นาฬิกาของชีวิต....แค่เชื่อแล้วปฏิบัติ ตามสิ่งที่มันควรจะเป็น...ผลที่ตามมา....

เกริ่นนำก่อน นี่เป้นกระทู้ที่สองของวีนะคะ กระทู้แรก เกี่ยวกับการลดความอ้วนที่วีลดลงไปถึง 20 กก ในเวลาประมาณ 400 วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่การออกกำลังกาย และ การกินที่ดี มันก็คงไม่เพียงพอถ้าเรายังใช้ร่างกายผิดเวลาของมันอยู่

เรามาทำความรู้จักคำว่านาฬิกาของชีวิตกันก่อนนะคะ
         ร่างกายมีนาฬิกาชีวิตหรือนาฬิกาชีวภาพ (biological clock) ตั้งอยู่ที่ suprachiasmatic nucleus(SCN)ของสมอง ไฮโพธาลามัส ทำหน้าที่บริหารระบบในร่างกายให้ทำงานสอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมของธรรมชาติ เพราะสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติมีปฏิสัมพันธ์กันตลอดเวลา ประกอบกับ ธรรมชาติไม่หยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นผลมาจากโลกหมุนรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย์ ทำให้โลกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแสงจากดวงอาทิตย์ เกิดเป็นวงจรของวัน(circadian rhythm) ใช้ระยะเวลา 24 ชั่วโมงต่อการหมุนรอบตัวเองของโลก 1 รอบ


ช่วงสว่าง แสงจะกระตุ้น SCN โดยอาศัยตัวรับแสง(melanopsin) ซึ่งอยู่ ที่เรตินา(จอตา) กับที่เส้นใยประสาท retinohypothalamic tract

ช่วงมืด(กลางคืน) ต่อมไพเนียลของสมองจะหลั่งเมลาโทนิน(melatonin) มากระตุ้น SCN เมื่อ SCN ถูกกระตุ้นก็จะส่งสัญญาณผ่านระบบประสาทและฮอร์โมนไปควบคุมการทำงานของอวัยวะ และต่อมต่างๆ เพื่อให้สภาวะร่างกายดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับวงจรของวันในธรรมชาติ ซึ่งได้แก่ อุณหภูมิของร่างกาย, ความดันเลือด, การเต้นของหัวใจ และวงจรการหลับ-ตื่น

เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายมาก โดยชักนำให้เกิดการนอนหลับ ปรับการทำงานของนาฬิกาชีวภาพ ช่วยชะลอความแก่ และป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง

แต่เมลาโทนินจะถูกหลั่งออกมาในช่วงกลางคืนเท่านั้น เนื่องจากถูกยับยั้งโดยแสง แม้แสงจะมีความเข้มต่ำเพียง 0.1 ลักซ์(เทียบได้กับแสงในคืนพระจันทร์เต็มดวง) ก็ส่งผลให้ร่างกายหลั่งเมลาโทนินน้อยลงได้

01.00-03.00 น. ตับ


"เวลานี้ควรนอน" เพราะตับจะหลั่งสารมีลาโทนิน (Meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งสารมีลาโทนินเป็นประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (Endrophin) ออกมาด้วย จึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว โดยหน้าที่หลักของตับคือ ขจัดสารพิษในร่างกาย

ส่วนตัววีเอง อาจจะหลีกเลี่ยงไมได้เป้นบางวันที่ต้องทำงานเข้าเวรตอนกลางคืน จะรู้ได้เลยว่า ถ้าวันไหนเวรสบายเราได้นอน หลับสนิท แค่เพียงช่วงนี้ แม้ว่าอีกทั้งคืนต้องตื่น ก็จะไม่รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงเลย แต่ถ้าไม่ได้ทำงาน วีจะพยายามนอนตั้งแต่ เที่ยงคืนให้ได้ เพื่อให้หลับสนิทช่วงตี1 พอดี

