กลับมาอีกครั้งหลังจากพักเขียนไปเดือนกว่าเต็มๆ นะครับ
มาดูกันได้เลยครับว่างานนี้แผนเปิดกิจการของบักแว่นจะเป็นยังไงต่อไปหลังโดนเตี่ยปฏิเสธให้ทุนไปในตอนที่แล้ว
หลังจากโดนเตี่ยไล่ให้ไปร่างแผนงานมาให้ชัดๆ ซะก่อนค่อยมาขอทุนไปเมื่อตอนที่แล้ว งานนี้บักแว่นเลยต้องกลับมาตั้งหลักกันอีกรอบ โดยเริ่มจากหาหอนอกอยู่ให้ได้ก่อน
ประดาเพื่อนร่วมรุ่นก็ดีใจหาย สาละวนแนะนำหอนอกดีๆ มาให้ไม่ขาด
ทั้งไอคาวะที่แนะนำหอนอกของชมรมโฮลสไตน์ให้...ถ้าเอ็งกล้าไปอยู่ละก็นะบักแว่น
ทั้งบักนิชิคาวะที่แนะนำได้แบบโคตรจะฮาว่า
"ไม่มีหอนอกอยู่ก็ไปขออยู่ในคอกม้าชมรมขี่ม้าดิ เผลอๆ มิคาเงะอาจมาช่วยดูแลก็ได้นะ"
และข้างล่างนี้คือจินตนาการสุดบรรเจิดของบักแว่น
ที่ฮายิ่งกว่าคือ...บักแว่นมันทำท่ารับมุกว่ะครับ (ถึงกับซึ้งจนน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว
)
หลังจากนั้นบักแว่นก็ไปนั่งปรับทุกข์เอากับอากิจังระหว่างเรียนหนังสือด้วยกัน (อากิจังท่องหนังสือเตรียมสอบ ส่วนบักแว่นเอาหนังสือเกี่ยวกับการตั้งกิจการมานั่งอ่านหน้าดำคร่ำเครียด) พร้อมบ่นเรื่องโดนเตี่ยตัดบทด่าส่งไม่ยอมให้ทุนบอกว่าคุยไปก็ไม่ต่างอะไรกับการประชุมที่เสียเปล่า อากิจังก็บอกว่าถ้าเตี่ยแกบอกแบบนั้น ในแง่หนึ่งก็หมายความว่า
"ถ้าไม่ใช่การประชุมที่เสียเปล่าก็จะยอมคุยด้วยไม่ใช่เหรอ" และให้กำลังใจต่อว่า จะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ได้ ยังไงก็ลองเขียนแผนงานที่ทำให้เตี่ยแกยอมคุยด้วยให้ได้ออกมาดูเถอะ
คำกล่าวของอากิจังทำให้บักแว่นคิดได้ และเริ่มคิดหาทางเขียนแผนงานอย่างจริงจังในทันที โดยคนแรกที่บักแว่นไปขอคำปรึกษาเรื่องการเขียนโครงการธุรกิจเสนอผู้ออกทุนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นทามาโกะนั่นเอง
แน่นอนงานนี้เจอทามาโกะด่าเช็ดข้อหาเดียวกับที่เตี่ยแกด่าไปเมื่อตอนก่อนนั่นแหละ (ถึงป่านนี้แล้วมันยังไม่คิดเลยนี่นาว่าจะทำกิจการอะไรขายอะไรกันแน่)
สภาพบักแว่นขณะเจอทามาโกะด่าใส่เป็นชุดๆ ข้อหาเขียนแผนงานแบบง่าวๆ มาให้อ่าน
ระหว่างที่นั่งคุยกับทามาโกะอยู่นั้นเอง โยชิโนะที่นั่งฟังมาตลอดก็เดินเข้ามาคุยด้วยเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับตัวเองอยู่เหมือนกัน บักแว่นก็หันไปถามอยากแปลกใจว่าโยชิโนะจะกลับไปสืบทอดกิจการที่บ้านไม่ใช่เหรอ โยชิโนะก็ตอบว่าไม่ใช่หรอกเพราะที่บ้านมีพี่ชายรอสืบทอดกิจการอยู่แล้ว ตัวเองก็เคยบอกแค่อยากจะใช้นมของที่บ้านเปิดโรงผลิตชีสเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือไม่มีทั้งทุนทั้งวัตถุดิบเลยนี่สิ
ได้ยินดังนั้น บักแว่นก็ยิ่งงงหนัก ถามไปว่าบ้านโยชิโนะเป็นฟาร์มวัวนมไม่ใช่เหรอ เรื่องเงินทุนอาจไม่มีแต่เรื่องวัตถุดิบไม่น่ามีปัญหา (ใช้นมของที่บ้านได้) นี่นา โยชิโนะก็บอกว่าบ้านชั้นเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรอยู่นะ เอานมไปใช้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ที่ไหน และอธิบายเพิ่มเติมว่า ทางสหกรณ์การเกษตรจะเป็นคนกลางรับน้ำนมดิบทั้งหมดจากฟาร์มที่เป็นสมาชิกอยู่ไปขายต่อให้กับทางผู้ผลิตนมอีกทีหนึ่ง ดังนั้นถ้าอยากเอานมไปแปรรูปทำอย่างอื่น ก็ต้องซื้อคืนมาจากผู้ผลิตที่ว่าสถานเดียวเท่านั้น ด้วยราคาที่แพงกว่าเก่าอีกต่างหาก
