ท่านใดมีความรู้พอตัวแล้ว คลิกไปดูข่าวเองเลยครับ
http://www.thairath.co.th/content/pol/390433
สำหรับท่านที่อ่านไทยรัฐแล้วไม่เข้าใจ ต้องการที่มาที่ไป อะไรยังไง
ผมก็จะขออาสาเล่าช่าวแบบคร่าวๆแบบภาษาพูด พอเข้าใจสถานการณ์ ดังนี้
เริงไกร ลีกิจวัฒนะ ไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า ม๊อบสุเทพเนี่ยพยามจะล้มล้างการปกครอง (ผิดกฏหมาย รธน. มาตรา 68 หรือไม่ มันเป็นกบฏหรือเปล่า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาตรา ๖๘ (วรรคหนึ่ง) "บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ... มิได้"
มาตรา ๖๘ (วรรคสอง) "ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทําการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทําดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคําร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทําดังกล่าว แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนการดําเนินคดีอาญาต่อผู้กระทําการดังกล่าว”
ศาลรัฐธรรมนุญก็วินิจฉัยว่า
ไม่หรอก ที่เขาทำน่ะ เขาเลิกแล้วไม่ใช่เหรอ ที่ยึดก็เลิกยึดแล้ว
แล้วก็ไล่รัฐบาลจนยุบสภาแล้ว ไม่ขั๊ดดดไม่ขัด มาตรา 68 (คือเป็นม๊อบธรรมดาๆ ไม่ได้มาล้มอำนาจรัฐ)
ประชาชนใช้สิทธิตามปกติน๊า ยกคำร้อง!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริงไกร กุมขมับ กลับไปนอนร้องไห้ นึกในใจ
ตุมาร้องว่า ที่มันทำลงไปเนี่ยะ มันขัดหรือไม่ขัด
ไม่ได้มาถามว่ามันเลิกไปรึยัง!?!?!?!
สรุปว่านายสุเทพ ได้ยันต์มหารอด จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
บอกว่า สุเทพเป็นม๊อบปกติ ใช้สิทธิปกติ ไม่ขัดมาตรา 68
ตามกฏหมายแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ มีศักดิ์เหนือกว่าทุกศาล
คำสั่งของศาลนี้ ผูกพันธ์ทุกองค์กร ทุกองค์กรมีหน้าที่ต้องทำตาม
ฝ่ายสุเทพก็เลียปากแผล่บๆ หวานละกรู ศาลอาญาที่ออกหมายจับกบฏให้กรู ต้องปล่อยตูแน่
ใครจะกล้าขัดศาล รธน. ก็เลยจะเอาคำวินิจฉัยเนี๊ยะ
ไปอ้างอิง ร้องศาลอาญาให้ยกเลิกหมายจับข้อหากบฏ
ปรากฏว่า ศาลอาญาออกตัวแรง ศาลอาญาบอกว่า
ศาลรัฐธรรมนุญเขาฟังข้อเท็จจริงอย่างนั้น ก็เลยไปตัดสินอย่างนั้น ก็ช่างเขา
แต่ที่ตำรวจมาขอให้ฉันสั่งจับกบฏเนียะ เขาเล่าคนละเรื่องกับที่ศาล รธน. ใช้พิจารณา
มันไม่ได้สงบสันติปราศจากอาวุธ และมันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่ผิดกฏหมาย
แล้วฉันดูแล้ว มันก็เข้าข่ายกบฏ ฉันจึงยืนยันหมายจับตามเดิม!
"... ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ฉบับที่ 56/2556 ว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับคำวินิจฉัย 66/2556 ระบุว่าการบุกรุกยึดสถานที่ราชการไม่เกิดขึ้นแล้ว และสถานการณ์ได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรและเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงไม่มีมูลเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 68 วรรค 1 นั้น แตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการไต่สวนของพนักงานสอบสวน เพราะนายสุเทพกับพวกได้ร่วมกันขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายให้ฝ่ายบริหารไม่อาจใช้อำนาจในการบริหารประเทศไทย บุกรุกเข้ายึดสถานที่ราชการ คือกระทรวงการคลังและศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ทั้งขู่เข็ญ ตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า เป็นเหตุให้ข้าราชการไม่กล้าเข้าไปทำงาน หรือเข้าที่ทำงานไม่ได้ อันเป็นการยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย เป็นการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง"
"ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันศาลอาญา ให้ต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แปลเป็นไทยว่า ศาลรัฐธรรมนูญฟังมาอย่างนั้น เขาก็ตัดสินอย่างนั้น
แต่ฉันฟังข้อเท้จจริงอีกอย่าง ฉันจึงต้องตัดสินไปตามข้อเท้จจริงที่ฉันฟังมา
ฉันตัดสินบนข้อเท็จจริงคนละเรื่องกะเธอนะ บอกก่อน อย่ามาว่าฉันก้าวก่ายหรือไม่ยอมรับอำนาจ ไม่ได้นะ
ส่วนการที่ผู้ต้องหาอ้างเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ศาลอาญาเห็นว่า แม้รัฐธรรมนูญบัญญัติ แต่ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนจะสามารถใช้เสรีภาพจนปราศจากขอบเขต หรือไปละเมิดสิทธิของประชาชนผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะต้องไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายบ้านเมือง เพราะเป็นกฎหมายที่ตราออกมาบังคับประชาชนทุกคน
"การอ้างเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่มีการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีอัตราโทษสูง จึงไม่อาจถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหา เป็นการชุมนุมที่สงบตามที่กล่าวอ้าง" เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4946/2555
ขณะที่คำกล่าวอ้าง เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนขอหมายจับมิชอบ โดยไม่มีการรับฟังพยาน ผู้ต้องหา และออกหมายเรียก ศาลเห็นว่าการออกหมายจับ เป็นอำนาจศาลโดยตรง เมื่อศาลเห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควร ว่าผู้ต้องหาน่าจะทำผิดกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจออกหมายจับได้ทันที ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 (1) ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกก่อน เพราะการออกหมายจับเป็นเพียงขั้นตอน เพื่อให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรม ดังนั้น การออกหมายจับผู้ต้องหา จึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุต้องเพิกถอนหมายจับ....."
ชิหาละ
ตุลาการภิวัฒน์ เจอ ตุลาการภิวัฒน์ซ้อน
ปฏิวัติซ้อน!!!
กำใดใครกำ กำนั้นก้อยู่ในมือตัวเองนั้นแหละ
เรื่องนี้คงเป้นที่เม้าท์กันสนั่นในช่วงนี้แหงมๆ
ศาลอาญา แรงง ! ยืน!หมายจับกบฏสุเทพ ปัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ!
http://www.thairath.co.th/content/pol/390433
สำหรับท่านที่อ่านไทยรัฐแล้วไม่เข้าใจ ต้องการที่มาที่ไป อะไรยังไง
ผมก็จะขออาสาเล่าช่าวแบบคร่าวๆแบบภาษาพูด พอเข้าใจสถานการณ์ ดังนี้
เริงไกร ลีกิจวัฒนะ ไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า ม๊อบสุเทพเนี่ยพยามจะล้มล้างการปกครอง (ผิดกฏหมาย รธน. มาตรา 68 หรือไม่ มันเป็นกบฏหรือเปล่า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ศาลรัฐธรรมนุญก็วินิจฉัยว่า
ไม่หรอก ที่เขาทำน่ะ เขาเลิกแล้วไม่ใช่เหรอ ที่ยึดก็เลิกยึดแล้ว
แล้วก็ไล่รัฐบาลจนยุบสภาแล้ว ไม่ขั๊ดดดไม่ขัด มาตรา 68 (คือเป็นม๊อบธรรมดาๆ ไม่ได้มาล้มอำนาจรัฐ)
