ตอนที่แล้วค่ะ ตอนที่ 63-64
http://ppantip.com/topic/31298656
ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose
ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
เพจนี้เป็นเพจกลุ่มค่ะ ของนักเขียน 3 คน
คือ วรรณศุกร์ / ดาวรดา /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl
ตอนที่ 65
เคียงฟ้ากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า ภูวิษะเจ้าบุรุษทรงเสน่ห์ ผู้เชื่อมั่นในรักเดียว เป็นบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่กุมหัวใจหล่อนมาแสนนานจนข้ามกาลเวลา รักนั้นไม่เคยคลาย แต่มาบัดนี้แง่มุมอันดุร้ายที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน ความเกรี้ยวกราดอันน่าสะพรึงนั้นทำให้หญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิดปากไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น
ร่างเล็กของศรีดาราสะดุ้งขึ้นมาทุกครั้งที่หวายหวดลงมากระทบหลัง นางกรีดร้องออกมาจนแทบจะหมดเสียง แต่เจ้านาคราชมิได้ยั้งมือลงแม้แต่น้อย คล้ายว่าความเจ็บปวดเจียนคลั่งที่ถูกพระชายากระทำนั้น ถูกถ่ายทอดลงไปพร้อมๆ กับโทษทัณฑ์ที่ศรีดาราได้รับ
“พอแล้ว เดี๋ยวพี่ศรีดาราก็ตายกันพอดี!!” หญิงสาวยกมือขึ้นห้าม พลางคุกเข่าลงไปกอดเท้าเขา
“มหิตา! เร็วสิมาช่วยขอร้อง...” แต่คำขอนั้นดูจะสูญเปล่าเมื่อมหิตาเทวีหวาดกลัวความพิโรธขององค์สวามีจนสิ้นสติไปมิทันได้ช่วยเหลือศรีดารา สร้างความโกลาหลขึ้นคำรบสอง ภูวิษะเจ้าชะงักไปชั่วครู่
“พานางเข้าห้องไป! แล้วลั่นดานไว้” ทรงหันไปสั่งคุณท้าว ซึ่งกำลังประคองนางเทวี จากนั้นก็ลงมือหวดศรีดาราต่อ
“อาจารย์คะ...ช่วยด้วย ช่วยห้ามเขาที ไม่งั้นพี่ศรีดาราตายแน่” หล่อนวิ่งมาหาผู้เป็นอาจารย์ แต่วิมุตติมิได้ตอบอะไรยังคงนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงสายตาที่มองศรีดาราอย่างเวทนา
“อาจารย์?!!” ในขณะที่เคียงฟ้าเอาแต่เขย่าร่างสูงเพื่อขอความช่วยเหลือ เจ้านาคราชที่กำลังหวดหวายลงหลังศรีดาราไปสุดแรงด้วยความพิโรธจัดอยู่นั้น จู่ๆ ปาหวายทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี แล้วสะบัดพระพักตร์เดินไปอีกทาง
“ศรีดารา!! เป็นอย่างไรบ้าง?” นางกำนัลที่มุงดูเหตุการณ์อยู่จึงพากันกรูมายังร่างน้อยที่ยับเยิบอยู่บนลาน จึงพบว่าศรีดาราสลบไปเสียแล้ว เลยช่วยกันแกะเชือกที่มัดมือนางออก
“จะทำอย่างไรดี พานางเข้าไปพักในห้องดีหรือไม่?”