โดยแผนผังก็ตามภาพข้างล่างนี่แหละครับ (เริ่มจากฟาร์มบ้านโยชิโนะรีดนมได้มาเสร็จ ก็ต้องเอานมทั้งหมดไปส่งให้สหกรณ์เอาไปขายต่อให้ผู้ผลิตหรือแปรรูปนมอีกทีหนึ่ง โดยถ้าโยชิโนะอยากเปิดโรงผลิตชีสเป็นของตัวเอง ก็ต้องซื้อกลับมาจากทางผู้ผลิต จะลักไก่เอานมของที่บ้านไปใช้เลยไม่ได้)
บักแว่นได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเต้นผางว่าเรื่องแบบนี้มันบ้าบอคอแตกชัดๆ แต่สักพักก็ทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ว่าถ้าปัญหาอยู่ที่สหกรณ์เข้ามายุ่มย่ามจริง งั้นถ้าทางสหกรณ์ยอมถอยออกไปพ้นทางก็ยังมีทางเอานมมาใช้ทำชีสได้ด้วยราคาเท่าทุนน่ะสิ โยชิโนะก็แหวเข้าให้ว่า รู้รึเปล่ายะว่าปีนึงบ้านชั้นรีดนมได้เยอะแค่ไหน ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ ต่อให้เอานมที่บ้านไปทำชีสได้จริงก็ไม่มีทางขายได้เยอะหรอก
"กะแค่ชีสไม่มียี่ห้อที่เด็กผู้หญิงคนนึงทำน่ะไม่มีทางขายได้มากขนาดนั้นอยู่แล้ว"
ได้ยินโยชิโนะพูดประโยคสุดท้ายดังนั้น บักแว่นก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วหันไปบอกโยชิโนะด้วยสีหน้าจริงจังว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ลองมาคุยกันหน่อยมั้ย โยชิโนะก็รับคำไปแบบงงๆ ว่าบักแว่นอยากคุยเรื่องอะไรกัน
----------------------------------------------------------
อนึ่ง เล่าข้ามไปเล็กน้อยว่าระหว่างที่กำลังหัวปั่นกับการศึกษาหาลู่ทางเปิดกิจการอยู่นั้น บักแว่นก็ได้หอนอกอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพ่อของอากิเป็นคนฝากให้น้องชายของตัวเอง (หรือก็คืออาของอากิ) ให้ช่วยหาหอนอกให้บักแว่น จนกระทั่งได้หอนอกดีๆ ถูกๆ อยู่ใกล้สนามแข่งม้ามาพอดี ทำเอาอากิถึงกับบ่นด้วยความอิจฉาว่าบักแว่นได้หอดีจริงๆ เลย ตัวเองก็อยากได้หอใกล้ๆ สนามม้าแบบนี้บ้างเหมือนกัน บักแว่นเลยได้ทีขยับปากจะโปรยยาหอมว่า ถ้าอยากแวะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ทุกเมื่อ
แต่ลงเอยก็โดนอาของอากิสกัดดาวรุ่งไว้ซะก่อนว่า
"พี่ชายชั้น (พ่ออากิ) เค้ากำชับมาว่าให้ช่วยดูแลฮะจิเค็นคุง 'ให้ดีๆ' น่ะนะ"
ดีแค่ไหนก็ลองดูสแตนด์พ่ออากิด้านหลังอาแกละกันครับ
ดูหอกันเสร็จก็ชวนกันกลับบ้าน โดยระหว่างทางกลับ อาของอากิก็บอกบักแว่นว่า ตัวเองกับพ่ออากินั้นติดหนี้บักแว่นเรื่องช่วยติวให้อากิสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ ดังนั้นหลังจากนี้ไปถ้ามีปัญหาอะไรก็มาบอกได้ ยินดีช่วยเสมอ
----------------------------------------------------------------------------------
ฉากตัดมาทางฝั่งพิธีจบการศึกษาของรุ่นพี่ปี 3 ที่จบออกไป โดยหลังจากผ่านพิธีการหยุมหยิมเล็กน้อยไปแล้ว นักเรียนปี 3 ทุกคนก็ทยอยขึ้นไปรับใบประกาศนียบัตรจากอ.ใหญ่ทีละคน จนมาถึงตาอดีตประธานชมรมขี่ม้าที่ดื้อแพ่งไม่ยอมรับใบประกาศอ้างว่าถ้ารับไอ้นี่ไป ก็เท่ากับว่าตัวเองกลายเป็นมิสเตอร์เตะฝุ่นไม่มีงานทำไปจริงๆ งานนี้อ.ใหญ่เลยต้องขอแรงอ.
