ตัดสินใจตรวจรับบ้านด้วยการจ้างบริษัทมาช่วยตรวจ ผมกับแฟนได้เข้าไปทำการตรวจก่อนแล้ว ลิสท์รายการไว้ประมาณหนึ่ง (เกือบร้อยรายการ แต่เป็น defect เรื่องความสวยงามเป็นหลักเพราะดูเรื่องเทคนิคไม่เป็น) เมื่อวานคือวันที่นัดเข้าตรวจรับบ้าน
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็มีการพูดคุยกัน เจ้าหน้าที่แจ้งวิธีการทำงานว่า เค้าจะจัดการตรวจสอบให้ทั้งหมด เมื่อเรียบร้อยก็จะมีการสรุปให้ฟัง ผมเลยถามว่า ผมมีตรวจสอบแล้วบางส่วนจะให้แจ้งระหว่างตรวจหรือตอนสรุปดี เจ้าหน้าที่บอก แจ้งตอนหลังก็ได้ครับ ค่อยเพิ่มเติมอีกที
ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผมก็เกรงใจไม่ได้เข้าไปถามนู่นนี่เท่าไหร่ เพราะเกรงจะเป็นการทำให้เสียสมาธิในการตรวจ จึงปล่อยเจ้าหน้าที่ทำงานไป ระหว่างนั้นมีบ้างที่เข้าไปพูดคุยแต่ส่วนใหญ่คือ จังหวะที่เจ้าหน้าที่พูดคุยกับช่างโครงการ เลยเข้าไปฟังและสอบถามเพิ่มเติม แต่ก็แค่ 3-4 ครั้งเท่านั้น
จนสุดท้ายหลังตรวจไปสี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็มาสรุปให้ฟัง โดยมีช่างโครงการและเซลล์มาร่วมฟังด้วย
สรุปว่าการตรวจโดยรวมไม่มีปัญหาใหญ่นัก จะมีแค่เรื่องความสวยงามและการเก็บรายละเอียด อย่างเช่น เรื่องกระเบื้องพื้น (ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมซีเรียส เพราะระหว่างก่อสร้างมีการนำวัสดุมากองไว้ และทำให้เกิดรอยขูดขีดมากมาย ไม่ต้องเพ่งก็เห็นได้ บ้านพี่ชายผมอยู่ตั้ง 6 ปี ลากโต๊ะ เก้าอี้ไปมา รอยยังไม่เยอะขนาดนี้เลย) แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า รอยพวกนี้แก้ไขได้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะจะทำให้เสียหายเยอะ ให้ทางโครงการใช้น้ำยาเพื่อกลบรอย …..
หลังจากนั้นก็มีอีกหลายดอก เช่น
- บันไดเอียง เจ้าหน้าที่ก็พูดว่า มันเป็นเรื่องความสวยงาม ไม่มีผลกับการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องแก้ก็ได้
- กระเบื้องห้องน้ำสีเพี้ยน เจ้าหน้าที่ก็พูดว่า ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปลี่ยน
ในความรู้สึกคือ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลได้ถูกต้อง อย่างกระเบื้องพื้นถ้ามีการแก้ไขมันจะเสียหายเยอะ แต่คำว่าเสียหายเยอะมันคือโครงการเสียหายเพราะเค้าต้องรื้อกระเบื้อง สีกระเบื้องอาจไม่เหมือนเดิม หรือกระเบื้องข้างเคียงที่รื้อจะแตก ทำให้ต้องเปลี่ยนเยอะ ซึ่งโครงการควรจะเป็นคนบอกผมถึงเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรทำ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตรวจรับมาพูดเอง จนทำให้ผมไม่รู้จะไปคุยกับช่างยังไง มาแบบนี้ช่างก็อ้างได้ว่าก็เจ้าหน้าที่ที่คุณจ้างมาก็บอกเอง
แถมสุดท้ายจุดที่ผมตรวจพบนึกว่าเค้าจะมารับฟังตอนสรุปและเพิ่มเติมเข้าไป แต่เค้ากลับบอกว่า ให้ลูกค้าทำรายงานและแนบรายงานเค้าเข้าไปอีกที !!
