สกัดความเครียดด้วย 6 วิธีง่าย ๆ
http://www.readersdigestthailand.co.th/stop-stressing?lid=adviceFeed
ปรัชญาของสุขภาพแบบองค์รวมตระหนักรู้ว่า ร่างกายและจิตใจมีผลต่อกัน ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งเสียสมดุลก็จะมีผลกระทบไปถึงอีกอย่างหนึ่ง คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหลีกเลี่ยงความเครียดได้เสียทั้งหมด แต่ก็มีวิธีปฏิบัติที่ให้ผลในการช่วยรักษาดุลยภาพได้โดยไม่จำเป็นพึ่งยาหรือการดูแลทางการแพทย์ การคร่ำเคร่งทำงาน มีภาระล้นมือ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ เป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อสภาวะเครียดและมีผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตที่เป็นอยู่ที่ดี ลองเยียวยาอย่างฉลาดทันโลกด้วยวิธีต่อไปนี้
ถ้าอยากมีชีวิตที่เป็นสุข เราควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพของเราอย่างครบถ้วน
ปรัชญาของสุขภาพแบบองค์รวมตระหนักรู้ว่า ร่างกายและจิตใจมีผลต่อกัน ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งเสียสมดุลก็จะมีผลกระทบไปถึงอีกอย่างหนึ่ง คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหลีกเลี่ยงความเครียดได้เสียทั้งหมด แต่ก็มีวิธีปฏิบัติที่ให้ผลในการช่วยรักษาดุลยภาพได้โดยไม่จำเป็นพึ่งยาหรือการดูแลทางการแพทย์
สกัดความเครียดด้วยหกวิธีง่าย ๆ
การคร่ำเคร่งทำงาน มีภาระล้นมือ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ เป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อสภาวะเครียดและมีผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตที่เป็นอยู่ที่ดี ลองเยียวยาอย่างฉลาดทันโลกด้วยวิธีต่อไปนี้
1. หัวเราะมากขึ้น การหัวเราะเป็นยาที่วิเศษที่ช่วยขจัดความคิดแง่ลบ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกดี ที่เรียกว่า เอ็นดอร์ฟิน การจัดตั้งชมรมหัวเราะเริ่มเป็นที่นิยมในบางพื้นที่แล้ว
2. ออกกำลังกาย กิจกรรมแบบแอโรบิกช่วยเผาผลาญฮอร์โมนที่สร้างขึ้นเมื่อเราโกรธหรือตึงเครียด หากสามารถออกกำลังกายนอกบ้านได้ อากาศบริสุทธิ์และแสงแดดอ่อน จะช่วยให้จิตใจแจ่มใสยิ่งขึ้น
3. ฝึกหายใจอย่างถูกวิธี ในเวลาที่เกิดความเครียด เรามักหายใจได้ไม่ลึกพอ ความรู้สึกกังวลใจมีผลให้ร่างกายเราหายใจได้เพียงตื้น ๆ ลองหายใจทุก 6 วินาที หรือ 10 ครั้งใน 1 นาที ฝึกอย่างนี้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อสร้างสุขนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ
4. หลีกเลี่ยงจากแรงกระตุ้นที่อาจนำไปสู่สถานการณ์ตรึงเครียด อย่างเช่น หากคุณพบว่าตัวเองมักจะรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องเผชิญกับความแออัด ควรปรับตารางเวลาเสียใหม่เพื่อหลบเลี่ยงการเดินทางในช่วงชั่วเร่งด่วน
5. ทบทวนเรื่องการใช้ยา มีบ่อยครั้งที่สิ่งที่เรากินเพื่อบรรเทาความเครียดมักจะให้ผลตรงกันข้าม อย่างเช่น ยานอนหลับ อาจทำให้คุณเกิดอาการ “งงยา”
ได้ในวันรุ่งขึ้นยาแก้ไอหรือยาลดความดันโลหิตก็อาจมีผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง เช่น หลับได้ไม่ดี
6. ลดบุหรี่ซึ่งมีสารนิโคติน ลดกาแฟและช็อกโกแลตที่มีคาเฟอีน สารเหล่านี้มีผลกระตุ้นแค่ชั่วคราว แต่ก่อผลข้างเคียงอย่างเช่น ทำให้ตื่นเต้นกระวนกระวายใจ
เตือนให้รู้ว่าเครียด
บางครั้งชีวิตก็ยุ่งเหยิงจนยากจะสังเกตรู้ว่ากำลังถูกความเครียดเข้าคุกคามสุขภาพ ถ้าคุณยังมีอาการในข้อใดข้อหนึ่งหรือทุกข้อด้านล่างนี้ ธรรมชาติกำลังเตือนคุณว่าถึงเวลาต้องทำอะสักอย่างแล้ว
- เป็นหวัดหรือเจ็บคอบ่อย
- นอนไม่หลับหรือหลับไม่ดี
- ปวดศีรษะหรือปวดหลัง
- รู้สึกอ่อนเพลีย
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ผิวพรรณมีปัญหา
- อารมณ์ปรวนแปร พลุ่งพล่าน มองทุกอย่างในแง่ลบ
- ท้องไส้และระบบย่อยปั่นป่วน
- จำเป็นต้องพึ่งแอลกอฮอล์ หรือยานอนหลับมากยิ่งขึ้น
