สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวก้นครัว วันนี้เราจะมาทำ 'ต็อกบกกี' สูตรง่ายๆ แต่อร่อย(มาก) กันค่ะ
(ปกติไม่ค่อยตั้งกระทู้หรอกค่ะ แต่ชอบทำอาหาร แหะๆ)
เท้าความไปตอนที่เราเคยเรียนอยู่ที่เกาหลีใต้ เมนูโปรดของเรามีเยอะมากค่ะ หนึ่งในนั้นคือต็อกบกกี
หรือเค้กข้าวผัดซอสแดงๆ ตามที่คนไทยเข้าใจกัน อยู่ที่โน่น หาซื้อง่าย ทุกที่ทุกเวลา ตามข้างทาง
หรือร้านอาหารก็มีขาย รสชาดจะต่างกันไปตามวัตถุดิบของแต่ละร้าน แต่ก็ไม่ต่างกันมากค่ะ ที่ต่างก็จะมีความแข็งนึ่มของแป้งต็อก
พอกลับไทยมา เมนูนี้กลายเป็นของหากินยากไปโดยปริยาย คือเดี๋ยวนี้ยอมรับว่ามีขายอยู่หลายที่เหมือนกัน
แต่รสชาดไม่ถูกปากเราสักร้านเลย ไม่เหมือนที่เคยกินที่เกาหลี ไม่เหมือนที่อยากกิน สุดท้ายเลยต้องทำกินเอง
ตอนอยู่ที่โน่นเราเคยเรียนทำต็อกบกกีอยู่หนนึงค่ะ พอกลับไทยมาก็เลยคิดว่าน่าจะทำกินเองได้
มาดูส่วนผสมกันจ้า (สูตรนี่เราทำมาหลายครั้งมากแล้วค่ะ รับรองอร่อย ไม่ยากเลย)
1. แป้งต็อก (แท่งขาวๆ ยาวๆ หาซื้อได้ที่สุขุมวิท12 หรือโคเรียนทาวน์ค่ะ รู้สึก villa market ก็น่าจะมีค่ะ)
2. ออมุก (หรือเค้กปลา เป็นแผ่นคล้ายๆ โอเด้งที่มีส่วนผสมของปลาอยู่ด้วย อันนี้ซื้อได้ที่โคเรียนทาวน์เหมือนกันค่ะ)
3. ซอสต็อกบกกี หรือ โกจูจัง (เลือกได้จากสองอย่างนี้ค่ะ ใส่ได้เหมือนกันทั้งคู่ หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต)
4. ต้นหอมญี่ปุ่น
5. ผักตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นหัวหอม แครอท กะหล่ำปลี มันฝรั่ง ใส่ได้ตามชอบเลยค่ะ
6. ถ้าอยากเพิ่มเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงไปด้วยก็ได้ค่ะ ก็จะกลายเป็นราบกกี ^^
*รอบนี้เราใช้ซอสต็อกบกกีสำเร็จค่ะ เพราะซื้อมาตุนไว้นานแล้ว กำลังจะหมดอายุพอดีเลยต้องรีบทำ 55555
ส่วนใครหาซื้อไม่ได้ก็ใส่เป็นโกชูจัง (ซอสพริกเกาหลี) แทนได้เลยค่ะ แล้วก็ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองหรือน้ำผึ้งตามชอบ
นี่เป็นหน้าตาของออมุกนะคะ เป็นแผ่นแป้งเค้กปลาแบบนี้ค่ะ
ก่อนจะทำ แนะนำให้หั่นผัก ต็อก และวัตถุดิบทุกอย่างที่จะใช้ให้เสร็จก่อน เพราะว่าขั้นตอนการปรุงมันไม่มีอะไรเลย
รวดเร็วมากค่ะ ถ้ามัวแต่มาหั่นทีละอย่าง เดี๋ยวของที่ใส่กระทะไปแล้วจะไหม้เอาเน้อ
ตั้งไฟอ่อนๆ และเทน้ำมันใส่กระทะค่ะ รอให้น้ำมันร้อนหน่อยแล้วก็ลงแป้งต็อก รวนให้พอมีกลิ่นนิดนึง
