เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 65

กระทู้สนทนา
ตอนที่แล้วค่ะ  ตอนที่ 63-64 http://ppantip.com/topic/31298656

ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose

ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
เพจนี้เป็นเพจกลุ่มค่ะ ของนักเขียน 3 คน
คือ วรรณศุกร์ / ดาวรดา /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl


ตอนที่ 65



                  เคียงฟ้ากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า  ภูวิษะเจ้าบุรุษทรงเสน่ห์ ผู้เชื่อมั่นในรักเดียว เป็นบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่กุมหัวใจหล่อนมาแสนนานจนข้ามกาลเวลา รักนั้นไม่เคยคลาย แต่มาบัดนี้แง่มุมอันดุร้ายที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน  ความเกรี้ยวกราดอันน่าสะพรึงนั้นทำให้หญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิดปากไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น


                  ร่างเล็กของศรีดาราสะดุ้งขึ้นมาทุกครั้งที่หวายหวดลงมากระทบหลัง นางกรีดร้องออกมาจนแทบจะหมดเสียง แต่เจ้านาคราชมิได้ยั้งมือลงแม้แต่น้อย  คล้ายว่าความเจ็บปวดเจียนคลั่งที่ถูกพระชายากระทำนั้น ถูกถ่ายทอดลงไปพร้อมๆ กับโทษทัณฑ์ที่ศรีดาราได้รับ  


                  “พอแล้ว เดี๋ยวพี่ศรีดาราก็ตายกันพอดี!!” หญิงสาวยกมือขึ้นห้าม พลางคุกเข่าลงไปกอดเท้าเขา


                  “มหิตา! เร็วสิมาช่วยขอร้อง...” แต่คำขอนั้นดูจะสูญเปล่าเมื่อมหิตาเทวีหวาดกลัวความพิโรธขององค์สวามีจนสิ้นสติไปมิทันได้ช่วยเหลือศรีดารา  สร้างความโกลาหลขึ้นคำรบสอง  ภูวิษะเจ้าชะงักไปชั่วครู่


                  “พานางเข้าห้องไป! แล้วลั่นดานไว้” ทรงหันไปสั่งคุณท้าว ซึ่งกำลังประคองนางเทวี  จากนั้นก็ลงมือหวดศรีดาราต่อ


                  “อาจารย์คะ...ช่วยด้วย ช่วยห้ามเขาที ไม่งั้นพี่ศรีดาราตายแน่” หล่อนวิ่งมาหาผู้เป็นอาจารย์  แต่วิมุตติมิได้ตอบอะไรยังคงนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงสายตาที่มองศรีดาราอย่างเวทนา


                  “อาจารย์?!!” ในขณะที่เคียงฟ้าเอาแต่เขย่าร่างสูงเพื่อขอความช่วยเหลือ  เจ้านาคราชที่กำลังหวดหวายลงหลังศรีดาราไปสุดแรงด้วยความพิโรธจัดอยู่นั้น จู่ๆ ปาหวายทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี แล้วสะบัดพระพักตร์เดินไปอีกทาง


                   “ศรีดารา!! เป็นอย่างไรบ้าง?” นางกำนัลที่มุงดูเหตุการณ์อยู่จึงพากันกรูมายังร่างน้อยที่ยับเยิบอยู่บนลาน  จึงพบว่าศรีดาราสลบไปเสียแล้ว  เลยช่วยกันแกะเชือกที่มัดมือนางออก


                   “จะทำอย่างไรดี  พานางเข้าไปพักในห้องดีหรือไม่?”


                   “ยังจะถามอะไรอีก รีบๆ พาไปสิ!!” เคียงฟ้าตวาดใส่พวกนาง แต่เมื่อเห็นคนเหล่านั้นยังละล้าละลังก็โมโหนัก


                   “รออะไรอยู่? คนจะตายอยู่แล้ว ไม่เห็นเหรอ พาเข้าห้องไปแล้วตามหมอมา” แต่อนิจจาเสียงของหล่อนไม่มีใครได้ยิน


                  “พวกนางไม่กล้าหรอก  กลัวว่าถ้าพาไปรักษาจะโดนอาญาไปด้วย”  คนข้างตัวเป็นฝ่ายให้คำอธิบายแทน  หญิงสาวหันขวับไปมองด้วยความไม่เข้าใจ


                “ต้องรอให้ภูวิษะอนุญาต”  ฟังแค่นั้นน้ำตาอุ่นๆ ของหล่อนก็ทะลักออกมา


               “เจ้าภูจะยอมหรือคะ เขาใจดำขนาดนี้ ทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอ”


