‘กลั้นปัสสาวะ’ อันตรายกว่าที่คิด, เอกซเรย์ปอดยังปกติ ไม่ได้หมายความว่าปอดของคุณยังปกติ และ เด็กไทยวันนี้อ้วนขึ้น 2 เท่า

‘กลั้นปัสสาวะ’ นานไป อันตรายกว่าที่คิด
การกลั้นปัสสาวะเกิดขึ้นได้ เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการปลดปล่อย อย่างเช่น รถติดบนถนน ทำงานยาวๆไม่มีเวลาหยุดพัก ทำให้ต้องเลือกใช้วิธีกลั้นไว้ แต่ถ้ากลั้นปัสสาวะจนติดเป็นนิสัย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ

การกลั้นปัสสาวะเกิดขึ้นได้ เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการปลดปล่อย อย่างเช่น ประสบเหตุรถติดบนถนน ทำงานยาวๆไม่มีเวลาหยุดพัก ทำให้หลายๆคนต้องเลือกใช้วิธีกลั้นไว้ แต่ถ้ากลั้นปัสสาวะจนติดเป็นนิสัย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบการขับถ่าย และสร้างปัญหาสุขภาพโดยรวมได้
“โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย” มีเกร็ดความรู้มาบอกเล่าคำเตือนถึงผลกระทบจากการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
อันตรายจากการกลั้นปัสสาวะ
1. เสี่ยงต่อการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ แบคทีเรียในปัสสาวะมีโอกาสเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนทำให้เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะได้ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือกรวยไตอักเสบ เป็นต้น
2. ส่งผลต่อไต หากเกิดการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรวยไตอักเสบ อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต และหากการติดเชื้อลุกลามรุนแรงมากขึ้น อาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้

อาการกรวยไตอักเสบ 
– มีไข้สูง หนาวสั่น
– ปวดบริเวณเอวหรือด้านที่กรวยไตมีการอักเสบ
– คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หรือเบื่ออาหาร
– ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วยได้
“กรวยไตอักเสบ” ป้องกันได้
1. ไม่กลั้นปัสสาวะนานเกินไป
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย วันละ 6 – 8 แก้ว
3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
4. รักษาสุขภาพร่างกาย ควบคุมโรคประจำตัวให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
หากมีอาการผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมาได้.... 

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4304875/



เรื่อง “ที่ว่าเอกซเรย์ปอดยังปกติ ไม่ได้หมายความว่าปอดของคุณยังปกติ”

บ่ายวันนี้เจอคุณป้าท่านหนึ่ง บอกพยายามขอให้ลูกเลิกสูบบุหรี่ ลูกไม่ยอมเลิก บอกว่า
“ผมเพิ่งเอกซเรย์ปอดยังปกติดี”

คนสูบบุหรี่ส่วนใหญ่ จะอ้างว่าเอกซเรย์ปอดยังปกติ จึงสูบต่อไป คิดว่าตัวเองสูบแล้วไม่เป็นอะไร
ในทางการแพทย์ “เอกซเรย์ปอดที่เห็นว่าปกติ ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีอะไรผิดปกติในปอด”  มาไล่ไปทีละประเด็น
1. จุด “เงา” หรือ “ก้อน” ในปอด
การทำเอกซเรย์ปอด  จะเห็นเนื้อปอดเพียง 75 % อีก 25% ของเนื้อปอดจะมองไม่เห็น เพราะถูกบังโดยเงาของหัวใจ กระบังลม เส้นเลือดใหญ่และหลอดลมที่ขั้วปอด และกระดูกซี่โครง

ดังนั้น ถ้ามีจุด หรือมีก้อนเนื้อขนาดเล็ก อยู่ในเนื้อปอดส่วนที่ถูกบังโดยอวัยวะที่กล่าวแล้ว เอกซเรย์ปอดอาจจะมองไม่เห็น หรือมองเห็นไม่ชัดก็ได้ รายงานเอกซเรย์อ่านว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติในปอด

เพราะมะเร็งปอดระยะแรกจริงๆ จะมีขนาดเล็กมากจนไม่ปรากฏเป็นจุดที่สามารถมองเห็นในเอกซเรย์ปอด เมื่อไรที่เอกซเรย์ปอดสามารถเห็น จุดหรือเงาหรือก้อนมะเร็ง มะเร็งนั้นได้เกิดขึ้นในปอดนานแล้ว อาจจะเป็นเวลานับหลายปีแล้ว
โดยมะเร็งจะเริ่มต้นจากเซลล์เดียวซึ่งเล็กมาก ต้องใช้กล้องขยายแสนถึงล้านเท่าจึงจะมองเห็น เซลล์มะเร็งจะเพิ่มจาก 1 เป็น 2 และ 2 เป็น 4 ต่อไปอย่างช้าๆ