สกัดความเครียดด้วย 6 วิธีง่าย ๆ
http://www.readersdigestthailand.co.th/stop-stressing?lid=adviceFeed
ปรัชญาของสุขภาพแบบองค์รวมตระหนักรู้ว่า ร่างกายและจิตใจมีผลต่อกัน ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งเสียสมดุลก็จะมีผลกระทบไปถึงอีกอย่างหนึ่ง คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหลีกเลี่ยงความเครียดได้เสียทั้งหมด แต่ก็มีวิธีปฏิบัติที่ให้ผลในการช่วยรักษาดุลยภาพได้โดยไม่จำเป็นพึ่งยาหรือการดูแลทางการแพทย์ การคร่ำเคร่งทำงาน มีภาระล้นมือ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ เป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อสภาวะเครียดและมีผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตที่เป็นอยู่ที่ดี ลองเยียวยาอย่างฉลาดทันโลกด้วยวิธีต่อไปนี้
ถ้าอยากมีชีวิตที่เป็นสุข เราควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพของเราอย่างครบถ้วน
ปรัชญาของสุขภาพแบบองค์รวมตระหนักรู้ว่า ร่างกายและจิตใจมีผลต่อกัน ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งเสียสมดุลก็จะมีผลกระทบไปถึงอีกอย่างหนึ่ง คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหลีกเลี่ยงความเครียดได้เสียทั้งหมด แต่ก็มีวิธีปฏิบัติที่ให้ผลในการช่วยรักษาดุลยภาพได้โดยไม่จำเป็นพึ่งยาหรือการดูแลทางการแพทย์
สกัดความเครียดด้วยหกวิธีง่าย ๆ
การคร่ำเคร่งทำงาน มีภาระล้นมือ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ เป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อสภาวะเครียดและมีผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตที่เป็นอยู่ที่ดี ลองเยียวยาอย่างฉลาดทันโลกด้วยวิธีต่อไปนี้
1. หัวเราะมากขึ้น การหัวเราะเป็นยาที่วิเศษที่ช่วยขจัดความคิดแง่ลบ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกดี ที่เรียกว่า เอ็นดอร์ฟิน การจัดตั้งชมรมหัวเราะเริ่มเป็นที่นิยมในบางพื้นที่แล้ว
2. ออกกำลังกาย กิจกรรมแบบแอโรบิกช่วยเผาผลาญฮอร์โมนที่สร้างขึ้นเมื่อเราโกรธหรือตึงเครียด หากสามารถออกกำลังกายนอกบ้านได้ อากาศบริสุทธิ์และแสงแดดอ่อน จะช่วยให้จิตใจแจ่มใสยิ่งขึ้น
3. ฝึกหายใจอย่างถูกวิธี ในเวลาที่เกิดความเครียด เรามักหายใจได้ไม่ลึกพอ ความรู้สึกกังวลใจมีผลให้ร่างกายเราหายใจได้เพียงตื้น ๆ ลองหายใจทุก 6 วินาที หรือ 10 ครั้งใน 1 นาที ฝึกอย่างนี้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อสร้างสุขนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ
4. หลีกเลี่ยงจากแรงกระตุ้นที่อาจนำไปสู่สถานการณ์ตรึงเครียด อย่างเช่น หากคุณพบว่าตัวเองมักจะรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องเผชิญกับความแออัด ควรปรับตารางเวลาเสียใหม่เพื่อหลบเลี่ยงการเดินทางในช่วงชั่วเร่งด่วน
5. ทบทวนเรื่องการใช้ยา มีบ่อยครั้งที่สิ่งที่เรากินเพื่อบรรเทาความเครียดมักจะให้ผลตรงกันข้าม อย่างเช่น ยานอนหลับ อาจทำให้คุณเกิดอาการ “งงยา”
ได้ในวันรุ่งขึ้นยาแก้ไอหรือยาลดความดันโลหิตก็อาจมีผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง เช่น หลับได้ไม่ดี
6. ลดบุหรี่ซึ่งมีสารนิโคติน ลดกาแฟและช็อกโกแลตที่มีคาเฟอีน สารเหล่านี้มีผลกระตุ้นแค่ชั่วคราว แต่ก่อผลข้างเคียงอย่างเช่น ทำให้ตื่นเต้นกระวนกระวายใจ
เตือนให้รู้ว่าเครียด
บางครั้งชีวิตก็ยุ่งเหยิงจนยากจะสังเกตรู้ว่ากำลังถูกความเครียดเข้าคุกคามสุขภาพ ถ้าคุณยังมีอาการในข้อใดข้อหนึ่งหรือทุกข้อด้านล่างนี้ ธรรมชาติกำลังเตือนคุณว่าถึงเวลาต้องทำอะสักอย่างแล้ว
- เป็นหวัดหรือเจ็บคอบ่อย
- นอนไม่หลับหรือหลับไม่ดี
- ปวดศีรษะหรือปวดหลัง
- รู้สึกอ่อนเพลีย
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ผิวพรรณมีปัญหา
- อารมณ์ปรวนแปร พลุ่งพล่าน มองทุกอย่างในแง่ลบ
- ท้องไส้และระบบย่อยปั่นป่วน
- จำเป็นต้องพึ่งแอลกอฮอล์ หรือยานอนหลับมากยิ่งขึ้น