ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 10 เสียงคำรามของราชสีห์

กระทู้สนทนา
บทที่ 9 ไฮพรีสต์แห่งความตาย
http://ppantip.com/topic/31421484

บทที่ 10 เสียงคำรามของราชสีห์

ราเชนมองจอมเวทที่กำลังเดินเข้าสู่สนามอย่างอัศจรรย์ใจ เพราะร่างกายสูงใหญ่จนใกล้เคียงกลับคำว่า ‘หมี’ ไม่ได้ทำให้เขาผู้นั้นเงอะงะเก้งก้างเลยสักนิด ตรงกันข้าม ท่วงท่าการเดินเต็มไปด้วยความงามสง่าราวกับราชสีห์ การวางเท้าลงพื้นแต่ละครั้ง แผ่วเบาและเงียบกริบเหมือนการเดินของคชสาร แขนขากำยำเต็มไปด้วยพละกำลัง ดวงตาทั้งคู่คมกริบดุจเหยี่ยว เมื่อรวมลักษณะเข้าด้วยกันทั้งหมดแล้ว ช่างเหมาะกับผู้ชำนาญเวทของสัตว์เป็นอย่างยิ่ง

ส่วนคนที่เป็นจอมเวทแห่งธาตุนั้นก็มีความน่าเกรงขามไม่แพ้กัน แม้ขนาดร่างกายเล็กกว่า แต่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ดวงตา แขน ขาหรือเส้นผม ล้วนแผ่คลื่นพลังออกมา จนผู้ไร้เวทอย่างราเชนเองยังสามารถสัมผัสได้

เมื่อระฆังการแข่งขันดังขึ้น ทั้งสองยังยืนจ้องตากันอยู่กลางสนามเหมือนรอจังหวะให้อีกฝ่ายลงมือก่อน ในสายตาของคนธรรมดา มันเป็นแค่การยืนประจันหน้า แต่กับพวกจอมเวทด้วยกันแล้ว รู้ดีว่าทั้งคู่กำลังเปล่งพลังในกายออกมาข่มกัน หากคนใดเพลี่ยงพล้ำหรือหย่อนพลังลงแม้แต่น้อย อีกฝ่ายจะลงมือทันที หลังจากยืนนิ่งอยู่ราวห้านาที พื้นดินภายใต้เท้าของฮันด์ จอมเวทพลังสัตว์ก็ยกตัวสูงขึ้น และแยกตัวเป็นช่องดูดร่างสูงใหญ่หายไปในพริบตา แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้เปล่งเสียงร้องอุทาน เขาก็โผล่พรวดขึ้นมาและยิงกระสุนหนามโจมตีอาร์โก้อย่างรวดเร็ว แต่จอมเวทแห่งธาตุยกแผ่นดินขึ้นมากำบังเอาไว้ได้ทัน จากนั้นจึงร่ายเวทเรียกลมหอบใหญ่พัดเข้ามา

เสียงหวีดหวิวในอากาศทำให้อาเซอร์บัสร่ายเวทสร้างม่านคุ้มครองเบอร์ทิน่ากับราเชนทันควัน เด็กหนุ่มขยับเพื่อถามแต่ต้องอ้าปากค้างตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นฝนก้อนหินขนาดเท่ากำปั้น พุ่งพรูมาพร้อมกับกระแสลม

“พสุธากับวายุ ช่างเป็นการประสานธาตุที่ยอดเยี่ยมมาก” เกรย์เอ่ยชมพร้อมกับปรบมือเปาะแปะ และใช้ไฟปัดหินก้อนหนึ่งที่ปลิวมาใกล้จนกลายเป็นผง “แต่การควบคุมยังใช้ไม่ได้”

เขาบ่นทั้งที่ตายังจับจ้องอยู่กับนักสู้ในสนามเพื่อคอยดูว่าฮันด์จะแก้สถานการณ์อย่างไร ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะเขาร่ายเวทพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออก เมื่อสะบัดในท่าของนก สายลมก็พัดหวน หอบหินทั้งหมดปลิวหายขึ้นไปในท้องฟ้า

