ปัญหาการเมืองไทยโดยความคิดเล็กๆหนึ่งความคิด
๑ ขั้วอำนาจสองขั้วมีจุดยืนที่ไม่สามารถเป็นจุดที่ร่วมกันได้ หรือแม้ว่าจะมีจุดร่วมกันได้ก็จะพยายามที่จะไม่ร่วมเนื่องจากทิฐิหรือกลัวว่าจะเสียเชิงว่ากันง่าย ๆ
๒ ขาดความเชื่อมั่น ขั้วอำนาจทั้งสองไม่ไว้วางใจกัน โดยมีอคติว่า ถ้าฝั่งใดได้เป็นผู้คุมอำนาจก็ทำทุกอย่างเข้าข้างฝั่งตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมาย หรือการปฏิรูปต่าง ๆ (ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ)
๓ ระบบเลือกตั้งไม่มีประสิทธิภาพ โดยเราต้องยอมรับสิ่งที่เป็นจริงว่าคนในประเทศเราหลายคนเลือกตั้งผู้แทนหรือพรรคการเมือง โดยไม่ได้สนใจนโยบาย หรือวิเคราะห์นโยบายต่างๆที่พรรคการเมืองได้นำเสนอว่าจะมีผลกระทบต่อตัวเราเองและต่อประทศชาติอย่างไร หรือเลือกตามนโยบายที่มีลักษณะให้ผลระยะสั้น เช่น นโยบายประชานิยม เป็นต้น หรือแม้กระทั่งการเลือกผู้แทนโดยไม่คำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบชั่วดี ของผู้แทน และถ้าจะให้พิจาณาตัวผู้แทน ผู้แทนหลายๆ คนก็ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนได้จริง ๆ ผู้แทนหลายคนเป็นคนที่มีอำนาจ มีเงินเยอะ มีพวกเยอะ มีเส้นสาย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้การเลือกตั้งที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยไม่มีประสิทธิภาพจริงอย่างที่เราคาดหวัง
๔ การทุจริต เป็นผลจากข้อที่ ๓ โดยผู้แทนบางคนเข้ามาก็ทุจริตด้วยความตั้งใจเลย หรือบางคนเข้ามาด้วยความตั้งใจทำงานแต่พอมาเจอผลประโยชน์ต่าง ๆ ก็ทนกิเลสตัวเองไม่ไหว หรือบางคนตั้งใจเข้ามาจริงๆพอมาเจอระบบทุจริตก็ต้องตามน้ำเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้
การแก้ปัญหาการเมืองไทยโดยความคิดเล็กๆหนึ่งความคิด
๑ การแก้ปัญหาจากข้อที่ ๑ กับ ๒ จากปัญหาข้างต้น นั้นเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเป็นทัศนคติส่วนบุคคล ระบบความคิด และประสบการณ์ของแต่ละบุคคลจะแก้ไขต้องใช้เวลาในการปลูกฝัง แต่เรื่องที่สามารถทำได้ก็คือการสร้างระบบที่ทุกคนยอมรับและยอมทำตามเพื่อให้เราทุกคนเดินหน้าต่อไปได้
๒ การแก้ปัญหาจากข้อที่ ๓ กับ ๔ จากปัญหาข้างต้นสิ่งที่ควรจะแก้ที่สำคัญคือ คนที่เป็นผู้แทนเข้ามาทำงานต้องเป็นคนดี มีความสามารถ แต่ก็เป็นไปได้ยากทีจะเป็นอย่างนั้นทั้งหมด จึงต้องมาแก้ไขที่ระบบ โดยระบบที่น่าจะแก้ไขมี ๕ หัวข้อดังนี้
๒.๑ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และระบบต่างๆ ในสภา โดยทำให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆ เช่น Animation หรือ ภาพวาด อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ถึงการเลือกคนดี-คนไม่ดีเข้ามาบริหารจะก่อให้เกิดผลอย่างไร ให้เห็นภาพชัดเจน เพื่อให้เกิดจิตสำนึกที่ดีในการเลือกตั้ง
๒.๒ ระบบเลือกตั้ง
๑) ประเภทของการเลือกตั้ง สส แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ๑ บัญชีรายชื่อ ๒ แบ่งเขต เหมือนเดิม
๒) การเลือกตั้ง สว มาจากนักวิชาการตัวแทนจากองค์กรและมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยในส่วนที่เป็นนักวิชาการต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองใดๆ และมีการคัดเลือกจากองค์กรต่างๆ และมาคัดเลือกจากประชาชนอีกครั้งในวันเลือกตั้ง สว