“ยังจะถามอะไรอีก รีบๆ พาไปสิ!!” เคียงฟ้าตวาดใส่พวกนาง แต่เมื่อเห็นคนเหล่านั้นยังละล้าละลังก็โมโหนัก
“รออะไรอยู่? คนจะตายอยู่แล้ว ไม่เห็นเหรอ พาเข้าห้องไปแล้วตามหมอมา” แต่อนิจจาเสียงของหล่อนไม่มีใครได้ยิน
“พวกนางไม่กล้าหรอก กลัวว่าถ้าพาไปรักษาจะโดนอาญาไปด้วย” คนข้างตัวเป็นฝ่ายให้คำอธิบายแทน หญิงสาวหันขวับไปมองด้วยความไม่เข้าใจ
“ต้องรอให้ภูวิษะอนุญาต” ฟังแค่นั้นน้ำตาอุ่นๆ ของหล่อนก็ทะลักออกมา
“เจ้าภูจะยอมหรือคะ เขาใจดำขนาดนี้ ทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอ”
“หรือจะให้เขาตัดคอศรีดารา ภูวิษะอาจจะทำไปด้วยความโมโห แต่การชิงโทษคนของตนเองก่อนดีกว่าเรื่องไปถึงตำหนักหลวง เมื่อนั้นศรีดาราไม่รอดแน่” ได้ฟังดังนี้หล่อนจึงได้สติขึ้นมาบ้าง
“แล้วจะทำยังไงดีคะ? จะช่วยพี่ศรีดารายังไง”
“ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้มันเป็นไป”
“แต่ว่า...” เคียงฟ้ากำลังจะเถียง แต่เมื่อเห็นนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งกุลีกุจอเข้ามา
“ท่านภูวิษะมิได้รับสั่งให้เอานางไปขังคุก!” เสียงนั้นยินดีนัก
“งั้นท่านรับสั่งว่าอย่างไร?”
“มิได้รับสั่งใดๆ ข้าก็เลย...ทูลไปว่านางสลบไปแล้ว ขอพานางกลับเรือนไปก่อน”
“ท่านอนุญาต”
“ท่านมิได้ตอบ แต่มิได้ปฏิเสธ ข้าก็เลยรีบกราบขอบพระทัย”
“เจ้าฉลาดนัก!” หลายคนชมนาง แล้วจึงค่อยยิ้มออกมาบ้าง จากนั้นก็ช่วยกันหิ้วปีกประคองร่างอ่อนปวกเปียกของศรีดาราไปยังเรือนพัก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ก่อนแสงสางของตะรุ่งจะเยือนท้องฟ้า จุมภะปุระคล้ายว่ามิได้หลับนอนมาตลอดราตรี พร้อมใจกันรับฟังข่าวคราวจากสงคราม ม้าเร็วรีบเร่งผ่านประตูเมืองเข้ามายังตำหนักหลวงแล้วทูลความเป็นไปให้พระบาทเจ้าทราบ แม้ภูวิษะเจ้าจะมิได้ไปเข้าเฝ้าก็ทรงทราบผลการศึกนั้นได้ด้วยตนเอง
ดวงพักตร์สง่างามบัดนี้หมองไปด้วยความสังเวชยิ่งเมื่อมีทหารมากราบทูลถึงตำหนัก ว่าทัพจุมภะพ่ายศึกเมืองปาลอย่างที่ไม่น่าจะพ่าย ทั้งหมดนี้เพราะผู้นำการศึกหนีหายจากทัพ ทำให้การประสานงานไม่เป็นไปอย่างที่ควร แผนการที่ภูวิษะเจ้าตั้งพระทัยจะเป็นทัพหน้าเข้าตีตรงๆ แล้วให้ทัพรองค่อยตีขนาบข้างยามเมื่อทัพเมืองปาลออกมาจากนอกธานี เพราะเมืองปาลเป็นเมืองเล็กมีทางเข้าออกทางเดียว เมื่อปล่อยทัพออกมาแล้วก็จะปิดประตูเมือง หากล้อมทัพแล้วตีขนาบสองด้าน ชัยชนะก็จะได้มาโดยง่าย
แต่แผนล้มเหลวเมื่อทัพหน้ารีรอไม่พิชิตเมือง ทัพรองที่รอตีขนาบก็ไม่ได้สัญญาณนัดหมาย จึงมิได้ลงไปช่วยเมื่อทัพเมืองปาลออกมาป้องกันเมือง เมื่อรูปทัพไม่เป็นขบวนเพราะขาดการผู้สั่งการ แผนที่วางไว้จนจึงล้มครืนส่งผลให้พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า ความเสียหายนั้นเกินกว่าผู้ใดจะคาดถึง ปาลปุระก็ได้ชัยโดยไม่คาดหมายจากเมื่อแรกคิดหวังเพียงรักษาเมืองเอาไว้ให้เท่านั้น มิคาดว่าจะปราบศึกได้อย่างราบคาบเช่นนี้
“ท่านภูวิษะ พระบาทเจ้ารับสั่งให้เข้าเฝ้าบัดเดี๋ยวนี้” ทหารเชิญพระราชสารมาถึงตำหนัก