03.00-05.00 น.ปอด
เป็นเวลาที่ควรตื่นนอน ลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์และรับแสงแดดในยามเช้า ผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำ ปอดและผิวดีขึ้น
เราอาจจะไม่สุดโต่งขนาดตื่นมาตี3 แต่ วีจะตื่นตี5 เพื่อมาเตรียมอาหารเช้า และเตรีมตัวออกกำลังเช้า

05.00-07.00 น. ลำไส้ใหญ่

เวลานี้จึงเหมาะที่จะขับถ่ายอุจจาระ รวมถึงปัสสาวะ และควรทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าไม่ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูก และดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว

07.00-09.00 น.กระเพาะอาหาร

กระเพาะอาหารจะทำงาน ถ้ากินอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง
ถ้าใครเป้นคนไม่รับประทานข้าวเช้า สังเกตุได้ว่า สมองจะช้า เบลอ ซึ่งอาหารเช้าของวี จะประกอบไปด้วย แป้ง และโปรตีน ที่ปรุงน้อยที่สุดเป็นหลัก

09.00-11.00 น.ม้าม
ม้ามมีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อย มักมาจากความผิดปกติของม้าม  นอนหลับในช่วงเวลา นี้ ม้ามจะอ่อนแอ ร่างกายช่วงนี้จะมีความตื่นตัวมาก จึงเป็นช่วงที่เหมาะต่อการ ทำงาน/ทำกิจกรรม

เวลา 11.00 – 13.00 น. หัวใจ ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ช่วงนี้ระดับความดันเลือดในร่างกายยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดัง นั้นคนที่หัวใจผิดปกติ ช่วงนี้จะมีเหงื่อออกมากและรู้สึกร้อน อบอ้าว ควรจะงีบ เพื่อให้หัวใจได้พักการทำงาน ถ้ามีพักเที่ยง หลังจากกินข้าวแล้ว วีจะกลับมานอนหลับที่ห้องงพักทุกวันเลยนะคะ อิอิอิ

เวลา 13.00 – 15.00 น.ลำไส้เล็ก ทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมอาหาร หากมื้อกลางวันไม่รับประทานอาหารหรือรับประทานอาหารไม่เพียงพอ ช่วงนี้จะรู้สึกหิวและทรมาน แต่เวลานี้ไม่ควรรับประทานอะไรแล้วนะคะ

เวลา 15.00 – 17.00 น.กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งทำหน้าที่เก็บน้ำกรองจากไต โดยช่วง 17.00 น. เป็นช่วงที่หลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อในร่างกายมีความแข็งแรง จึงเหมาะต่อการออกกำลังกาย

เวลา 17.00 – 19.00 น.ไต เพื่อกรองของเสียออกจากเลือดและรักษาสมดุลในร่างกาย ช่วง 18.30 น. ระดับความดันเลือดจะเพิ่มขึ้นสูงสุด และ ช่วงนี้จึงควรดื่มน้ำสะอาด (ไม่ควรดื่มน้ำเย็น) และไม่ควรนอนหลับในช่วงนี้ เพราะจะทำให้นอนไม่หลับในช่วงกลางคืน

เวลา 19.00 – 21.00 น.เยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของหัวใจ และเป็นช่วงของระบบหมุนเวียนโลหิต ต้องระวังเรื่องตื่นเต้น

เวลา 21.00 – 23.00 น. เป็นช่วง เวลาของระบบทั้ง 3 (triple heater) ได้แก่ ระบบหายใจ ส่งผลต่อร่างกายช่วงบน(หัวใจ-ปอด) ระบบย่อยอาหารมีผลต่อช่วงกลางลำตัว(กระเพาะ อาหาร ม้าม ตับ) และระบบขับถ่ายมีผลต่อร่างกายช่วงล่าง(ไต กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้เล็ก) เป็นช่วงที่ร่างกายปรับสมดุลความร้อนและเป็นช่วงที่อุณหภูมิในร่างกายจะค่อยๆ ลดลง การขับถ่ายอุจจาระจะหยุดพักชั่วคราว ร่างกายจะเริ่มหลั่งเมลาโทนิน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ควรพักผ่อนตามอัทธยาศัย ไม่ไปตาก ลม ทำร่างกายให้อบอุ่น

