ศาลอาญา ยกคำร้องขอถอนหมายจับสุเทพ และไม่มีผลผูกพันกับศาล รฐน.

"เลขานุการศาลอาญา" แจงกรณียกคำร้องเพิกถอนหมายจับ "สุเทพ" ชี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดี การอ้างเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่าฝืนกฎหมายอาญาไม่ได้...

วันที่ 19 ธ.ค. 56 นางสาวรุ่งระวี โสขุมา เลขานุการศาลอาญา ออกหนังสือชี้แจงกรณียกคำร้อง
เพิกถอนหมายจับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในข้อหา
ก่อกบฏ ลงวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า คำร้องของผู้ต้องหาที่ได้เพิกถอนหมายจับ ได้อ้างว่าเป็นการ
ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นการฝ่าฟืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 68
วรรค 1 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 216 วรรค 5 ได้บัญญัติไว้ว่า คำวินิจฉัยของ
ศาลรัฐธรรมนูญให้มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรเอกชนอื่นของรัฐ ก็ตาม แต่คำ
วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องเป็นข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ฉบับที่ 56/2556 ว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นการกระทำที่
ผิดกฎหมาย ประกอบกับคำวินิจฉัย 66/2556 ระบุว่าการบุกรุกยึดสถานที่ราชการไม่เกิดขึ้นแล้ว และ
สถานการณ์ได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรและเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงไม่มีมูลเป็นการฝ่าฝืน
มาตรา 68 วรรค 1 นั้น แตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการไต่สวนของพนักงานสอบสวน
เพราะนายสุเทพกับพวกได้ร่วมกันขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายให้ฝ่ายบริหารไม่อาจใช้อำนาจใน
การบริหารประเทศไทย บุกรุกเข้ายึดสถานที่ราชการ คือกระทรวงการคลังและศูนย์ราชการแจ้ง
วัฒนะ ทั้งขู่เข็ญ ตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า เป็นเหตุให้ข้าราชการไม่กล้าเข้าไปทำงาน หรือเข้าที่ทำงานไม่ได้
อันเป็นการยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย เป็นการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่ง
อย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

"ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันศาลอาญา ให้ต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ"

ส่วนการที่ผู้ต้องหาอ้างเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา
63 ศาลอาญาเห็นว่า แม้รัฐธรรมนูญบัญญัติ แต่ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนจะสามารถใช้เสรีภาพ
จนปราศจากขอบเขต หรือไปละเมิดสิทธิของประชาชนผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะต้องไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
บ้านเมือง เพราะเป็นกฎหมายที่ตราออกมาบังคับประชาชนทุกคน

"การอ้างเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่มีการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยเฉพาะประมวลกฎหมาย
อาญา ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีอัตราโทษสูง จึงไม่อาจถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหา เป็นการ
ชุมนุมที่สงบตามที่กล่าวอ้าง" เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4946/2555

ขณะที่คำกล่าวอ้าง เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนขอหมายจับมิชอบ โดยไม่มีการรับฟังพยาน ผู้ต้องหา
และออกหมายเรียก ศาลเห็นว่าการออกหมายจับ เป็นอำนาจศาลโดยตรง เมื่อศาลเห็นว่ามีพยาน
หลักฐานตามสมควร ว่าผู้ต้องหาน่าจะทำผิดกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี ศาลย่อม
ใช้ดุลพินิจออกหมายจับได้ทันที ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 (1) ไม่จำ
เป็นต้องออกหมายเรียกก่อน เพราะการออกหมายจับเป็นเพียงขั้นตอน เพื่อให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวน
การ ยุติธรรม ดังนั้น การออกหมายจับผู้ต้องหา จึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุ
ต้องเพิกถอนหมายจับ.

* โดย ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/pol/390433
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่