เจ้านาคราชมิได้บรรทมตลอดทั้งคืน ดวงเนตรนั้นแดงก่ำด้วยความคร่ำเครียด เมื่อได้รับคำสั่งก็ลุกขึ้นพร้อมเข้าเฝ้าทันที
“ท่านภูวิษะ...พระบาทเจ้าเรียกหา จะทำอย่างไรดีเพคะ?” คุณท้าวจันทร์หอมอดเป็นห่วงมิได้
“ก็ต้องไป” ตรัสตอบเรียบๆ ดังปลงตกแล้วทุกสิ่ง
“แล้วพระเทวี?” สายพระเนตรอันราบเรียบเมื่อครู่มีไฟร้อนลุกโชนขึ้นมาทันที
“อย่าให้นางออกจากห้องได้เด็ดขาด จนกว่าข้าจะอนุญาต” สุรเสียงเกรี้ยวกราดนัก ตรัสจบก็ลุกขึ้นเตรียมเสด็จไปเข้าเฝ้า
หญิงสาวจากอนาคตนั้นก็พลอยอดนอนไปด้วย เมื่อเห็นนาคเจ้าต้องไปเข้าเฝ้าหล่อนก็อดห่วงไม่ได้ จึงเหลียวมาหาวิทยาธรหนุ่ม
“อาจารย์คะ...เจ้าภูจะโดนลงโทษมากไหมคะ?” ผู้เป็นอาจารย์พยักหน้า
“เรื่องนี้ความรับผิดชอบใหญ่หลวง คงหลีกเลี่ยงไม่ได้” คิ้วเข้มนั้นขมวดด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน
“เราช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?” วิมุตติส่ายศีรษะ
“มันเป็นเรื่องของอดีต” แววตาของเขาบอกหล่อนว่าควรหยุดถามได้แล้ว เคียงฟ้าจึงได้แต่ถอนหายใจไม่กล้าพูดอะไรอีก หล่อนเอาแต่นั่งจับเจ่ากอดเข่าไม่แม้จะดูแลมหิตาเทวีด้วยซ้ำ
“ถ้าว่างก็ไปดูศรีดาราสิ” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นค่อยหยุดความเห็นห่วงภูวิษะเจ้าไว้ชั่วคราว แล้วรีบลุกไปดูอาการศรีดาราทันที
เคียงฟ้าเฝ้าดูอาการของศรีดาราที่ถูกพิษไข้เล่นงานจนซม แผ่นหลังบอบบางของนางนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยจากหวายเป็นทาง เห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บแทนน่ากลัวจะเป็นแผลเป็นในภายหลัง เพื่อนนางกำนัลตำสมุนไพรสดๆ มาพอกบาดแผลไว้จนเต็มหลังนาง
“เจ้าว่าศรีดาราจะโดนตัดหัวไหม?”
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย ” คนหนึ่งถามอีกคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่ไม่แพ้กัน ทำเอาเคียงฟ้าพลอยสลดไปด้วย
“แต่นางช่างไม่เจียมเสียเลย ก็รู้อยู่ว่าเรื่องทำเสน่ห์ฯ นั้นผิดอาญาบ้านเมืองกลับไปแนะนำพระเทวีเสียได้”
“ลำพังพี่ศรีดารารึจะกล้า...” คู่สนทนาตอบแล้วปรายตามองร่างที่นอนซมพิษไข้อยู่ อย่าว่าแต่พวกนางคิดเลยเป็นใครก็คิด เรื่องนี้สลับซับซ้อนกว่าที่คิดนัก ความเป็นความตายของศรีดาราล้วนขึ้นอยู่กับภูวิษะเจ้าทั้งสิ้น ว่าจะรายงานเรื่องนี้ต่อพระบาทเจ้าสิทธิเสณอย่างไร
หญิงสาวกำลังครุ่นคิด ถึงอย่างไรมหิตาเทวีก็เป็นชายาของเขา แต่ศรีดาราเป็นแค่นางกำนัลเท่านั้นเอง เขาหรือจะปกป้องนาง อีตอนที่โกรธก็ตีสุดแรงไม่มียั้งมือไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าศรีดาราเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ คิดได้แค่นั้นเคียงฟ้าก็เม้มริมฝีปากลงพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล บางทีหล่อนก็เหมือนจะไม่รู้จักไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย จริงอยู่ศรีดาราอาจจะผิดจริงโดนโบยขนาดนี้ก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ยังจะต้องรับโทษอีกหรือ...
