มาตรา 130 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งบัญญัติว่า
"ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกัน ของรัฐสภา สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียง ลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใด มิได้
เอกสิทธิ์ตามวรรคหนึ่งไม่คุ้มครองสมาชิกผู้กล่าวถ้อยคำในการประชุมที่มีการถ่ายทอด ทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ หากถ้อยคำที่กล่าวในที่ประชุมไปปรากฏนอกบริเวณรัฐสภา และการกล่าวถ้อยคำนั้นมีลักษณะเป็นความผิดทางอาญาหรือละเมิดสิทธิในทางแพ่งต่อบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่รัฐมนตรีหรือสมาชิกแห่งสภานั้น.."
แล้ว ศาล รธน. กับ ปปช. ทำไม ไม่หยิบ ยก ขึ้นมาไว้ในข้อกฎหมายละครับ งง..หรือว่าชัดเจน ว่า จะเอาแต่กฎหมายที่ จัดการฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายใด ได้ก็พอ อย่าลืมนะครับ ประชาชนไม่ใช้คนโง่อย่างที่คิดนะครับ ทำอะไรเกรงใจกันบ้าง
อยากถามว่า มาตรา 130 แห่ง รธน.50 ยังใช้กันอยู่หรือเปล่าครับ หรือเลิกใช้ไปแล้ว
"ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกัน ของรัฐสภา สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียง ลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใด มิได้
เอกสิทธิ์ตามวรรคหนึ่งไม่คุ้มครองสมาชิกผู้กล่าวถ้อยคำในการประชุมที่มีการถ่ายทอด ทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ หากถ้อยคำที่กล่าวในที่ประชุมไปปรากฏนอกบริเวณรัฐสภา และการกล่าวถ้อยคำนั้นมีลักษณะเป็นความผิดทางอาญาหรือละเมิดสิทธิในทางแพ่งต่อบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่รัฐมนตรีหรือสมาชิกแห่งสภานั้น.."
แล้ว ศาล รธน. กับ ปปช. ทำไม ไม่หยิบ ยก ขึ้นมาไว้ในข้อกฎหมายละครับ งง..หรือว่าชัดเจน ว่า จะเอาแต่กฎหมายที่ จัดการฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายใด ได้ก็พอ อย่าลืมนะครับ ประชาชนไม่ใช้คนโง่อย่างที่คิดนะครับ ทำอะไรเกรงใจกันบ้าง