พอกระทะร้อนได้ที่แล้ว อย่าปล่อยให้ต็อกไหม้นะคะ และใส่น้ำ 1 ถ้วย(เราไม่ได้ตวงน้ำค่ะ ใส่ลงไปอย่าเยอะมาก เพราะต้องคอยเติมเรื่อยๆ)
พอน้ำเดือดปุดๆ ก็เทซอสลงไปค่ะ เราเทหมด 1 ซอง (150กรัม) ถ้าใครใช้โกชูจัง ก็ใส่ประมาณ 3-4 ช่อนโต๊ะแล้วชิมรสก่อนค่ะ
ถ้ายังไม่พอใจก็ใส่เพิ่มได้เลย หลังจากใส่ซอสลงไปแล้ว ก็คนๆ ให้เข้ากันค่ะ พอซอสเริ่มข้น ก็ใส่ผักและออมุกลงไป
ในระหว่างรอให้ทุกอย่างสุก ห้ามเร่งไฟแรงนะคะ เพราะจะทำให้ต็อกและออมุกไหม้
ผักสุกง่ายอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าอยากรู้ว่าต็อกนิ่มรึยัง ให้ตักขึ้นมาชิมค่ะ
ถ้านุ่มๆ เหนียวๆ ไม่แข็งเป็นไตๆ แล้วก็แสดงว่าสุกพร้อมทาน ถ้าเกิดซอสมันงวดจนข้นเกินไป ให้เติมน้ำทีละนิดค่ะ
เสร็จแล้ว~ ง่ายมากๆ ไม่ต้องปรุงอะไรเลยด้วยค่ะถ้าใช้ซอสแบบซองสำเร็จ แต่ถ้าใช้โกชูจัง
อาจจะต้องเพิ่มน้ำผึ้ง หรือซอสถั่วเหลืองนิดหน่อยนะคะ เราแนะนำให้ใส่น้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวาน
แล้วก็ใส่ซอสถั่วเหลืองเพื่อเิพิ่มความหอม (ในกรณีที่ใส่โกชูจัง)
ส่วนใครใส่ซอสซองแบบที่เราใช้ รสชาดที่เค้าทำมามันอร่อยดีอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าชิมแล้วไม่ชอบก็ปรุงรสเพิ่มได้ตามสบาย ^^
อันนี้เป็นเส้นรา-มยอนที่เราใส่เพิ่มลงไปทีหลังสุดตอนทำทุกอย่างเส้นแล้วค่ะ ต้มลงไปในกระทะเลย
แล้วเติมน้ำลงไปเรื่อยๆ เพราะเส้นมันจะดูดซอสไปหมด แต่ถ้าใครไม่อยากทานเส้นก็ไม่ต้องใส่นะคะ
แต่เราชอบกินราบกกีมากกว่าต็อกบกกี 55555 (ราบกกี = รา-มยอน + ต็อกบกกี)
*เส้นที่ใช้เป็นของยี่ห้อโอตูกี เป็นรา-มยอนซารีค่ะ ในซองจะมีแต่เส้น ไม่มีผงปรุงเพื่อมาต้มกินเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปค่ะ
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ ก้นครัวทุกคนที่อยากทานต็อกบกกีแต่เจอปัญหาไม่ถูกปาก
ไม่เหมือนกับที่เคยกินที่เกาหลี หรือบางร้านขายทีจานละ 250 ได้มากระจ๋อยเดียว เชื่อเราว่าทำเองถูกกว่าค่ะ
แป้งต็อกทั้งเส้นราคา 150 บาท ตัดแบ่งแล้วทำได้ 5 ครั้งค่ะ (รูปด้านบนเป็นแค่เศษ 1 ส่วน 5 ของแป้งต็อกทั้งหมด)
ส่วนออมุกถุงละ 280 บาท มี 10 แผ่น การทำ 1 กระทะใช้แค่ 2 แผ่นก็อิ่มมากแล้วค่ะ
ซอสต็อกบกกีถุงละ 60 บาทค่ะ โกชูจังกระปุกละ 100 กว่าบาท ทำได้เกินสามสี่ครั้งแน่นอน
ลองไปทำกันดูนะคะ มีข้อสงสัยถามได้น้า >w<