อาร์มสตรองโทโดโรกิให้มาช่วยบังคับรับใบประกาศฯ ไปแต่โดยดี กลายเป็นช็อตฮาๆ ส่งท้ายของบรรดาปี 3 ทุกคนไปเลย
หลังเสร็จพิธีจบการศึกษา บักแว่นก็แวะมาคุยกับพี่ชายของทามาโกะที่เรียนจบในปีนี้ บักแว่นถามว่าพี่ชายทามาโกะจะเข้าเรียนมหาลัยในสายเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารใช่มั้ย พี่ชายทามาโกะก็พยักหน้าบอกว่าใช่ และบอกต่อว่าอยากลองทำเบคอนแบบไร้สารตกค้างดู นอกนั้นก็อยากทดลองวิธีเลี้ยงหมูแบบปล่อยทุ่ง (ไม่ได้เลี้ยงในคอกแบบพวกบุตะด้ง) ดูด้วย
หลังคุยเสร็จ บักแว่นก็หยิบมือถือออกมา แล้วถามพี่ชายทามาโกะว่าจะขอที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อหลังเรียนจบไปแล้วได้ไหม
--------------------------------------------------------
ฉากตัดอีกครั้ง มาทางบักแว่นกำลังเดินอยู่กับประธานชมรมขี่ม้ารุ่นก่อนที่กำลังเซ็งเป็ดเพราะกลายเป็นคนว่างงานของจริงแล้ว บ่นไปบ่นมาก็พาลบ่นไปถึงบักแว่น ว่าบักแว่นนี่ดีนะ เรียนก็เก่งท่าทางน่าจะเข้ามหาลัยหางานดีๆ ทำได้ บักแว่นก็แย้งว่าเขาไม่ได้คิดจะเข้ามหาลัยซักหน่อย แต่คิดจะเปิดกิจการเป็นของตัวเองต่างหาก
คำตอบของบักแว่นทำเอาตาอดีตประธานชมรมขี่ม้าถึงกับตะลึง บักแว่นก็บอกต่อว่า เอาเข้าจริงไอ้กิจการที่ว่าก็ยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างนักหรอก ยังมีปัญหารออยู่อีกเยอะ แต่ปัญหาสำคัญที่สุดก็คือ ผู้ไม่บรรลุนิติภาวะไม่สามารถทำการเจรจาทางการค้าได้ถ้าไม่มีผู้บรรลุนิติภาวะแล้วเป็นตัวแทนนี่แหละ
พูดถึงตรงนี้ บักแว่นก็หันไปมองตาอดีตประธานชมรมขี่ม้าแล้วบอกว่า
"จากนี้ไปผมคงจะติดต่อไปหาบ่อยๆ นะครับ" ทำเอาตาอดีตประธานงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย
---------------------------------------------------------------
ฉากตัดอีกครั้งมาถึงช่วงสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชั้นปี 1 แล้วตัดรวดเดียวมายังฉากในห้องพักครูที่อ.ประจำชั้นของบักแว่นกับอากิกำลังพลิกใบแจ้งผลการเรียนของอากิดูอยู่ด้วยสายตาครุ่นคิดเป็นอันจบตอนนี้
อ่านตอนนี้แล้วให้อารมณ์เหมือนบักแว่นกำลังไล่สร้างคอนเน็คชั่นกับคนโน้นคนนี้เพื่อซัพพอร์ตกิจการในอนาคตอยู่เลยแฮะ...ถึงจะยังไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรกันแน่ก็เถอะ (แต่คาดว่าคงได้เห็นในอีกหลายตอนข้างหน้านี่ละครับ)
ว่าแต่ขำที่อากิจังให้กำลังใจบักแว่น กับที่ทามาโกะด่าเช็ดบักแว่นในตอนนี้จริงๆ แฮะ เพราะแทบจะตรงกับที่หลายๆ ท่านคอมเมนต์มาในตอนก่อนเลย