การตีโต้ของฮันด์ทำให้เกรย์เป่าปาก ปรบมืออย่างถูกอกถูกใจ

“สวยงามมาก”

ราเชนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบถาม

“เขาใช้เวทอะไรเหรอ”

“พญาอินทรี เสี่ยงหน่อยแต่ทรงพลัง”    

พูดยังไม่ทันจบเสียงฮือของคนรอบสนามทำให้หนุ่มมังกรชะเง้อมอง จึงเห็นว่าฮันด์กำลังรุกไล่อาร์โก้ ด้วยความเร็วชนิดมองแทบไม่ทัน พร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลังงานสีน้ำตาลเข้มคล้ายอุ้งเท้าหมีเข้าใส่ไปมา การฟาดแต่ละครั้งรุนแรงจนแผ่นดินยุบเป็นหลุม จอมเวทแห่งธาตุได้แต่เบี่ยงตัวหลบพร้อมกับร่ายมนตราเสียงรัวเร็ว เมื่อฮันด์บุกเข้าไปอีกครั้ง จึงเจอกับน้ำปริมาณมหาศาลที่พุ่งพรวดออกมาจากใต้ดิน ไม่เพียงเท่านั้น รอบตัวจอมเวทแห่งสัตว์ยังยุบตัวลงกลายเป็นแอ่ง พอเขากระโดดขึ้นมาก็โดนลมกระแทกจนหงายหลังร่วงกลับลงไปในน้ำ และถูกดินข้างใต้ยึดเท้าทั้งสองข้างเอาไว้ ไม่ให้โผล่ขึ้นมาข้างบนได้อีกเลย

พรายน้ำจำนวนมากผุดขึ้นมายังด้านบน ทำให้คนดูลุ้นอย่างระทึกว่าฮันด์จะโผล่ขึ้นมาจากบ่อมรณะได้หรือไม่ พอฟองอากาศลูกสุดท้ายลอยขึ้นมา ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ เมื่อไม่มีวี่แววของจอมเวทแห่งสัตว์ อาร์โก้จึงฉีกยิ้มอย่างลำพอง

“ไม่เห็นเก่งอย่างที่ลือ” เขาพูดเสียงเหยียดพร้อมกับชูแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อประกาศชัยชนะ กรรมการจึงหยิบธงขึ้นมาส่งสัญญาณแต่กลับถูกไฟของเกรย์เผาจนเป็นผงร่วงลงบนโต๊ะ

“มันยังไม่จบ”

เขาพูดสั้นๆและยิ้มกว้างเมื่อผืนดินใต้สนามเกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำในบ่อลดฮวบลงอย่างรวดเร็วจนแห้งสนิท ไม่ใช่แค่นั้น ก้นบ่อยังยกตัวสูงขึ้นดันร่างสูงใหญ่ของฮันด์ขึ้นมาจนยืนอยู่ในระดับเดียวกับอาร์โก้

“เป็นไปไม่ได้” จอมเวทแห่งธาตุอุทานด้วยความตระหนก ฮันด์จึงยิ้มแยกเขี้ยว

“ลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีพลังของสัตว์” เขาวาดมือทั้งสองข้างลง “มีสัตว์หลายชนิด อยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ”

เส้นสีเขียวพันเป็นเกลียวรอบแขนฮันด์ และยังเลื้อยลดเลี้ยวไปตามพื้นดิน อาร์โก้รีบร่ายมนต์ให้พสุธาสูบมันลงไปแต่ไม่เป็นผล เพราะบางส่วนชอนไชกลับขึ้นมาได้ใหม่ พอให้เรียกลมมาหมายเป่าพวกมันให้ปลิว เส้นเหล่านั้นกลับชำแรกหายลงไปในดิน และโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ใต้เท้าของเขา และเริ่มพันไล่ขึ้นไปตามลำตัว