Cooking Time: ต็อกบกกี เมนูนี้ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ^^
(ปกติไม่ค่อยตั้งกระทู้หรอกค่ะ แต่ชอบทำอาหาร แหะๆ)
เท้าความไปตอนที่เราเคยเรียนอยู่ที่เกาหลีใต้ เมนูโปรดของเรามีเยอะมากค่ะ หนึ่งในนั้นคือต็อกบกกี
หรือเค้กข้าวผัดซอสแดงๆ ตามที่คนไทยเข้าใจกัน อยู่ที่โน่น หาซื้อง่าย ทุกที่ทุกเวลา ตามข้างทาง
หรือร้านอาหารก็มีขาย รสชาดจะต่างกันไปตามวัตถุดิบของแต่ละร้าน แต่ก็ไม่ต่างกันมากค่ะ ที่ต่างก็จะมีความแข็งนึ่มของแป้งต็อก
พอกลับไทยมา เมนูนี้กลายเป็นของหากินยากไปโดยปริยาย คือเดี๋ยวนี้ยอมรับว่ามีขายอยู่หลายที่เหมือนกัน
แต่รสชาดไม่ถูกปากเราสักร้านเลย ไม่เหมือนที่เคยกินที่เกาหลี ไม่เหมือนที่อยากกิน สุดท้ายเลยต้องทำกินเอง
ตอนอยู่ที่โน่นเราเคยเรียนทำต็อกบกกีอยู่หนนึงค่ะ พอกลับไทยมาก็เลยคิดว่าน่าจะทำกินเองได้
มาดูส่วนผสมกันจ้า (สูตรนี่เราทำมาหลายครั้งมากแล้วค่ะ รับรองอร่อย ไม่ยากเลย)
1. แป้งต็อก (แท่งขาวๆ ยาวๆ หาซื้อได้ที่สุขุมวิท12 หรือโคเรียนทาวน์ค่ะ รู้สึก villa market ก็น่าจะมีค่ะ)
2. ออมุก (หรือเค้กปลา เป็นแผ่นคล้ายๆ โอเด้งที่มีส่วนผสมของปลาอยู่ด้วย อันนี้ซื้อได้ที่โคเรียนทาวน์เหมือนกันค่ะ)
3. ซอสต็อกบกกี หรือ โกจูจัง (เลือกได้จากสองอย่างนี้ค่ะ ใส่ได้เหมือนกันทั้งคู่ หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต)
4. ต้นหอมญี่ปุ่น
5. ผักตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นหัวหอม แครอท กะหล่ำปลี มันฝรั่ง ใส่ได้ตามชอบเลยค่ะ
6. ถ้าอยากเพิ่มเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงไปด้วยก็ได้ค่ะ ก็จะกลายเป็นราบกกี ^^
*รอบนี้เราใช้ซอสต็อกบกกีสำเร็จค่ะ เพราะซื้อมาตุนไว้นานแล้ว กำลังจะหมดอายุพอดีเลยต้องรีบทำ 55555
ส่วนใครหาซื้อไม่ได้ก็ใส่เป็นโกชูจัง (ซอสพริกเกาหลี) แทนได้เลยค่ะ แล้วก็ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองหรือน้ำผึ้งตามชอบ
นี่เป็นหน้าตาของออมุกนะคะ เป็นแผ่นแป้งเค้กปลาแบบนี้ค่ะ
ก่อนจะทำ แนะนำให้หั่นผัก ต็อก และวัตถุดิบทุกอย่างที่จะใช้ให้เสร็จก่อน เพราะว่าขั้นตอนการปรุงมันไม่มีอะไรเลย
รวดเร็วมากค่ะ ถ้ามัวแต่มาหั่นทีละอย่าง เดี๋ยวของที่ใส่กระทะไปแล้วจะไหม้เอาเน้อ
ตั้งไฟอ่อนๆ และเทน้ำมันใส่กระทะค่ะ รอให้น้ำมันร้อนหน่อยแล้วก็ลงแป้งต็อก รวนให้พอมีกลิ่นนิดนึง