๓) การหาเสียง เป็นระบบที่ลักษณะแบบทุนนิยม ใครมีต้นทุนมากทั้งคน เงิน และเส้นสาย ก็จะได้เปรียบ ทางแก้ไขคือไม่ต้องมีการหาเสียง แต่ให้ส่วนกลางอาจจะเป็น กกต หรือ หน่วยงานอื่นที่ไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาล ประชาสัมพันธ์อย่างเท่าเทียมกันทุกพรรคการเมืองแทน ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย หรือคุณสมบัติต่างๆ และห้ามไม่ให้มีหัวคะแนน หรือการไปประชาสัมพันธ์ของพรรคเอง และตัดสิทธิผู้ที่มีการละเมิดข้อบังคับในส่วนนี้ด้วย เพื่อลดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน ถ้าเป็นรูปแบบนี้ก็จะส่งผลให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มีเงินทุน และเส้นสายใดๆ ก็จะสามารถเข้ามาแข่งขันได้ และจะช่วยลดการทุจริตได้อีกทางเนื่องจาก พรรคการเมืองไม่ต้องลงทุนในการหาเสียงที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ทั้งเงินที่ซื้อเสียงและการประชาสัมพันธ์ติดป้ายโฆษณาต่าง ๆ อีกทั้งการที่เข้าไปหาเสียงเองหรือผ่านหัวคะแนน ก็จะทำให้ง่ายต่อการซื้อเสียงด้วย ดังนั้นเมื่อมีการลงทุนน้อยหรือไม่มีการลงทุนเลยก็จะลดความคิดที่จะเข้ามาถอนทุน หรือการทุจริตต่างๆ เพื่อเตรียมเงินไว้เลือกตั้งครั้งต่อไป และเมื่อไม่มีหัวคะแนนของผู้แทนแต่ละคน พรรคการเมืองก็ไม่จำเป็นต้องซื้อผู้แทนที่หัวคะแนนมากๆในพื้นที่นั้นๆ เพราะได้คนมาก็ต้องประชาสัมพันธ์จากส่วนกลางอยู่ดี ผู้แทนที่ได้เปรียบในพื้นที่มากที่สุดก็ต้องเป็นผู้แทนที่ได้สร้างคุณงามความดีไว้
๔) มีการประเมินความเป็นไปได้ รวมทั้งข้อดีและข้อเสียของนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบในช่วงการประชาสัมพันธ์อย่างเข้าใจง่ายๆ
๒.๓ ประชาชนต้องสามารถยื่นถอดถอนรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้โดยอาจจะกำหนดจำนวนประชาชนที่มาเข้าชื่อเพื่อถอดถอนในจำนวนที่เหมาะสมอีกที
๒.๔ ถ้ามีความผิดเกี่ยวข้องกับการทุจริตทั้งจากการเลือกตั้งและการบริหารงานต้องเพิ่มโทษที่หนักกว่านี้ เช่น การตัดสิทธิทางการเมืองต้องเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่านี้
๒.๕ ปรับปรุงระบบราชการ ต้องยอมรับรับว่าระบบราชการนั้นเอื้อให้เกิดการทุจริตในทั้งส่วนข้าราชการและ รัฐมนตรีต่างๆ โดยต้องเริ่มจากส่วนการรับคนเข้าทำงานเนื่องจากการเริ่มต้นจากการทุจริตเมื่อเข้ามาทำงานได้ก็จะทุจริตอีกเหมือนกัน โดยคณะกรรมการการคัดสรร ต้องมีความโปร่งในมากกว่าขึ้น ส่วนการแต่งตั้งและโยกย้ายในระดับสูงของส่วนราชการนั้นมีความสำคัญเพื่อให้เกิดการยุติธรรม และลดการทุจริต รัฐมนตรีก็ต้องมีส่วนในการตัดสินใจด้วยไม่เช่นนั้นแล้วอำนาจในการบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบายก็จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ควรที่จะมากเกินจนถึงขั้นที่จะก่อให้เกิดการกลั่นแกล้งกันและการทุจริตได้ โดยอาจจะเป็นลักษณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอชื่อแต่งตั้งหรือโยกย้ายพร้อมเหตุผลและให้กรรมการที่มาจากการคัดสรรและอิสระจากทางการเมืองมาพิจารณาอีกที ในส่วนการปรับปรุงระบบราชการนั้นน่าจะมีอะไรให้แก้ไขมากกว่านี้ ก็ต้องรอให้ท่านผู้รู้และมีประสบการณ์ไปพิจารณาอีกที
โดย ลูกชายพระอาทิตย์