เอกซเรย์ปอดที่เริ่มมองเห็นจุดหรือเนื้อมะเร็ง จะต้องมีขนาด 2-3 มิลลิเมตรขึ้นไป ซึ่งจะมีเซลล์มะเร็งนับล้านเซลล์ขึ้นไปแล้ว
และสมมุติว่ามะเร็งปอดมีอายุ 100 เมื่อไหร่ที่เราเห็นจุดหรือก้อนมะเร็งในเอกซเรย์ปอด มะเร็งนั้นมีอายุประมาณ 80 แล้ว
นั่นเป็นเหตุที่ ผู้ที่ได้รับการตรวจพบมะเร็งปอด ส่วนใหญ่มะเร็งจะแพร่กระจายลุกลามไปยังอวัยวะอื่นแล้ว ทำให้การรักษาไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้

2. การเห็นเนื้อปอดที่ถูกทำลายในเอกซเรย์ปอด
โรคถุงลมปอดพองที่พบบ่อยในคนสูบบุหรี่ ถุงลมและหลอดลมขนาดเล็กจะค่อยๆถูกทำลายทั่วปอด เอกซเรย์ปอดจะอ่านว่าปกติ จนกว่าโรคจะเป็นมากแล้ว  มากขนาดที่เนื้อปอดถูกทำลายไปหลายสิบเปอร์เซ็นต์ คนไข้มีอาการเหนื่อยง่ายแล้ว จึงจะเห็นเอกซเรย์มีสีดำจากมีลมขังในปอด
3. เอกซเรย์ปอดกับการทำงานของปอด
เอกซเรย์ปอดเป็นภาพถ่ายนิ่งของหลอดลม ถุงลมและเส้นเลือดในปอด  เป็นเพียงเงา
ไม่สามารถแสดงความผิดปกติของการทำงานของปอด เช่นการเข้าออกของลมหายใจ การทำงานของหลอดลม การไหลเวียนของเลือดผ่านปอด

โดยสรุปก็คือ คนที่สูบบุหรี่มานาน ที่ว่าเอกซเรย์ปอดปกติ ไม่ได้หมายความว่าปอดยังปกติ  ไม่ได้เป็นถุงลมปอดพอง ไม่สามารถยืนยัน 100% ว่า ไม่มีมะเร็งขนาดเล็กมากที่ยังมองไม่เห็นโดยเอกซเรย์ปอด
และต้องไม่ลืมว่า การสูบบุหรี่ไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งปอดเท่านั้น แต่ยังมีมะเร็งอีก 11 ชนิดที่เกิดที่อวัยวะอื่นนอกปอด  ที่เอกซเรย์ปอดปกติ ตั้งแต่ช่องปากและลำคอ กล่องเสียง หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ตับ ตับอ่อน ไต กระเพาะปัสสาวะ เม็ดเลือดขาว และปากมดลูก
ที่สำคัญคือ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดใหญ่ในท้องโป่ง เอกซเรย์ปอดก็จะปกติ
อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านที่สูบบุหรี่น่าจะเกิดคำถามว่า “ แล้วตรูจะเลิกเมื่อไหร่ดี”

ข่าวดีก็คือ ยิ่งเลิกเร็วเท่าไร ยิ่งดี
มีการวิจัยที่ติดตามแพทย์อังกฤษที่สูบบุหรี่กับที่ไม่สูบบุหรี่เป็นเวลา 50 ปี พบว่า โดยเฉลี่ย คนที่เลิกก่อนอายุ 30 ปี อายุยืนขึ้น 10 ปี คนที่เลิกก่อน 40 ปี อายุยืนขึ้น 9 ปี เลิกก่อน 50 ปี อายุยืนขึ้น 6ปี และเลิกก่อน 60 ปี อายุยืนขึ้นเพียง 3 ปี
จึงไม่ควรลังเลที่จะรีบเลิก เพราะยิ่งสูบนานยิ่งเลิกยาก และจะเลิกได้เมื่อป่วยแล้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช้าเกินไปแล้ว
และงานวิจัยเริ่มพบว่า คนสูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไปสูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้ลดโอกาสที่จะเกิดโรคต่างๆของปอดและหัวใจ
จึงขอให้ท่านโชคดี เลิกสูบทั้งบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าได้ในเร็ววันนะครับ
ข้อมูลจาก ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
นายแพทย์สุรพงศ์  อำพันวงษ์... 

