http://www.readersdigestthailand.co.th/6-causes-of-heart-attack



ในแต่ละเดือนวารสารการแพทย์หลายฉบับได้ตีพิมพ์บทความการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคหัวใจหลายร้อยเรื่องครอบคลุมเนื้อหาเกือบทุกด้าน ห้องสมุดการแพทย์แห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลงานวิจัยด้านการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกระบุบว่า เฉพาะงานวิจัยเรื่องโรคหัวใจก็มีมกกว่า 500,000 เรื่อง แต่แม้ข้อมูลมากแต่ละยังมีชาวออสเตรเลียราว 25,000 คน นิวซีแลนด์ ราว 6,000 คน และชาวอเมริกัน 500,000 คนที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจ (จากสถิติ พ.ศ. 2548 มีคนไทยเสียชีวิตจาก โรคหัวใจและหลอดเลือดปีละ 73,000 คน)  

ผู้เชี่ยวชาญบางคนวิจารณ์ว่า งานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากมุ่งศึกษาแต่แง่มุมที่แคบเกินไป เช่น การศึกษาแค่ว่า เมื่อกินสารอาหารบางชนิดเพิ่มขึ้นจะมีผลเช่นใดกับสรเคมีบางอย่างในร่างกาย ถ้าเปรียบหัวใจมนุษย์เหมือนผืนป่า ต้นไม้แต่ละต้นก็คือปัจจัยปลีกย่อยที่มีผลต่อหัวใจ( คอเลสเตอรอล วิตามิน การออกกำลังกาย ละปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย) การเน้นแต่ประเด็นปลีกย่อยเกินไปทำให้เราเห็นแค่ต้นไม้บางต้นแทนที่จะเห็นสภาพป่าทั้งป่า นอกจากนี้เรายังพบงานวิจัยจำนวนมากที่เจาะลึกแค่กิ่งก้านของต้นไม้เท่านั้น บางคนอาจแย้งว่าการศึกษาวิจัยในประเด็นแคบๆ เมื่อมีจำนวนมากก็สามารถแสดงภาพรวมได้ แพทย์บางคนยังเสริมว่านอกจากงานวิจัยอย่างเจอะลึกแล้ว ยังมีงานวิจัยเชิงระบาดวิทยา (การศึกษาเกี่ยวกับประชากรกลุ่มใหญ่) อีกเป็นจำนวนมาก ที่ทามารถแสดงภาพในมุมกว้างขึ้นอย่างการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโรคหัวใจกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆเช่น วิถีชีวิต หรือสภาพแวดล้อม    

อย่างไรก็ตามก็วิธีที่ข้อมูลวิจัยเหล่านี้ถูกนำมาเผยแพร่มีผลต่อทัศนคติของเราเช่นกัน สื่อมวลชนมักนำเสนอแค่แง่มุมที่คนนิยมพูดถึง เช่น คอเลสเตอรอลสูง แต่ก็เปรียบได้แค่ต้นไม้ในป่าใหญ่ โดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด ที่จริงแล้วปัจจัยเสี่ยงหลักๆของโรคหัวใจล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แทบไม่มีเรื่องใดเลยที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง ดังนั้นยิ่งคุณมีปัจจัยเสี่ยงมาก โอกาสเกิดโรคหัวใจยิ่งมากขึ้นเท่านั้น