เวลา 23.00 – 1.00 น.ถุงน้ำดี เพื่อเก็บน้ำดีที่ได้จากตับและส่งน้ำดีมาช่วยย่อยไขมันที่ลำไส้เล็ก ถุงน้ำดีและตับ จึงเป็นอวัยวะที่ทำงานเกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กันอย่างมาก


สรุปช่วงเวลา ระบบที่เกี่ยวข้อง ข้อควรปฏิบัติ

01.00 – 03.00 น. [ตับ] นอนให้หลับสนิท
03.00 – 05.00 น. [ปอด] ตื่นนอน สูดอากาศบริสุทธ์
05.00 – 07.00 น. [ลำใส้ใหญ่] ขับถ่ายอุจจาระ
07.00 – 09.00 น. [กระเพาะอาหาร] กินอาหารเช้า
09.00 – 11.00 น. [ม้าม] พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
11.00 – 13.00 น. [หัวใจ] หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
13.00 – 15.00 น. [ลำไส้เล็ก] งดกินอาหารทุกประเภท
15.00 – 17.00 น. [กระเพาะปัสสาวะ] ทำให้เหงื่อออก(ออกกำลัง)
17.00 – 19.00 น. [ไต] ทำให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงา
19.00 – 21.00 น. [เยื่อหุ้มหัวใจ] สวดมนต์ ทำสมาธิ
21.00 – 23.00 น. [ระบบความร้อนของร่างกาย] ทำร่างกายให้ อบอุ่น
23.00 – 01.00 น. [ถุงน้ำดี] ดื่มน้ำก่อนเข้านอน


จริงๆนี่เป็นเรื่องราวที่คนบางคนอาจจะรู้มาก่อนแล้ว หรือเคยได้อ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ส่วนตัววีเอง ได้พยายาม ปฏิบัติแบบนี้มาประมาณ 3 เดือน มันทำให้เราไม่ต้องหันไปพึ่งพากาแฟ ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และสมองสดชื่นอย่างที่มันควรจะเป็น สมองจดจำอะไรง่าย ไม่เบลอ

การออกกำลังกายอาจจะทำให้ร่างกายเราแข็งแรงก็จริง แต่คนที่หุ่นดีดี ก็อาจจะไม่ใช่คนที่มีสุขภาพดีมากที่สุด ถามตัวเองว่า หลังตื่นนอน คุณมีอาหารภูมิแพ้อากาสไหม มีปัญหาท้องผูกไหม มีปวดหัวระหว่างวันบ้างไหม ถ้ามี แสดงว่าสุขภาพคุณกำลังมีปัญหาแน่นอน นี่เราไม่ต้องเสียเงินซื้อวิตามินอะไรมาบำรุงร่างกายสักบาทเดียว ใช้เครื่องมือแค่เพียงตัวเอง เท่านั้นนะคะ อยากลองให้เพื่อนๆหันมาใช้ชีวิตตามนาฬิการ่างกายตัวเอง กันดู อาจจะไม่เป้ะๆ แต่ก็พยายามเท่าที่เราทำได้ค่ะ

ส่วนตัววีเองเป้นคนที่ไม่เชื่ออะไรถ้าไมไ่ด้ทำด้วยตัวเอง เวลา3เดือนที่ผ่านมาผลที่เปลี่ยนไป
   ขับถ่ายทุกวัน สบายท้อง
   ริดสีดวงไม่กำเริบ
   ภูมิแพ้ตอนเช้าหายไป
   หอบหืดไม่เป็นเลย เมื่อก่อน เป็น ทุกสัปดาห์ แม้ว่าจะออกกลังกายหนักก็ตาม
   มีคนทักว่าขาวขึ้น ไม่ได้กินอะไรเลยนะคะ
   สิวหาย อันนี้ แปลกมาก
สรุปง่ายๆคือแลดูขีวิตง่ายขึ้น มีความสุข ไม่ต้องทุกข์เพราะ ร่างกายที่อ่อนแอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่