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 65
ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose
ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
เพจนี้เป็นเพจกลุ่มค่ะ ของนักเขียน 3 คน
คือ วรรณศุกร์ / ดาวรดา /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl
เคียงฟ้ากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า ภูวิษะเจ้าบุรุษทรงเสน่ห์ ผู้เชื่อมั่นในรักเดียว เป็นบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่กุมหัวใจหล่อนมาแสนนานจนข้ามกาลเวลา รักนั้นไม่เคยคลาย แต่มาบัดนี้แง่มุมอันดุร้ายที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน ความเกรี้ยวกราดอันน่าสะพรึงนั้นทำให้หญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิดปากไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น
ร่างเล็กของศรีดาราสะดุ้งขึ้นมาทุกครั้งที่หวายหวดลงมากระทบหลัง นางกรีดร้องออกมาจนแทบจะหมดเสียง แต่เจ้านาคราชมิได้ยั้งมือลงแม้แต่น้อย คล้ายว่าความเจ็บปวดเจียนคลั่งที่ถูกพระชายากระทำนั้น ถูกถ่ายทอดลงไปพร้อมๆ กับโทษทัณฑ์ที่ศรีดาราได้รับ
“พอแล้ว เดี๋ยวพี่ศรีดาราก็ตายกันพอดี!!” หญิงสาวยกมือขึ้นห้าม พลางคุกเข่าลงไปกอดเท้าเขา
“มหิตา! เร็วสิมาช่วยขอร้อง...” แต่คำขอนั้นดูจะสูญเปล่าเมื่อมหิตาเทวีหวาดกลัวความพิโรธขององค์สวามีจนสิ้นสติไปมิทันได้ช่วยเหลือศรีดารา สร้างความโกลาหลขึ้นคำรบสอง ภูวิษะเจ้าชะงักไปชั่วครู่
“พานางเข้าห้องไป! แล้วลั่นดานไว้” ทรงหันไปสั่งคุณท้าว ซึ่งกำลังประคองนางเทวี จากนั้นก็ลงมือหวดศรีดาราต่อ
“อาจารย์คะ...ช่วยด้วย ช่วยห้ามเขาที ไม่งั้นพี่ศรีดาราตายแน่” หล่อนวิ่งมาหาผู้เป็นอาจารย์ แต่วิมุตติมิได้ตอบอะไรยังคงนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงสายตาที่มองศรีดาราอย่างเวทนา
“อาจารย์?!!” ในขณะที่เคียงฟ้าเอาแต่เขย่าร่างสูงเพื่อขอความช่วยเหลือ เจ้านาคราชที่กำลังหวดหวายลงหลังศรีดาราไปสุดแรงด้วยความพิโรธจัดอยู่นั้น จู่ๆ ปาหวายทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี แล้วสะบัดพระพักตร์เดินไปอีกทาง
“ศรีดารา!! เป็นอย่างไรบ้าง?” นางกำนัลที่มุงดูเหตุการณ์อยู่จึงพากันกรูมายังร่างน้อยที่ยับเยิบอยู่บนลาน จึงพบว่าศรีดาราสลบไปเสียแล้ว เลยช่วยกันแกะเชือกที่มัดมือนางออก
“จะทำอย่างไรดี พานางเข้าไปพักในห้องดีหรือไม่?”
“ยังจะถามอะไรอีก รีบๆ พาไปสิ!!” เคียงฟ้าตวาดใส่พวกนาง แต่เมื่อเห็นคนเหล่านั้นยังละล้าละลังก็โมโหนัก
“รออะไรอยู่? คนจะตายอยู่แล้ว ไม่เห็นเหรอ พาเข้าห้องไปแล้วตามหมอมา” แต่อนิจจาเสียงของหล่อนไม่มีใครได้ยิน
“พวกนางไม่กล้าหรอก กลัวว่าถ้าพาไปรักษาจะโดนอาญาไปด้วย” คนข้างตัวเป็นฝ่ายให้คำอธิบายแทน หญิงสาวหันขวับไปมองด้วยความไม่เข้าใจ
“ต้องรอให้ภูวิษะอนุญาต” ฟังแค่นั้นน้ำตาอุ่นๆ ของหล่อนก็ทะลักออกมา
“เจ้าภูจะยอมหรือคะ เขาใจดำขนาดนี้ ทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอ”
“หรือจะให้เขาตัดคอศรีดารา ภูวิษะอาจจะทำไปด้วยความโมโห แต่การชิงโทษคนของตนเองก่อนดีกว่าเรื่องไปถึงตำหนักหลวง เมื่อนั้นศรีดาราไม่รอดแน่” ได้ฟังดังนี้หล่อนจึงได้สติขึ้นมาบ้าง
“แล้วจะทำยังไงดีคะ? จะช่วยพี่ศรีดารายังไง”
“ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้มันเป็นไป”
“แต่ว่า...” เคียงฟ้ากำลังจะเถียง แต่เมื่อเห็นนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งกุลีกุจอเข้ามา
“ท่านภูวิษะมิได้รับสั่งให้เอานางไปขังคุก!” เสียงนั้นยินดีนัก
“งั้นท่านรับสั่งว่าอย่างไร?”
