ในปัจจุบัน รัฐสภาของไทยประกอบด้วย 2 สภา นั่นคือสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้น เมื่อมีการเสนอโดยคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามจำนวนที่กำหนดตามรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นจึงนำเข้าสู่การพิจารณาและให้ความเห็นชอบโดยวุฒิสภา
แต่ถ้าเกิดกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรครบวาระหรือถูกยุบ ก็จะส่งผลให้การประชุมวุฒิสภาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ส่งผลให้ร่างพระราชบัญญัติที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ในชั้นของวุฒิสภาไม่สามารถพิจารณาต่อไปได้
มาตรา ๑๒๖ ในระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าด้วยเหตุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ หรือเหตุอื่นใด จะมีการประชุมวุฒิสภามิได้ เว้นแต่
(๑) มีกรณีที่รัฐสภาต้องดำเนินการตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๑๗๗
(๒) มีกรณีที่วุฒิสภาต้องประชุมเพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งใดตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
เมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่ง ให้วุฒิสภาดำเนินการประชุมได้ โดยให้ประธานวุฒิสภานำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
ในกรณีตาม (๑) ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภา แต่การให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๗ ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
ทั้งนี้ผมมีความเห็นว่าเราควรจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสามารถเป็นไปด้วยความต่อเนื่อง โดยให้เพิ่ม (๓) คือ
(๓) มีกรณีที่มีร่างพระราชบัญญัติหรือการให้ความเห็นชอบพระราชกำหนดอยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา
และขอให้เพิ่มวรรคสี่ของมาตรานี้ คือ
ในกรณีตาม (๓) ให้วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบพระราชกำหนดก่อน ส่วนร่างพระราชบัญญัติใดที่วุฒิสภาจะนำมาพิจารณา ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
คิดเห็นอย่างไรก็ลองเมนต์มาได้นะครับ
ข้อเสนอแนะในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
แต่ถ้าเกิดกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรครบวาระหรือถูกยุบ ก็จะส่งผลให้การประชุมวุฒิสภาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ส่งผลให้ร่างพระราชบัญญัติที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ในชั้นของวุฒิสภาไม่สามารถพิจารณาต่อไปได้
มาตรา ๑๒๖ ในระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าด้วยเหตุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ หรือเหตุอื่นใด จะมีการประชุมวุฒิสภามิได้ เว้นแต่
(๑) มีกรณีที่รัฐสภาต้องดำเนินการตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๑๗๗
(๒) มีกรณีที่วุฒิสภาต้องประชุมเพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งใดตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
เมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่ง ให้วุฒิสภาดำเนินการประชุมได้ โดยให้ประธานวุฒิสภานำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
ในกรณีตาม (๑) ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภา แต่การให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๗ ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
ทั้งนี้ผมมีความเห็นว่าเราควรจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสามารถเป็นไปด้วยความต่อเนื่อง โดยให้เพิ่ม (๓) คือ
(๓) มีกรณีที่มีร่างพระราชบัญญัติหรือการให้ความเห็นชอบพระราชกำหนดอยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา
และขอให้เพิ่มวรรคสี่ของมาตรานี้ คือ
ในกรณีตาม (๓) ให้วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบพระราชกำหนดก่อน ส่วนร่างพระราชบัญญัติใดที่วุฒิสภาจะนำมาพิจารณา ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
คิดเห็นอย่างไรก็ลองเมนต์มาได้นะครับ