ปัญหาการเมืองไทยโดยความคิดเล็กๆหนึ่งความคิด
๑ ขั้วอำนาจสองขั้วมีจุดยืนที่ไม่สามารถเป็นจุดที่ร่วมกันได้ หรือแม้ว่าจะมีจุดร่วมกันได้ก็จะพยายามที่จะไม่ร่วมเนื่องจากทิฐิหรือกลัวว่าจะเสียเชิงว่ากันง่าย ๆ
๒ ขาดความเชื่อมั่น ขั้วอำนาจทั้งสองไม่ไว้วางใจกัน โดยมีอคติว่า ถ้าฝั่งใดได้เป็นผู้คุมอำนาจก็ทำทุกอย่างเข้าข้างฝั่งตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมาย หรือการปฏิรูปต่าง ๆ (ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ)
๓ ระบบเลือกตั้งไม่มีประสิทธิภาพ โดยเราต้องยอมรับสิ่งที่เป็นจริงว่าคนในประเทศเราหลายคนเลือกตั้งผู้แทนหรือพรรคการเมือง โดยไม่ได้สนใจนโยบาย หรือวิเคราะห์นโยบายต่างๆที่พรรคการเมืองได้นำเสนอว่าจะมีผลกระทบต่อตัวเราเองและต่อประทศชาติอย่างไร หรือเลือกตามนโยบายที่มีลักษณะให้ผลระยะสั้น เช่น นโยบายประชานิยม เป็นต้น หรือแม้กระทั่งการเลือกผู้แทนโดยไม่คำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบชั่วดี ของผู้แทน และถ้าจะให้พิจาณาตัวผู้แทน ผู้แทนหลายๆ คนก็ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนได้จริง ๆ ผู้แทนหลายคนเป็นคนที่มีอำนาจ มีเงินเยอะ มีพวกเยอะ มีเส้นสาย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้การเลือกตั้งที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยไม่มีประสิทธิภาพจริงอย่างที่เราคาดหวัง
๔ การทุจริต เป็นผลจากข้อที่ ๓ โดยผู้แทนบางคนเข้ามาก็ทุจริตด้วยความตั้งใจเลย หรือบางคนเข้ามาด้วยความตั้งใจทำงานแต่พอมาเจอผลประโยชน์ต่าง ๆ ก็ทนกิเลสตัวเองไม่ไหว หรือบางคนตั้งใจเข้ามาจริงๆพอมาเจอระบบทุจริตก็ต้องตามน้ำเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้
การแก้ปัญหาการเมืองไทยโดยความคิดเล็กๆหนึ่งความคิด
๑ การแก้ปัญหาจากข้อที่ ๑ กับ ๒ จากปัญหาข้างต้น นั้นเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเป็นทัศนคติส่วนบุคคล ระบบความคิด และประสบการณ์ของแต่ละบุคคลจะแก้ไขต้องใช้เวลาในการปลูกฝัง แต่เรื่องที่สามารถทำได้ก็คือการสร้างระบบที่ทุกคนยอมรับและยอมทำตามเพื่อให้เราทุกคนเดินหน้าต่อไปได้
๒ การแก้ปัญหาจากข้อที่ ๓ กับ ๔ จากปัญหาข้างต้นสิ่งที่ควรจะแก้ที่สำคัญคือ คนที่เป็นผู้แทนเข้ามาทำงานต้องเป็นคนดี มีความสามารถ แต่ก็เป็นไปได้ยากทีจะเป็นอย่างนั้นทั้งหมด จึงต้องมาแก้ไขที่ระบบ โดยระบบที่น่าจะแก้ไขมี ๕ หัวข้อดังนี้
๒.๑ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และระบบต่างๆ ในสภา โดยทำให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆ เช่น Animation หรือ ภาพวาด อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ถึงการเลือกคนดี-คนไม่ดีเข้ามาบริหารจะก่อให้เกิดผลอย่างไร ให้เห็นภาพชัดเจน เพื่อให้เกิดจิตสำนึกที่ดีในการเลือกตั้ง
๒.๒ ระบบเลือกตั้ง
๑) ประเภทของการเลือกตั้ง สส แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ๑ บัญชีรายชื่อ ๒ แบ่งเขต เหมือนเดิม
๒) การเลือกตั้ง สว มาจากนักวิชาการตัวแทนจากองค์กรและมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยในส่วนที่เป็นนักวิชาการต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองใดๆ และมีการคัดเลือกจากองค์กรต่างๆ และมาคัดเลือกจากประชาชนอีกครั้งในวันเลือกตั้ง สว