ยังไงก็รอชมตอนต่อไปในอีก (คาดว่า) สองอาทิตย์ข้างหน้านะครับ (เพราะซันเดย์ที่ลงตอนนี้เป็นเล่มควบ 2 - 3 น่ะ เลยคาดว่าน่าจะยาวไปจนถึงเกือบกลางหรือปลายเดือนโน่นแหละถึงจะได้อ่านต่อ)
รอชมกันได้เลยว่างานนี้บักแว่นจะร่างแผนออกมาเป็นอีรูปไหน และผลของความพยายามตะบี้ตะบันเรียนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยของอากิจังจะเป็นยังไง
[Spoil] ช้อนเงินคนแปรธาตุ (Silver Spoon) #92 - แผนเปิดกิจการ...
มาดูกันได้เลยครับว่างานนี้แผนเปิดกิจการของบักแว่นจะเป็นยังไงต่อไปหลังโดนเตี่ยปฏิเสธให้ทุนไปในตอนที่แล้ว
หลังจากโดนเตี่ยไล่ให้ไปร่างแผนงานมาให้ชัดๆ ซะก่อนค่อยมาขอทุนไปเมื่อตอนที่แล้ว งานนี้บักแว่นเลยต้องกลับมาตั้งหลักกันอีกรอบ โดยเริ่มจากหาหอนอกอยู่ให้ได้ก่อน
ประดาเพื่อนร่วมรุ่นก็ดีใจหาย สาละวนแนะนำหอนอกดีๆ มาให้ไม่ขาด
ทั้งไอคาวะที่แนะนำหอนอกของชมรมโฮลสไตน์ให้...ถ้าเอ็งกล้าไปอยู่ละก็นะบักแว่น
ทั้งบักนิชิคาวะที่แนะนำได้แบบโคตรจะฮาว่า "ไม่มีหอนอกอยู่ก็ไปขออยู่ในคอกม้าชมรมขี่ม้าดิ เผลอๆ มิคาเงะอาจมาช่วยดูแลก็ได้นะ"
และข้างล่างนี้คือจินตนาการสุดบรรเจิดของบักแว่น
ที่ฮายิ่งกว่าคือ...บักแว่นมันทำท่ารับมุกว่ะครับ (ถึงกับซึ้งจนน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว )
หลังจากนั้นบักแว่นก็ไปนั่งปรับทุกข์เอากับอากิจังระหว่างเรียนหนังสือด้วยกัน (อากิจังท่องหนังสือเตรียมสอบ ส่วนบักแว่นเอาหนังสือเกี่ยวกับการตั้งกิจการมานั่งอ่านหน้าดำคร่ำเครียด) พร้อมบ่นเรื่องโดนเตี่ยตัดบทด่าส่งไม่ยอมให้ทุนบอกว่าคุยไปก็ไม่ต่างอะไรกับการประชุมที่เสียเปล่า อากิจังก็บอกว่าถ้าเตี่ยแกบอกแบบนั้น ในแง่หนึ่งก็หมายความว่า "ถ้าไม่ใช่การประชุมที่เสียเปล่าก็จะยอมคุยด้วยไม่ใช่เหรอ" และให้กำลังใจต่อว่า จะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ได้ ยังไงก็ลองเขียนแผนงานที่ทำให้เตี่ยแกยอมคุยด้วยให้ได้ออกมาดูเถอะ
คำกล่าวของอากิจังทำให้บักแว่นคิดได้ และเริ่มคิดหาทางเขียนแผนงานอย่างจริงจังในทันที โดยคนแรกที่บักแว่นไปขอคำปรึกษาเรื่องการเขียนโครงการธุรกิจเสนอผู้ออกทุนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นทามาโกะนั่นเอง
แน่นอนงานนี้เจอทามาโกะด่าเช็ดข้อหาเดียวกับที่เตี่ยแกด่าไปเมื่อตอนก่อนนั่นแหละ (ถึงป่านนี้แล้วมันยังไม่คิดเลยนี่นาว่าจะทำกิจการอะไรขายอะไรกันแน่)
สภาพบักแว่นขณะเจอทามาโกะด่าใส่เป็นชุดๆ ข้อหาเขียนแผนงานแบบง่าวๆ มาให้อ่าน