พอกระทะร้อนได้ที่แล้ว อย่าปล่อยให้ต็อกไหม้นะคะ และใส่น้ำ 1 ถ้วย(เราไม่ได้ตวงน้ำค่ะ ใส่ลงไปอย่าเยอะมาก เพราะต้องคอยเติมเรื่อยๆ)
พอน้ำเดือดปุดๆ ก็เทซอสลงไปค่ะ เราเทหมด 1 ซอง (150กรัม) ถ้าใครใช้โกชูจัง ก็ใส่ประมาณ 3-4 ช่อนโต๊ะแล้วชิมรสก่อนค่ะ
ถ้ายังไม่พอใจก็ใส่เพิ่มได้เลย หลังจากใส่ซอสลงไปแล้ว ก็คนๆ ให้เข้ากันค่ะ พอซอสเริ่มข้น ก็ใส่ผักและออมุกลงไป
ในระหว่างรอให้ทุกอย่างสุก ห้ามเร่งไฟแรงนะคะ เพราะจะทำให้ต็อกและออมุกไหม้
ผักสุกง่ายอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าอยากรู้ว่าต็อกนิ่มรึยัง ให้ตักขึ้นมาชิมค่ะ
ถ้านุ่มๆ เหนียวๆ ไม่แข็งเป็นไตๆ แล้วก็แสดงว่าสุกพร้อมทาน ถ้าเกิดซอสมันงวดจนข้นเกินไป ให้เติมน้ำทีละนิดค่ะ
เสร็จแล้ว~ ง่ายมากๆ ไม่ต้องปรุงอะไรเลยด้วยค่ะถ้าใช้ซอสแบบซองสำเร็จ แต่ถ้าใช้โกชูจัง
อาจจะต้องเพิ่มน้ำผึ้ง หรือซอสถั่วเหลืองนิดหน่อยนะคะ เราแนะนำให้ใส่น้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวาน
แล้วก็ใส่ซอสถั่วเหลืองเพื่อเิพิ่มความหอม (ในกรณีที่ใส่โกชูจัง)
ส่วนใครใส่ซอสซองแบบที่เราใช้ รสชาดที่เค้าทำมามันอร่อยดีอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าชิมแล้วไม่ชอบก็ปรุงรสเพิ่มได้ตามสบาย ^^
อันนี้เป็นเส้นรา-มยอนที่เราใส่เพิ่มลงไปทีหลังสุดตอนทำทุกอย่างเส้นแล้วค่ะ ต้มลงไปในกระทะเลย
แล้วเติมน้ำลงไปเรื่อยๆ เพราะเส้นมันจะดูดซอสไปหมด แต่ถ้าใครไม่อยากทานเส้นก็ไม่ต้องใส่นะคะ
แต่เราชอบกินราบกกีมากกว่าต็อกบกกี 55555 (ราบกกี = รา-มยอน + ต็อกบกกี)
*เส้นที่ใช้เป็นของยี่ห้อโอตูกี เป็นรา-มยอนซารีค่ะ ในซองจะมีแต่เส้น ไม่มีผงปรุงเพื่อมาต้มกินเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปค่ะ
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ ก้นครัวทุกคนที่อยากทานต็อกบกกีแต่เจอปัญหาไม่ถูกปาก
ไม่เหมือนกับที่เคยกินที่เกาหลี หรือบางร้านขายทีจานละ 250 ได้มากระจ๋อยเดียว เชื่อเราว่าทำเองถูกกว่าค่ะ
แป้งต็อกทั้งเส้นราคา 150 บาท ตัดแบ่งแล้วทำได้ 5 ครั้งค่ะ (รูปด้านบนเป็นแค่เศษ 1 ส่วน 5 ของแป้งต็อกทั้งหมด)
ส่วนออมุกถุงละ 280 บาท มี 10 แผ่น การทำ 1 กระทะใช้แค่ 2 แผ่นก็อิ่มมากแล้วค่ะ
ซอสต็อกบกกีถุงละ 60 บาทค่ะ โกชูจังกระปุกละ 100 กว่าบาท ทำได้เกินสามสี่ครั้งแน่นอน
ลองไปทำกันดูนะคะ มีข้อสงสัยถามได้น้า >w<