เจ้าหน้าที่มาสองคน คนนึงเป็นหัวหน้าทีมซึ่งคือคนที่ทำให้เสียความรู้สึก คุณควรสรุปงานตามปัยหาที่ตรวจพบ หากจะบอกถึงเหตุผลว่าจุดไหนควรแก้หรือไม่ควรก็น่าจะบอกกับลูกค้าส่วนตัว ไม่ควรพูดไปต่อหน้าช่าง จนทำให้ลูกค้าพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะจากที่ต้องโต้แย้งกับช่างโครงการ กลายเป็นโต้แย้งกับช่างและคนที่เราจ้างมาตรวจ
เจ้าหน้าที่อีกคน ผมพอใจมากกว่า เพราะในขณะตรวจสอบผมได้เห็นเค้าคุยกับช่างถึงปัญหา และเมื่อช่างโต้แย้ง เจ้าหน้าที่ก็แย้งกลับด้วยหลักเหตุผลความปลอดภัย ซึ่งสุดท้ายช่างก็ต้องยอม และรับปากแก้ไขให้ มันควรจะเป็นแบบนี้มากกว่า
ข้อดีของการจ้างตรวจบ้านก็ยังมี คือ หลายๆ จุดที่เค้าตรวจพบก็เป็นจุดที่ผมตรวจเองไม่พบ หรือไม่ทราบวิธีตรวจสอบที่ถูกต้อง เช่น เรื่องไฟฟ้า เรื่องสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ (เจ้าหน้าที่คนที่สองเค้าโยกโถส้วมดูความแข็งแรง ซึ่งพบว่าช่างติดตั้งไม่แข็งแรง โยกได้และยาแนวแตก) เรื่องงานใต้ฝ้า เรื่องรอยรั่วซึมที่ขอบกระจก (เจ้าหน้าที่คนที่สองเดินเอาน้ำฉีดรอบบ้าน) การตรวจสอบตู้ไฟเมน (เจ้าหน้าที่คนที่สองตรวจพบว่าใช้สายไฟเบอร์ 16 รับไฟได้เพียง 50 แอมป์แปร์ แต่ตัวเบรคเกอร์กลับเป็น 80 แอมป์แปร์ หากใช้ไฟเกินเบรคเกอร์ก็ไม่ตัด แต่สายไฟอาจร้อนจนเสียหายได้)
สุดท้ายสิ่งที่ผมพบคือ การจ้างตรวจบ้านหากไม่ได้เจ้าหน้าที่ที่เก่งในการต่อรองกับโครงการ ผมว่าเจ้าของบ้านก็อาจเหนื่อยเพิ่มขึ้นได้
เสียความรู้สึกนิดหน่อยกับการจ้างตรวจรับบ้าน
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็มีการพูดคุยกัน เจ้าหน้าที่แจ้งวิธีการทำงานว่า เค้าจะจัดการตรวจสอบให้ทั้งหมด เมื่อเรียบร้อยก็จะมีการสรุปให้ฟัง ผมเลยถามว่า ผมมีตรวจสอบแล้วบางส่วนจะให้แจ้งระหว่างตรวจหรือตอนสรุปดี เจ้าหน้าที่บอก แจ้งตอนหลังก็ได้ครับ ค่อยเพิ่มเติมอีกที
ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผมก็เกรงใจไม่ได้เข้าไปถามนู่นนี่เท่าไหร่ เพราะเกรงจะเป็นการทำให้เสียสมาธิในการตรวจ จึงปล่อยเจ้าหน้าที่ทำงานไป ระหว่างนั้นมีบ้างที่เข้าไปพูดคุยแต่ส่วนใหญ่คือ จังหวะที่เจ้าหน้าที่พูดคุยกับช่างโครงการ เลยเข้าไปฟังและสอบถามเพิ่มเติม แต่ก็แค่ 3-4 ครั้งเท่านั้น
จนสุดท้ายหลังตรวจไปสี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็มาสรุปให้ฟัง โดยมีช่างโครงการและเซลล์มาร่วมฟังด้วย
สรุปว่าการตรวจโดยรวมไม่มีปัญหาใหญ่นัก จะมีแค่เรื่องความสวยงามและการเก็บรายละเอียด อย่างเช่น เรื่องกระเบื้องพื้น (ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมซีเรียส เพราะระหว่างก่อสร้างมีการนำวัสดุมากองไว้ และทำให้เกิดรอยขูดขีดมากมาย ไม่ต้องเพ่งก็เห็นได้ บ้านพี่ชายผมอยู่ตั้ง 6 ปี ลากโต๊ะ เก้าอี้ไปมา รอยยังไม่เยอะขนาดนี้เลย) แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า รอยพวกนี้แก้ไขได้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะจะทำให้เสียหายเยอะ ให้ทางโครงการใช้น้ำยาเพื่อกลบรอย …..