               “หรือจะให้เขาตัดคอศรีดารา  ภูวิษะอาจจะทำไปด้วยความโมโห แต่การชิงโทษคนของตนเองก่อนดีกว่าเรื่องไปถึงตำหนักหลวง เมื่อนั้นศรีดาราไม่รอดแน่”  ได้ฟังดังนี้หล่อนจึงได้สติขึ้นมาบ้าง


               “แล้วจะทำยังไงดีคะ? จะช่วยพี่ศรีดารายังไง”


               “ไม่ต้องทำอะไร  ปล่อยให้มันเป็นไป”


               “แต่ว่า...” เคียงฟ้ากำลังจะเถียง แต่เมื่อเห็นนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งกุลีกุจอเข้ามา


              “ท่านภูวิษะมิได้รับสั่งให้เอานางไปขังคุก!” เสียงนั้นยินดีนัก


              “งั้นท่านรับสั่งว่าอย่างไร?”


              “มิได้รับสั่งใดๆ  ข้าก็เลย...ทูลไปว่านางสลบไปแล้ว  ขอพานางกลับเรือนไปก่อน”


              “ท่านอนุญาต”


             “ท่านมิได้ตอบ  แต่มิได้ปฏิเสธ  ข้าก็เลยรีบกราบขอบพระทัย”


             “เจ้าฉลาดนัก!” หลายคนชมนาง แล้วจึงค่อยยิ้มออกมาบ้าง จากนั้นก็ช่วยกันหิ้วปีกประคองร่างอ่อนปวกเปียกของศรีดาราไปยังเรือนพัก


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



                ก่อนแสงสางของตะรุ่งจะเยือนท้องฟ้า  จุมภะปุระคล้ายว่ามิได้หลับนอนมาตลอดราตรี  พร้อมใจกันรับฟังข่าวคราวจากสงคราม  ม้าเร็วรีบเร่งผ่านประตูเมืองเข้ามายังตำหนักหลวงแล้วทูลความเป็นไปให้พระบาทเจ้าทราบ แม้ภูวิษะเจ้าจะมิได้ไปเข้าเฝ้าก็ทรงทราบผลการศึกนั้นได้ด้วยตนเอง  


                ดวงพักตร์สง่างามบัดนี้หมองไปด้วยความสังเวชยิ่งเมื่อมีทหารมากราบทูลถึงตำหนัก ว่าทัพจุมภะพ่ายศึกเมืองปาลอย่างที่ไม่น่าจะพ่าย  ทั้งหมดนี้เพราะผู้นำการศึกหนีหายจากทัพ ทำให้การประสานงานไม่เป็นไปอย่างที่ควร  แผนการที่ภูวิษะเจ้าตั้งพระทัยจะเป็นทัพหน้าเข้าตีตรงๆ แล้วให้ทัพรองค่อยตีขนาบข้างยามเมื่อทัพเมืองปาลออกมาจากนอกธานี  เพราะเมืองปาลเป็นเมืองเล็กมีทางเข้าออกทางเดียว เมื่อปล่อยทัพออกมาแล้วก็จะปิดประตูเมือง หากล้อมทัพแล้วตีขนาบสองด้าน ชัยชนะก็จะได้มาโดยง่าย


                แต่แผนล้มเหลวเมื่อทัพหน้ารีรอไม่พิชิตเมือง  ทัพรองที่รอตีขนาบก็ไม่ได้สัญญาณนัดหมาย จึงมิได้ลงไปช่วยเมื่อทัพเมืองปาลออกมาป้องกันเมือง  เมื่อรูปทัพไม่เป็นขบวนเพราะขาดการผู้สั่งการ แผนที่วางไว้จนจึงล้มครืนส่งผลให้พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า ความเสียหายนั้นเกินกว่าผู้ใดจะคาดถึง  ปาลปุระก็ได้ชัยโดยไม่คาดหมายจากเมื่อแรกคิดหวังเพียงรักษาเมืองเอาไว้ให้เท่านั้น มิคาดว่าจะปราบศึกได้อย่างราบคาบเช่นนี้


               “ท่านภูวิษะ  พระบาทเจ้ารับสั่งให้เข้าเฝ้าบัดเดี๋ยวนี้” ทหารเชิญพระราชสารมาถึงตำหนัก  


