เราัมักจะเรียก...อารมณ์หรือความรู้สึกที่หดหู่ เศร้า ไม่สบายใจ ไม่รื่นเริง หรือที่มันตรงข้ามกับความสุขว่า...ความทุกข์...แต่ความจริงต้นเหตุหรือต้นทางแห่งความทุกข์นั้นมันคือสิ่งเดียวกัน..แต่จิตเราเท่านั้นที่มันไปปรุงแต่งไปเอง...ว่านี่ืคือสุขนะ นี่คือทุกข์นะ..
ดังนั้นจะทำอย่างไรให้จิตแปล อารมณ์หรือความรู้สึกที่เข้ามากระทบจิต ให้เกิดเป็นความปิติ..กับทุกๆอารมณ์..ที่มากระทบ ทั้งสุขทั้งทุกข์..จะอย่างไรก็ปิติ..อิ่มเอมใจ...
นักปฏิบัติคงทราบดีว่า...การปิดกั้นอารมณ์..โดยการทำสมถะ..อย่างเดียวนั้น...มีผลดีแค่เหมือนป็นการออกกำลังกาย...ทำทุกวันร่างกายแข็งแรงจิตใจแข็งแรง...
แต่มีอารมณ์อยู่อารมณ์หนึ่งที่เป็นปฏิปักษ์..ต่อการภาวนาอย่างมาก...นั่นคือ ความรู้สึกที่เราเรียกว่า ความรัก...ไม่ทราบว่าีนักปฏิบัติท่านใดมีประสพการณ์ในการจัดการกับความรู้สึกชนิดนี้บ้างครับ..เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราควรทำอย่างไร...แล้วสาเหตุของการเกิด..มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร..ทำไมมันถึงเลือกที่จะเกิดกับคนนี้...แต่คนนี้ไม่เกิด..ไม่รู้สึกอะไรเลย..แต่คนนี้กับ..หวั่นไหวเสียเหลือเกิน
ความรู้สึกที่เป็น...ทุกข์...
ดังนั้นจะทำอย่างไรให้จิตแปล อารมณ์หรือความรู้สึกที่เข้ามากระทบจิต ให้เกิดเป็นความปิติ..กับทุกๆอารมณ์..ที่มากระทบ ทั้งสุขทั้งทุกข์..จะอย่างไรก็ปิติ..อิ่มเอมใจ...
นักปฏิบัติคงทราบดีว่า...การปิดกั้นอารมณ์..โดยการทำสมถะ..อย่างเดียวนั้น...มีผลดีแค่เหมือนป็นการออกกำลังกาย...ทำทุกวันร่างกายแข็งแรงจิตใจแข็งแรง...
แต่มีอารมณ์อยู่อารมณ์หนึ่งที่เป็นปฏิปักษ์..ต่อการภาวนาอย่างมาก...นั่นคือ ความรู้สึกที่เราเรียกว่า ความรัก...ไม่ทราบว่าีนักปฏิบัติท่านใดมีประสพการณ์ในการจัดการกับความรู้สึกชนิดนี้บ้างครับ..เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราควรทำอย่างไร...แล้วสาเหตุของการเกิด..มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร..ทำไมมันถึงเลือกที่จะเกิดกับคนนี้...แต่คนนี้ไม่เกิด..ไม่รู้สึกอะไรเลย..แต่คนนี้กับ..หวั่นไหวเสียเหลือเกิน