“มิได้รับสั่งใดๆ ข้าก็เลย...ทูลไปว่านางสลบไปแล้ว ขอพานางกลับเรือนไปก่อน”
“ท่านอนุญาต”
“ท่านมิได้ตอบ แต่มิได้ปฏิเสธ ข้าก็เลยรีบกราบขอบพระทัย”
“เจ้าฉลาดนัก!” หลายคนชมนาง แล้วจึงค่อยยิ้มออกมาบ้าง จากนั้นก็ช่วยกันหิ้วปีกประคองร่างอ่อนปวกเปียกของศรีดาราไปยังเรือนพัก
ก่อนแสงสางของตะรุ่งจะเยือนท้องฟ้า จุมภะปุระคล้ายว่ามิได้หลับนอนมาตลอดราตรี พร้อมใจกันรับฟังข่าวคราวจากสงคราม ม้าเร็วรีบเร่งผ่านประตูเมืองเข้ามายังตำหนักหลวงแล้วทูลความเป็นไปให้พระบาทเจ้าทราบ แม้ภูวิษะเจ้าจะมิได้ไปเข้าเฝ้าก็ทรงทราบผลการศึกนั้นได้ด้วยตนเอง
ดวงพักตร์สง่างามบัดนี้หมองไปด้วยความสังเวชยิ่งเมื่อมีทหารมากราบทูลถึงตำหนัก ว่าทัพจุมภะพ่ายศึกเมืองปาลอย่างที่ไม่น่าจะพ่าย ทั้งหมดนี้เพราะผู้นำการศึกหนีหายจากทัพ ทำให้การประสานงานไม่เป็นไปอย่างที่ควร แผนการที่ภูวิษะเจ้าตั้งพระทัยจะเป็นทัพหน้าเข้าตีตรงๆ แล้วให้ทัพรองค่อยตีขนาบข้างยามเมื่อทัพเมืองปาลออกมาจากนอกธานี เพราะเมืองปาลเป็นเมืองเล็กมีทางเข้าออกทางเดียว เมื่อปล่อยทัพออกมาแล้วก็จะปิดประตูเมือง หากล้อมทัพแล้วตีขนาบสองด้าน ชัยชนะก็จะได้มาโดยง่าย
แต่แผนล้มเหลวเมื่อทัพหน้ารีรอไม่พิชิตเมือง ทัพรองที่รอตีขนาบก็ไม่ได้สัญญาณนัดหมาย จึงมิได้ลงไปช่วยเมื่อทัพเมืองปาลออกมาป้องกันเมือง เมื่อรูปทัพไม่เป็นขบวนเพราะขาดการผู้สั่งการ แผนที่วางไว้จนจึงล้มครืนส่งผลให้พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า ความเสียหายนั้นเกินกว่าผู้ใดจะคาดถึง ปาลปุระก็ได้ชัยโดยไม่คาดหมายจากเมื่อแรกคิดหวังเพียงรักษาเมืองเอาไว้ให้เท่านั้น มิคาดว่าจะปราบศึกได้อย่างราบคาบเช่นนี้
“ท่านภูวิษะ พระบาทเจ้ารับสั่งให้เข้าเฝ้าบัดเดี๋ยวนี้” ทหารเชิญพระราชสารมาถึงตำหนัก
เจ้านาคราชมิได้บรรทมตลอดทั้งคืน ดวงเนตรนั้นแดงก่ำด้วยความคร่ำเครียด เมื่อได้รับคำสั่งก็ลุกขึ้นพร้อมเข้าเฝ้าทันที
“ท่านภูวิษะ...พระบาทเจ้าเรียกหา จะทำอย่างไรดีเพคะ?” คุณท้าวจันทร์หอมอดเป็นห่วงมิได้
“ก็ต้องไป” ตรัสตอบเรียบๆ ดังปลงตกแล้วทุกสิ่ง
“แล้วพระเทวี?” สายพระเนตรอันราบเรียบเมื่อครู่มีไฟร้อนลุกโชนขึ้นมาทันที
“อย่าให้นางออกจากห้องได้เด็ดขาด จนกว่าข้าจะอนุญาต” สุรเสียงเกรี้ยวกราดนัก ตรัสจบก็ลุกขึ้นเตรียมเสด็จไปเข้าเฝ้า
หญิงสาวจากอนาคตนั้นก็พลอยอดนอนไปด้วย เมื่อเห็นนาคเจ้าต้องไปเข้าเฝ้าหล่อนก็อดห่วงไม่ได้ จึงเหลียวมาหาวิทยาธรหนุ่ม