               เจ้านาคราชมิได้บรรทมตลอดทั้งคืน ดวงเนตรนั้นแดงก่ำด้วยความคร่ำเครียด เมื่อได้รับคำสั่งก็ลุกขึ้นพร้อมเข้าเฝ้าทันที


               “ท่านภูวิษะ...พระบาทเจ้าเรียกหา จะทำอย่างไรดีเพคะ?”  คุณท้าวจันทร์หอมอดเป็นห่วงมิได้


               “ก็ต้องไป” ตรัสตอบเรียบๆ ดังปลงตกแล้วทุกสิ่ง


               “แล้วพระเทวี?” สายพระเนตรอันราบเรียบเมื่อครู่มีไฟร้อนลุกโชนขึ้นมาทันที  


               “อย่าให้นางออกจากห้องได้เด็ดขาด จนกว่าข้าจะอนุญาต” สุรเสียงเกรี้ยวกราดนัก  ตรัสจบก็ลุกขึ้นเตรียมเสด็จไปเข้าเฝ้า


                  หญิงสาวจากอนาคตนั้นก็พลอยอดนอนไปด้วย  เมื่อเห็นนาคเจ้าต้องไปเข้าเฝ้าหล่อนก็อดห่วงไม่ได้ จึงเหลียวมาหาวิทยาธรหนุ่ม


                  “อาจารย์คะ...เจ้าภูจะโดนลงโทษมากไหมคะ?” ผู้เป็นอาจารย์พยักหน้า


                  “เรื่องนี้ความรับผิดชอบใหญ่หลวง คงหลีกเลี่ยงไม่ได้” คิ้วเข้มนั้นขมวดด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน


                   “เราช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?” วิมุตติส่ายศีรษะ


                   “มันเป็นเรื่องของอดีต”  แววตาของเขาบอกหล่อนว่าควรหยุดถามได้แล้ว  เคียงฟ้าจึงได้แต่ถอนหายใจไม่กล้าพูดอะไรอีก หล่อนเอาแต่นั่งจับเจ่ากอดเข่าไม่แม้จะดูแลมหิตาเทวีด้วยซ้ำ


                   “ถ้าว่างก็ไปดูศรีดาราสิ” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นค่อยหยุดความเห็นห่วงภูวิษะเจ้าไว้ชั่วคราว  แล้วรีบลุกไปดูอาการศรีดาราทันที


                  เคียงฟ้าเฝ้าดูอาการของศรีดาราที่ถูกพิษไข้เล่นงานจนซม  แผ่นหลังบอบบางของนางนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยจากหวายเป็นทาง เห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บแทนน่ากลัวจะเป็นแผลเป็นในภายหลัง เพื่อนนางกำนัลตำสมุนไพรสดๆ มาพอกบาดแผลไว้จนเต็มหลังนาง


                  “เจ้าว่าศรีดาราจะโดนตัดหัวไหม?”


                  “ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย ” คนหนึ่งถามอีกคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่ไม่แพ้กัน ทำเอาเคียงฟ้าพลอยสลดไปด้วย


                  “แต่นางช่างไม่เจียมเสียเลย  ก็รู้อยู่ว่าเรื่องทำเสน่ห์ฯ นั้นผิดอาญาบ้านเมืองกลับไปแนะนำพระเทวีเสียได้”


                  “ลำพังพี่ศรีดารารึจะกล้า...” คู่สนทนาตอบแล้วปรายตามองร่างที่นอนซมพิษไข้อยู่  อย่าว่าแต่พวกนางคิดเลยเป็นใครก็คิด เรื่องนี้สลับซับซ้อนกว่าที่คิดนัก  ความเป็นความตายของศรีดาราล้วนขึ้นอยู่กับภูวิษะเจ้าทั้งสิ้น ว่าจะรายงานเรื่องนี้ต่อพระบาทเจ้าสิทธิเสณอย่างไร


                  หญิงสาวกำลังครุ่นคิด  ถึงอย่างไรมหิตาเทวีก็เป็นชายาของเขา แต่ศรีดาราเป็นแค่นางกำนัลเท่านั้นเอง  เขาหรือจะปกป้องนาง  อีตอนที่โกรธก็ตีสุดแรงไม่มียั้งมือไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าศรีดาราเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ  คิดได้แค่นั้นเคียงฟ้าก็เม้มริมฝีปากลงพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล บางทีหล่อนก็เหมือนจะไม่รู้จักไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย  จริงอยู่ศรีดาราอาจจะผิดจริงโดนโบยขนาดนี้ก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว  ยังจะต้องรับโทษอีกหรือ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่