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/4206730/



วิกฤติเด็กไทยวันนี้อ้วนขึ้น 2 เท่า

เก็บตกงานวันเด็กปีนี้ เครือข่ายต้านโรคไม่ติดต่อไทย ( Association of Thai NCDs Alliance) ออกมาย้ำเตือนถึงการดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกินซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพ และการเจริญเติบโตของเด็ก ๆ

เก็บตกงานวันเด็กปีนี้ เครือข่ายต้านโรคไม่ติดต่อไทย ( Association of Thai NCDs Alliance) ออกมาย้ำเตือนถึงการดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกินซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพ และการเจริญเติบโตของเด็ก ๆ โดย รศ.นพ.เพชร รอดอารีย์ นายกสมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย มีความเป็นห่วงเนื่องจากปัจจุบันภาวะ อ้วนในเด็กเพิ่มขึ้น 2 เท่า เทียบกับเมื่อ สิบปีก่อน จากการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มี น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูง โดยส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากการโฆษณาโน้มน้าวให้เด็กซื้อและกินอาหารรสหวาน มัน เค็ม สร้างนิสัยการบริโภคผิด ๆ ยากต่อการแก้ไขในระยะยาว

จากการวิจัยพบว่า เด็กไทยประมาณ 70-80% เห็นสื่อและเทคนิคการตลาดอาหารในชีวิตประจำวันจนชินตา และเลือกซื้อโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กตามแนวทางเพื่อการยุติโรคอ้วนในเด็กในระดับสากล (Ending Children Obesity : ECHO) ขององค์การอนามัยโลก

อีกปัจจัยหนึ่งยังมีผู้ใหญ่บางส่วนเข้าใจผิดว่า เด็กอ้วนไม่เป็นไร เมื่อโตขึ้นก็จะผอมเอง ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า ผู้ใหญ่ที่อ้วน 55% เคยอ้วนตอนเป็นเด็ก ดังนั้น เด็กอ้วนจึงเสี่ยงโตเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนและเจ็บป่วยด้วยโรค NCDs ตั้งแต่อายุยังน้อย หากไม่แก้ไขอีก 5 ปี คนไทยอายุ 20 ปีขึ้นไป 1 ใน 2 จะเป็นโรคอ้วน

’สาเหตุของโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเกิดจากการกินอาหารหวาน มัน เค็ม 80% ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น การไม่ออกกำลังกาย และภาวะเครียด ซึ่งปัจจุบันพบผู้ป่วยที่อ้วนและป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งสมาพันธ์โรคอ้วนนานาชาติ คาดการณ์ในอีก 6-7 ปี ข้างหน้า จะเกิดภาระด้านค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 7 แสนแสนล้านบาท“

รศ.นพ.เพชร ระบุว่า เพื่อแก้ปัญหาเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทยร่วมกับกรมอนามัยและภาคีสุขภาพ ได้ยกร่างกฎหมายควบคุมการโฆษณาและการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่มีผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก เพราะมีหลักฐานทางวิชาการชัดเจนว่าการใช้กฎหมายที่เข้มแข็งควบคุมการโฆษณาการตลาดอาหารที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทางโภชนาการที่เหมาะสมนั้น จะส่งผลดีต่อการแก้ปัญหาโรคอ้วนในเด็กอย่างชัดเจน

โดยสาระสำคัญของกฎหมาย เช่น ห้ามทำการโฆษณาที่มีลักษณะโน้มน้าวจูงใจเด็ก ห้ามทำการแลก แจก แถม ชิงรางวัล ห้ามบริจาคอาหารหรือขนมเหล่านี้ในกิจกรรมของโรงเรียนเพราะเป็นการสนับสนุนที่เชื่อมโยงกับสินค้าโดยตรง ห้ามทำกิจกรรมการตลาดออนไลน์ เป็นต้น

ซึ่งร่างกฎหมายนี้ยกร่างมากว่า 3 ปี และผ่านการประชาพิจารณอย่างกว้างขวางแล้ว เมื่อประกาศใช้ จะเป็นเครื่องมือปกป้องเด็กจากการบริโภคที่ไม่เหมาะสมที่ไม่อาจรู้เท่าทันเทคนิคทางการตลาด เพื่อให้สังคมไทยมีความเข้มแข็งทางสังคมและเศรษฐกิจด้วยการมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นพื้นฐาน.

... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/4279826/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่