“นี่มันอะไรกัน” จอมเวทแห่งธาตุอุทานและพยายามร่ายเวทเรียกไฟมาทำลาย แต่ต้องร้องลั่น เพราะคนที่โดนเผากลับเป็นตัวเขาเอง

“ไม่ได้เรื่อง เป็นจอมเวทแห่งธาตุ แต่กลับใช้ไฟไม่เป็น” เกรย์พูดพลางเอนตัวพิงเสาและอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่าย “น่าผิดหวังชะมัด”

ขณะที่หนุ่มมังกรบ่น สายสีเขียวก็พันตัวอาร์โก้จนไม่สามารถยืนอีกต่อไปได้ พอหงายหลังล้มลง เส้นขนาดเล็กทั้งสีดำและน้ำตาลก็เลื้อยขึ้นมาพันตัวกันยุ่มยั่บ บางอันมุดเข้าไปในเสื้อผ้าสร้างความขยะแขยงจนเขาต้องร้องลั่น และหุบปากเงียบแทบไม่ทันเมื่อร่างสูงใหญ่ของฮันด์หยุดยืนตระหง่านเหนือร่าง พร้อมฝ่าเท้าอันใหญ่โตเหยียบลงไปบนอก

“ยอมแพ้หรือยัง”

เขาถามเสียงต่ำเหมือนคำพูดอยู่ในลำคอ อาร์โก้บดกรามแน่นและสั่นศีรษะ

“ไม่”

น้ำหนักเท้าถูกเพิ่มลงไป แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เพียงน้ำหนักของฮันด์เพียงเท่านั้น เพราะตั้งแต่ข้อเท้าลงมามีเงาของตัวอะไรบางอย่างกำลังส่องแสงสว่างเรืองรอง

“ยอมแพ้ซะ ถ้ายังอยากให้อกของแกอยู่ในสภาพสวยงามแบบนี้” จอมเวทแห่งสัตว์กล่าวและยิ้มมุมปากเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามร่ายเวท “ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าถูกตรึงด้วยพลังของสัตว์ใต้ดิน ลมอะไรก็พัดมันไปไม่ได้ แถมตอนนี้ข้ายังกางอาณาเขตของตัวตุ่นเอาไว้ ต่อให้ใช้ธาตุดิน ก็ถูกมันตะกุยจนพัง” เขากดเท้าลงไปอีก “ยอมแพ้ดีๆเถอะ”

“ไม่มีวัน”

เสียงขาดเป็นห้วง ตามมาด้วยเสียงกรอบเบาๆเหมือนกิ่งไม้หัก ฮันด์ก้มตัวลงเล็กน้อย

“ตอนนี้ตัวข้ามีทั้งหมี และแรด อยากรู้จริงว่าถ้าเพิ่มช้างลงไปอีกตัว ซี่โครงเจ้าจะทนได้ไหม”

ไม่พูดเปล่า มือยังร่ายอักขระลงที่ขาของตัวเอง น้ำหนักที่กดทับลงมาบนร่างกายเพิ่มทวีมากขึ้นสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนอาร์โก้ร้องลั่น

“ยอมแล้ว” เขาตะโกนออกมาอย่างสุดทนแต่ฮันด์กลับเอามือป้องหูและเอียงหน้าเหมือนไม่ได้ยิน

“เจ้าว่าอะไรนะ”

“ข้ายอมแพ้” อาร์โก้ตะเบ็งเสียงแทบกรอกเข้าไปในหู ฮันด์จึงยอมยกเท้าและคลายพันธนาการที่รัดร่างออก ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ กรรมการต่างมองหน้ากันไปมาเหมือนรอให้แน่ใจว่าแพ้ชนะกันจริงจึงยกธงขึ้นและขานชื่อผู้ชนะ จอมเวทร่างหมีโค้งตัวลงน้อยๆพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณจากนั้นจึงก้าวออกจากสนามโดยอาร์โก้มองตามอย่างอาฆาตแค้นไม่วางตา