ประชาชนใช้สิทธิตามปกติน๊า ยกคำร้อง!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปว่านายสุเทพ ได้ยันต์มหารอด จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
บอกว่า สุเทพเป็นม๊อบปกติ ใช้สิทธิปกติ ไม่ขัดมาตรา 68
ตามกฏหมายแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ มีศักดิ์เหนือกว่าทุกศาล
คำสั่งของศาลนี้ ผูกพันธ์ทุกองค์กร ทุกองค์กรมีหน้าที่ต้องทำตาม
ฝ่ายสุเทพก็เลียปากแผล่บๆ หวานละกรู ศาลอาญาที่ออกหมายจับกบฏให้กรู ต้องปล่อยตูแน่
ใครจะกล้าขัดศาล รธน. ก็เลยจะเอาคำวินิจฉัยเนี๊ยะ
ไปอ้างอิง ร้องศาลอาญาให้ยกเลิกหมายจับข้อหากบฏ
ปรากฏว่า ศาลอาญาออกตัวแรง ศาลอาญาบอกว่า
ศาลรัฐธรรมนุญเขาฟังข้อเท็จจริงอย่างนั้น ก็เลยไปตัดสินอย่างนั้น ก็ช่างเขา
แต่ที่ตำรวจมาขอให้ฉันสั่งจับกบฏเนียะ เขาเล่าคนละเรื่องกับที่ศาล รธน. ใช้พิจารณา
มันไม่ได้สงบสันติปราศจากอาวุธ และมันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่ผิดกฏหมาย
แล้วฉันดูแล้ว มันก็เข้าข่ายกบฏ ฉันจึงยืนยันหมายจับตามเดิม!
"... ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ฉบับที่ 56/2556 ว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับคำวินิจฉัย 66/2556 ระบุว่าการบุกรุกยึดสถานที่ราชการไม่เกิดขึ้นแล้ว และสถานการณ์ได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรและเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงไม่มีมูลเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 68 วรรค 1 นั้น แตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการไต่สวนของพนักงานสอบสวน เพราะนายสุเทพกับพวกได้ร่วมกันขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายให้ฝ่ายบริหารไม่อาจใช้อำนาจในการบริหารประเทศไทย บุกรุกเข้ายึดสถานที่ราชการ คือกระทรวงการคลังและศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ทั้งขู่เข็ญ ตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า เป็นเหตุให้ข้าราชการไม่กล้าเข้าไปทำงาน หรือเข้าที่ทำงานไม่ได้ อันเป็นการยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย เป็นการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง"
"ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันศาลอาญา ให้ต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนการที่ผู้ต้องหาอ้างเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ศาลอาญาเห็นว่า แม้รัฐธรรมนูญบัญญัติ แต่ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนจะสามารถใช้เสรีภาพจนปราศจากขอบเขต หรือไปละเมิดสิทธิของประชาชนผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะต้องไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายบ้านเมือง เพราะเป็นกฎหมายที่ตราออกมาบังคับประชาชนทุกคน
"การอ้างเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่มีการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีอัตราโทษสูง จึงไม่อาจถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหา เป็นการชุมนุมที่สงบตามที่กล่าวอ้าง" เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4946/2555
ขณะที่คำกล่าวอ้าง เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนขอหมายจับมิชอบ โดยไม่มีการรับฟังพยาน ผู้ต้องหา และออกหมายเรียก ศาลเห็นว่าการออกหมายจับ เป็นอำนาจศาลโดยตรง เมื่อศาลเห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควร ว่าผู้ต้องหาน่าจะทำผิดกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจออกหมายจับได้ทันที ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 (1) ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกก่อน เพราะการออกหมายจับเป็นเพียงขั้นตอน เพื่อให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรม ดังนั้น การออกหมายจับผู้ต้องหา จึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุต้องเพิกถอนหมายจับ....."
ชิหาละ
ตุลาการภิวัฒน์ เจอ ตุลาการภิวัฒน์ซ้อน
ปฏิวัติซ้อน!!!
กำใดใครกำ กำนั้นก้อยู่ในมือตัวเองนั้นแหละ
เรื่องนี้คงเป้นที่เม้าท์กันสนั่นในช่วงนี้แหงมๆ