หลังจากนั้นก็มีอีกหลายดอก เช่น
- บันไดเอียง เจ้าหน้าที่ก็พูดว่า มันเป็นเรื่องความสวยงาม ไม่มีผลกับการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องแก้ก็ได้
- กระเบื้องห้องน้ำสีเพี้ยน เจ้าหน้าที่ก็พูดว่า ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปลี่ยน
ในความรู้สึกคือ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลได้ถูกต้อง อย่างกระเบื้องพื้นถ้ามีการแก้ไขมันจะเสียหายเยอะ แต่คำว่าเสียหายเยอะมันคือโครงการเสียหายเพราะเค้าต้องรื้อกระเบื้อง สีกระเบื้องอาจไม่เหมือนเดิม หรือกระเบื้องข้างเคียงที่รื้อจะแตก ทำให้ต้องเปลี่ยนเยอะ ซึ่งโครงการควรจะเป็นคนบอกผมถึงเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรทำ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตรวจรับมาพูดเอง จนทำให้ผมไม่รู้จะไปคุยกับช่างยังไง มาแบบนี้ช่างก็อ้างได้ว่าก็เจ้าหน้าที่ที่คุณจ้างมาก็บอกเอง
แถมสุดท้ายจุดที่ผมตรวจพบนึกว่าเค้าจะมารับฟังตอนสรุปและเพิ่มเติมเข้าไป แต่เค้ากลับบอกว่า ให้ลูกค้าทำรายงานและแนบรายงานเค้าเข้าไปอีกที !!
เจ้าหน้าที่มาสองคน คนนึงเป็นหัวหน้าทีมซึ่งคือคนที่ทำให้เสียความรู้สึก คุณควรสรุปงานตามปัยหาที่ตรวจพบ หากจะบอกถึงเหตุผลว่าจุดไหนควรแก้หรือไม่ควรก็น่าจะบอกกับลูกค้าส่วนตัว ไม่ควรพูดไปต่อหน้าช่าง จนทำให้ลูกค้าพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะจากที่ต้องโต้แย้งกับช่างโครงการ กลายเป็นโต้แย้งกับช่างและคนที่เราจ้างมาตรวจ
เจ้าหน้าที่อีกคน ผมพอใจมากกว่า เพราะในขณะตรวจสอบผมได้เห็นเค้าคุยกับช่างถึงปัญหา และเมื่อช่างโต้แย้ง เจ้าหน้าที่ก็แย้งกลับด้วยหลักเหตุผลความปลอดภัย ซึ่งสุดท้ายช่างก็ต้องยอม และรับปากแก้ไขให้ มันควรจะเป็นแบบนี้มากกว่า
ข้อดีของการจ้างตรวจบ้านก็ยังมี คือ หลายๆ จุดที่เค้าตรวจพบก็เป็นจุดที่ผมตรวจเองไม่พบ หรือไม่ทราบวิธีตรวจสอบที่ถูกต้อง เช่น เรื่องไฟฟ้า เรื่องสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ (เจ้าหน้าที่คนที่สองเค้าโยกโถส้วมดูความแข็งแรง ซึ่งพบว่าช่างติดตั้งไม่แข็งแรง โยกได้และยาแนวแตก) เรื่องงานใต้ฝ้า เรื่องรอยรั่วซึมที่ขอบกระจก (เจ้าหน้าที่คนที่สองเดินเอาน้ำฉีดรอบบ้าน) การตรวจสอบตู้ไฟเมน (เจ้าหน้าที่คนที่สองตรวจพบว่าใช้สายไฟเบอร์ 16 รับไฟได้เพียง 50 แอมป์แปร์ แต่ตัวเบรคเกอร์กลับเป็น 80 แอมป์แปร์ หากใช้ไฟเกินเบรคเกอร์ก็ไม่ตัด แต่สายไฟอาจร้อนจนเสียหายได้)
สุดท้ายสิ่งที่ผมพบคือ การจ้างตรวจบ้านหากไม่ได้เจ้าหน้าที่ที่เก่งในการต่อรองกับโครงการ ผมว่าเจ้าของบ้านก็อาจเหนื่อยเพิ่มขึ้นได้