การแข่งรอบต่อไปเป็นการประชันระหว่างกลุ่มลูปัสกับกลุ่มลีโอ จอมเวททั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด โดยฝ่ายลูปัส ใช้พลังมนุษย์หมาป่าตามชื่อกลุ่ม ซึ่งก็เหมือนโชคชะตา เพราะด้านลีโอ เป็นจอมเวทที่มีพลังชำระล้างของเอ็กโซซิสต์ หลังจากผลัดกันรุกและรับอยู่พักใหญ่ สุดท้ายทางราชสีห์ก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

ในที่สุดก็ถึงการประลองสองกลุ่มสุดท้ายของนัดแรก ฟีนิกซ์กับซิกนัส เวทของทั้งสองฝ่ายมีพลังสูสีกัน แต่ด้านซิกนัสไม่ชั้นเชิงที่เหนือกว่า จึงคว้าชัยไปได้อย่างง่ายดาย

การแข่งขันยุติลงเลยเวลาเที่ยงไปเล็กน้อย กรรมการจึงประกาศปิดสนามสองชั่วโมงเพื่อให้บรรดาจอมเวทและผู้ชมได้ดื่มน้ำ รับประทานอาหารและพักผ่อนให้หายเหนื่อย เมื่อได้ยินดังนั้น เกรย์ ราเชนและเบอร์ทิน่าจึงเดินไปยังห้องอาหาร ส่วนอาเซอร์บัสแยกตัวไปโดยให้เหตุผลว่า มีธุระ พอรู้ว่าจอมเวทหนุ่มไม่อยู่ด้วยราเชนก็แสดงอาการลิงโลดออกมา เขาและเกรย์พาเบอร์ทิน่าไปเลือกของกินที่ถูกใจจากนั้นจึงหาที่นั่งพูดคุยสนทนากันอย่างสนุกสนาน ผ่านไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงคนตะโกนบอกต่อกันมาแต่ไกล

“จอมเวทท้าดวลกัน”

ราเชนกับเกรย์มองหน้ากันและลุกพรวดขึ้นโดยไม่ลืมดึงเบอร์ทิน่าให้วิ่งตามไปด้วย ที่มาของเสียงอยู่ในบริเวณที่น่าจะเป็นลานอเนกประสงค์ของค่ายซึ่งเป็นลานดินกว้าง ตรงกลางมีคนกำลังยืนจ้องหน้ากันอยู่ ความอยากรู้ทำให้ราเชนกับเกรย์มุดฝ่ากลุ่มคนเข้าไปดูจึงรู้ว่าจอมเวททั้งสองคือฮันด์กับอาร์โก้นั่นเอง

“การประลองจบไปแล้วอาร์โก้” เสียงทุ้มห้าวของฮันด์ดังขึ้น อีกฝ่ายกระแทกลมหายใจอย่างฉุนเฉียว

“สำหรับข้า มันยังไม่จบ !” อาร์โก้กระชากเสียงพูดด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดผิดกับมาดที่วางไว้ในครั้งแรก จอมเวทแห่งสัตว์ส่ายหัวอย่างเอือมระอา

“ทำไมถึงได้ดันทุรังแบบนี้ ผลการตัดสินมันออกมาแล้ว สู้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร”

“ข้าไม่ยอมรับการตัดสินงี่เง่าแบบนั้น” จอมเวทแห่งธาตุกล่าวพลางขยับมือร่ายเวทสร้างวงแหวนมนตราขนาดใหญ่ซึ่งมีอักขระซ้อนทับกันถึงสองชั้น การกระทำของเขาทำให้คิ้วดกหนาของฮันด์ขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ

“เจ้าคิดจะซัดข้าด้วยพลังของธาตุทั้งสี่พร้อมกันอย่างนั้นหรือ” เขาผายมือไปรอบตัว “คิดบ้างหรือเปล่าว่าพลังนั่นจะทำให้คนอื่นพลอยรับเคราะห์ไปด้วย”

“ช่างมัน”    

