเป็นเปอร์เซนต์ = 5.45% ...อย่างนี้แล้วอาแปะลงทุนในหุ้น PTT ให้ผลตอบแทนดีกว่าไปลงทุนหุ้นกู้นะครับ..
สรุปว่า..หากอาแปะเป็นผู้จัดการกองทุน ก็คงลงทุนเฉลี่ยกันไปในตราสารหนี้กับตราสารทุน..
ตราสารหนี้ ได้ดอกเบี้ยที่มั่นคง แต่อายุสัญญานานหลายปี เสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วเสียภาษีดอกเบี้ย 15%.. ส่วนภาษีเงินปีนผลหุ้นเสีย 10 % เอง ...คือมันมีหลายปัจจัยที่ต้องคิดนะครับ..
...นักลงทุนอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ไปพิจารณากันนะครับว่า เงินก้อนใหม่ ของกองทุน TESG จะไม่มาตลาดหุ้นอย่างที่เมาท์มอยซ์กันจริงไหม.?
..อย่าเชื่อใคร ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นเซียน เป็นเทพ เป็นผู้หยั่งรู้ ฯลฯ แต่ให้เชื่อการพิจารณาของตนเองด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์...หนะครับ..
อมิตพุทธ..
อรุณสวัสดิ..