๓) การหาเสียง เป็นระบบที่ลักษณะแบบทุนนิยม ใครมีต้นทุนมากทั้งคน เงิน และเส้นสาย ก็จะได้เปรียบ ทางแก้ไขคือไม่ต้องมีการหาเสียง แต่ให้ส่วนกลางอาจจะเป็น กกต หรือ หน่วยงานอื่นที่ไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาล ประชาสัมพันธ์อย่างเท่าเทียมกันทุกพรรคการเมืองแทน ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย หรือคุณสมบัติต่างๆ และห้ามไม่ให้มีหัวคะแนน หรือการไปประชาสัมพันธ์ของพรรคเอง และตัดสิทธิผู้ที่มีการละเมิดข้อบังคับในส่วนนี้ด้วย เพื่อลดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน ถ้าเป็นรูปแบบนี้ก็จะส่งผลให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มีเงินทุน และเส้นสายใดๆ ก็จะสามารถเข้ามาแข่งขันได้ และจะช่วยลดการทุจริตได้อีกทางเนื่องจาก พรรคการเมืองไม่ต้องลงทุนในการหาเสียงที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ทั้งเงินที่ซื้อเสียงและการประชาสัมพันธ์ติดป้ายโฆษณาต่าง ๆ อีกทั้งการที่เข้าไปหาเสียงเองหรือผ่านหัวคะแนน ก็จะทำให้ง่ายต่อการซื้อเสียงด้วย ดังนั้นเมื่อมีการลงทุนน้อยหรือไม่มีการลงทุนเลยก็จะลดความคิดที่จะเข้ามาถอนทุน หรือการทุจริตต่างๆ เพื่อเตรียมเงินไว้เลือกตั้งครั้งต่อไป และเมื่อไม่มีหัวคะแนนของผู้แทนแต่ละคน พรรคการเมืองก็ไม่จำเป็นต้องซื้อผู้แทนที่หัวคะแนนมากๆในพื้นที่นั้นๆ เพราะได้คนมาก็ต้องประชาสัมพันธ์จากส่วนกลางอยู่ดี ผู้แทนที่ได้เปรียบในพื้นที่มากที่สุดก็ต้องเป็นผู้แทนที่ได้สร้างคุณงามความดีไว้
๔) มีการประเมินความเป็นไปได้ รวมทั้งข้อดีและข้อเสียของนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบในช่วงการประชาสัมพันธ์อย่างเข้าใจง่ายๆ
๒.๓ ประชาชนต้องสามารถยื่นถอดถอนรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้โดยอาจจะกำหนดจำนวนประชาชนที่มาเข้าชื่อเพื่อถอดถอนในจำนวนที่เหมาะสมอีกที
๒.๔ ถ้ามีความผิดเกี่ยวข้องกับการทุจริตทั้งจากการเลือกตั้งและการบริหารงานต้องเพิ่มโทษที่หนักกว่านี้ เช่น การตัดสิทธิทางการเมืองต้องเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่านี้
๒.๕ ปรับปรุงระบบราชการ ต้องยอมรับรับว่าระบบราชการนั้นเอื้อให้เกิดการทุจริตในทั้งส่วนข้าราชการและ รัฐมนตรีต่างๆ โดยต้องเริ่มจากส่วนการรับคนเข้าทำงานเนื่องจากการเริ่มต้นจากการทุจริตเมื่อเข้ามาทำงานได้ก็จะทุจริตอีกเหมือนกัน โดยคณะกรรมการการคัดสรร ต้องมีความโปร่งในมากกว่าขึ้น ส่วนการแต่งตั้งและโยกย้ายในระดับสูงของส่วนราชการนั้นมีความสำคัญเพื่อให้เกิดการยุติธรรม และลดการทุจริต รัฐมนตรีก็ต้องมีส่วนในการตัดสินใจด้วยไม่เช่นนั้นแล้วอำนาจในการบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบายก็จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ควรที่จะมากเกินจนถึงขั้นที่จะก่อให้เกิดการกลั่นแกล้งกันและการทุจริตได้ โดยอาจจะเป็นลักษณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอชื่อแต่งตั้งหรือโยกย้ายพร้อมเหตุผลและให้กรรมการที่มาจากการคัดสรรและอิสระจากทางการเมืองมาพิจารณาอีกที ในส่วนการปรับปรุงระบบราชการนั้นน่าจะมีอะไรให้แก้ไขมากกว่านี้ ก็ต้องรอให้ท่านผู้รู้และมีประสบการณ์ไปพิจารณาอีกที
โดย ลูกชายพระอาทิตย์