ระหว่างที่นั่งคุยกับทามาโกะอยู่นั้นเอง โยชิโนะที่นั่งฟังมาตลอดก็เดินเข้ามาคุยด้วยเพราะเห็นว่าเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับตัวเองอยู่เหมือนกัน บักแว่นก็หันไปถามอยากแปลกใจว่าโยชิโนะจะกลับไปสืบทอดกิจการที่บ้านไม่ใช่เหรอ โยชิโนะก็ตอบว่าไม่ใช่หรอกเพราะที่บ้านมีพี่ชายรอสืบทอดกิจการอยู่แล้ว ตัวเองก็เคยบอกแค่อยากจะใช้นมของที่บ้านเปิดโรงผลิตชีสเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือไม่มีทั้งทุนทั้งวัตถุดิบเลยนี่สิ
ได้ยินดังนั้น บักแว่นก็ยิ่งงงหนัก ถามไปว่าบ้านโยชิโนะเป็นฟาร์มวัวนมไม่ใช่เหรอ เรื่องเงินทุนอาจไม่มีแต่เรื่องวัตถุดิบไม่น่ามีปัญหา (ใช้นมของที่บ้านได้) นี่นา โยชิโนะก็บอกว่าบ้านชั้นเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรอยู่นะ เอานมไปใช้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ที่ไหน และอธิบายเพิ่มเติมว่า ทางสหกรณ์การเกษตรจะเป็นคนกลางรับน้ำนมดิบทั้งหมดจากฟาร์มที่เป็นสมาชิกอยู่ไปขายต่อให้กับทางผู้ผลิตนมอีกทีหนึ่ง ดังนั้นถ้าอยากเอานมไปแปรรูปทำอย่างอื่น ก็ต้องซื้อคืนมาจากผู้ผลิตที่ว่าสถานเดียวเท่านั้น ด้วยราคาที่แพงกว่าเก่าอีกต่างหาก
โดยแผนผังก็ตามภาพข้างล่างนี่แหละครับ (เริ่มจากฟาร์มบ้านโยชิโนะรีดนมได้มาเสร็จ ก็ต้องเอานมทั้งหมดไปส่งให้สหกรณ์เอาไปขายต่อให้ผู้ผลิตหรือแปรรูปนมอีกทีหนึ่ง โดยถ้าโยชิโนะอยากเปิดโรงผลิตชีสเป็นของตัวเอง ก็ต้องซื้อกลับมาจากทางผู้ผลิต จะลักไก่เอานมของที่บ้านไปใช้เลยไม่ได้)
บักแว่นได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเต้นผางว่าเรื่องแบบนี้มันบ้าบอคอแตกชัดๆ แต่สักพักก็ทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ว่าถ้าปัญหาอยู่ที่สหกรณ์เข้ามายุ่มย่ามจริง งั้นถ้าทางสหกรณ์ยอมถอยออกไปพ้นทางก็ยังมีทางเอานมมาใช้ทำชีสได้ด้วยราคาเท่าทุนน่ะสิ โยชิโนะก็แหวเข้าให้ว่า รู้รึเปล่ายะว่าปีนึงบ้านชั้นรีดนมได้เยอะแค่ไหน ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ ต่อให้เอานมที่บ้านไปทำชีสได้จริงก็ไม่มีทางขายได้เยอะหรอก
"กะแค่ชีสไม่มียี่ห้อที่เด็กผู้หญิงคนนึงทำน่ะไม่มีทางขายได้มากขนาดนั้นอยู่แล้ว"
ได้ยินโยชิโนะพูดประโยคสุดท้ายดังนั้น บักแว่นก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วหันไปบอกโยชิโนะด้วยสีหน้าจริงจังว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ลองมาคุยกันหน่อยมั้ย โยชิโนะก็รับคำไปแบบงงๆ ว่าบักแว่นอยากคุยเรื่องอะไรกัน
----------------------------------------------------------