“อาจารย์คะ...เจ้าภูจะโดนลงโทษมากไหมคะ?” ผู้เป็นอาจารย์พยักหน้า
“เรื่องนี้ความรับผิดชอบใหญ่หลวง คงหลีกเลี่ยงไม่ได้” คิ้วเข้มนั้นขมวดด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน
“เราช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?” วิมุตติส่ายศีรษะ
“มันเป็นเรื่องของอดีต” แววตาของเขาบอกหล่อนว่าควรหยุดถามได้แล้ว เคียงฟ้าจึงได้แต่ถอนหายใจไม่กล้าพูดอะไรอีก หล่อนเอาแต่นั่งจับเจ่ากอดเข่าไม่แม้จะดูแลมหิตาเทวีด้วยซ้ำ
“ถ้าว่างก็ไปดูศรีดาราสิ” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นค่อยหยุดความเห็นห่วงภูวิษะเจ้าไว้ชั่วคราว แล้วรีบลุกไปดูอาการศรีดาราทันที
เคียงฟ้าเฝ้าดูอาการของศรีดาราที่ถูกพิษไข้เล่นงานจนซม แผ่นหลังบอบบางของนางนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยจากหวายเป็นทาง เห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บแทนน่ากลัวจะเป็นแผลเป็นในภายหลัง เพื่อนนางกำนัลตำสมุนไพรสดๆ มาพอกบาดแผลไว้จนเต็มหลังนาง
“เจ้าว่าศรีดาราจะโดนตัดหัวไหม?”
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย ” คนหนึ่งถามอีกคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่ไม่แพ้กัน ทำเอาเคียงฟ้าพลอยสลดไปด้วย
“แต่นางช่างไม่เจียมเสียเลย ก็รู้อยู่ว่าเรื่องทำเสน่ห์ฯ นั้นผิดอาญาบ้านเมืองกลับไปแนะนำพระเทวีเสียได้”
“ลำพังพี่ศรีดารารึจะกล้า...” คู่สนทนาตอบแล้วปรายตามองร่างที่นอนซมพิษไข้อยู่ อย่าว่าแต่พวกนางคิดเลยเป็นใครก็คิด เรื่องนี้สลับซับซ้อนกว่าที่คิดนัก ความเป็นความตายของศรีดาราล้วนขึ้นอยู่กับภูวิษะเจ้าทั้งสิ้น ว่าจะรายงานเรื่องนี้ต่อพระบาทเจ้าสิทธิเสณอย่างไร
หญิงสาวกำลังครุ่นคิด ถึงอย่างไรมหิตาเทวีก็เป็นชายาของเขา แต่ศรีดาราเป็นแค่นางกำนัลเท่านั้นเอง เขาหรือจะปกป้องนาง อีตอนที่โกรธก็ตีสุดแรงไม่มียั้งมือไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าศรีดาราเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ คิดได้แค่นั้นเคียงฟ้าก็เม้มริมฝีปากลงพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล บางทีหล่อนก็เหมือนจะไม่รู้จักไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย จริงอยู่ศรีดาราอาจจะผิดจริงโดนโบยขนาดนี้ก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ยังจะต้องรับโทษอีกหรือ...