อาร์โก้กล่าวอย่างไม่แยแสและดันมือทั้งสองข้างไปข้างหน้าทันที วงแหวนทั้งสองแตกตัวแยกออกเป็นสี่ เป็นสีเขียว ฟ้า ขาวและแดง อันเป็นสัญลักษณ์ของดิน น้ำ ลมและไฟ ทั้งหมดหมุนวนเหมือนกงจักรลอยขึ้นไปเหนือร่างของฮันด์ ดึงดินให้ก่อขึ้นมาเป็นกำแพงล้อมรอบตัวเขา และปล่อยเปลวเพลิงให้ปะทุขึ้นมาจากใต้บาดาล

“อยากรู้นักว่าสัตว์โลกชนิดไหนอยู่ได้ในน้ำเดือด” อาร์โก้เยาะพลางขยับมือไปเรื่อยๆเพื่อสร้างพูนดินเพิ่มขึ้นอีกสามชั้น จากนั้นจึงปล่อยน้ำที่ถูกต้มจนร้อนจัดลงไป ทุกคนต่างร้องอุทานด้วยความตระหนก ยกเว้นเกรย์

“น่าสบายดีจัง” พูดพลางยกมือขึ้นกอดอกเหมือนไม่วิตกทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้น เบอร์ทิน่าจึงเขย่าตัวเขาพร้อมกับพูด

“ทำเป็นยืนใจเย็นอยู่ได้ ไปช่วยเขาเร็ว”

หนุ่มมังกรส่ายหน้า “ไม่จำเป็น”

“ทำไม อย่าบอกนะว่าเขาตายแล้ว” เด็กสาวกล่าวด้วยใบหน้าเผือด เกรย์จึงโน้มตัวลงยื่นหน้าเข้าไปหา  

“ยังหรอก เขากำลังจะออกมาใน สาม...สอง...หนึ่ง”

สิ้นเสียงกำแพงดินก็พังครืนลงมาทั้งหมด ผู้คนต่างพากันถอยกรูดเพราะกลัวโดนลูกหลงแต่ผิดคาด เพราะสิ่งที่กระเด็นออกมาเป็นเพียงเศษดินก้อนเล็กๆเท่านั้น ส่วนน้ำร้อนที่เห็นเมื่อครู่แห้งเหือดหายไปไม่เหลือสักหยด

“เป็นไปไม่ได้” อาร์โก้อุทานและร่ายมนต์ต่อเนื่องทันที กระแสลมบิดตัวม้วนเป็นเกลียวกลายเป็นลมงวงช้างพุ่งเข้าโจมตีฮันด์อย่างรวดเร็ว แทนที่จะหลบ เขากลับยืนปักหลักมั่น แขนทั้งสองข้างกางออกในขณะที่เจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด พอเห็นดังนั้นเกรย์ถึงกับเบิกตากว้างและอุทานออกมาอย่างลืมตัว

“แย่แล้ว”

เขาโบกมือสร้างม่านป้องกันให้เบอร์ทิน่ากับราเชน ซึ่งทันพอดีกับฮันด์ที่กำลังอ้าปากกว้าง เปล่งเสียงคำรามดังสะเทือนเลื่อนลั่น สร้างคลื่นเสียงอันทรงพลังกระแทกเกลียววายุจนแตกสลาย ไม่เพียงเท่านั้น อำนาจของมันยังส่งไปถึงร่างของอาร์โก้ซึ่งแม้จะร่ายเวทเพื่อสร้างโล่กำบัง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งหรือป้องกันพลังทำลายอันรุนแรงนี้ได้ จึงถูกคลื่นเสียงอัดจนลอยกระเด็นปลิวหายลับไป

เมื่อจัดการกับอาร์โก้เสร็จเรียบร้อยแล้วฮันด์จึงสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งแต่คราวนี้เขาผ่อนออกอย่างช้าๆ เมื่อคลายพลังเวทลงแล้วจึงกวาดตามองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีใครถูกลูกหลงไปด้วยหรือไม่ เมื่อไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเขาจึงพยักหน้าอย่างพอใจและหมุนตัวเดินกลับห้องพักโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่