อนึ่ง เล่าข้ามไปเล็กน้อยว่าระหว่างที่กำลังหัวปั่นกับการศึกษาหาลู่ทางเปิดกิจการอยู่นั้น บักแว่นก็ได้หอนอกอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพ่อของอากิเป็นคนฝากให้น้องชายของตัวเอง (หรือก็คืออาของอากิ) ให้ช่วยหาหอนอกให้บักแว่น จนกระทั่งได้หอนอกดีๆ ถูกๆ อยู่ใกล้สนามแข่งม้ามาพอดี ทำเอาอากิถึงกับบ่นด้วยความอิจฉาว่าบักแว่นได้หอดีจริงๆ เลย ตัวเองก็อยากได้หอใกล้ๆ สนามม้าแบบนี้บ้างเหมือนกัน บักแว่นเลยได้ทีขยับปากจะโปรยยาหอมว่า ถ้าอยากแวะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ทุกเมื่อ
แต่ลงเอยก็โดนอาของอากิสกัดดาวรุ่งไว้ซะก่อนว่า "พี่ชายชั้น (พ่ออากิ) เค้ากำชับมาว่าให้ช่วยดูแลฮะจิเค็นคุง 'ให้ดีๆ' น่ะนะ"
ดีแค่ไหนก็ลองดูสแตนด์พ่ออากิด้านหลังอาแกละกันครับ
ดูหอกันเสร็จก็ชวนกันกลับบ้าน โดยระหว่างทางกลับ อาของอากิก็บอกบักแว่นว่า ตัวเองกับพ่ออากินั้นติดหนี้บักแว่นเรื่องช่วยติวให้อากิสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ ดังนั้นหลังจากนี้ไปถ้ามีปัญหาอะไรก็มาบอกได้ ยินดีช่วยเสมอ
----------------------------------------------------------------------------------
ฉากตัดมาทางฝั่งพิธีจบการศึกษาของรุ่นพี่ปี 3 ที่จบออกไป โดยหลังจากผ่านพิธีการหยุมหยิมเล็กน้อยไปแล้ว นักเรียนปี 3 ทุกคนก็ทยอยขึ้นไปรับใบประกาศนียบัตรจากอ.ใหญ่ทีละคน จนมาถึงตาอดีตประธานชมรมขี่ม้าที่ดื้อแพ่งไม่ยอมรับใบประกาศอ้างว่าถ้ารับไอ้นี่ไป ก็เท่ากับว่าตัวเองกลายเป็นมิสเตอร์เตะฝุ่นไม่มีงานทำไปจริงๆ งานนี้อ.ใหญ่เลยต้องขอแรงอ.
อาร์มสตรองโทโดโรกิให้มาช่วยบังคับรับใบประกาศฯ ไปแต่โดยดี กลายเป็นช็อตฮาๆ ส่งท้ายของบรรดาปี 3 ทุกคนไปเลยหลังเสร็จพิธีจบการศึกษา บักแว่นก็แวะมาคุยกับพี่ชายของทามาโกะที่เรียนจบในปีนี้ บักแว่นถามว่าพี่ชายทามาโกะจะเข้าเรียนมหาลัยในสายเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารใช่มั้ย พี่ชายทามาโกะก็พยักหน้าบอกว่าใช่ และบอกต่อว่าอยากลองทำเบคอนแบบไร้สารตกค้างดู นอกนั้นก็อยากทดลองวิธีเลี้ยงหมูแบบปล่อยทุ่ง (ไม่ได้เลี้ยงในคอกแบบพวกบุตะด้ง) ดูด้วย
หลังคุยเสร็จ บักแว่นก็หยิบมือถือออกมา แล้วถามพี่ชายทามาโกะว่าจะขอที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อหลังเรียนจบไปแล้วได้ไหม
--------------------------------------------------------
ฉากตัดอีกครั้ง มาทางบักแว่นกำลังเดินอยู่กับประธานชมรมขี่ม้ารุ่นก่อนที่กำลังเซ็งเป็ดเพราะกลายเป็นคนว่างงานของจริงแล้ว บ่นไปบ่นมาก็พาลบ่นไปถึงบักแว่น ว่าบักแว่นนี่ดีนะ เรียนก็เก่งท่าทางน่าจะเข้ามหาลัยหางานดีๆ ทำได้ บักแว่นก็แย้งว่าเขาไม่ได้คิดจะเข้ามหาลัยซักหน่อย แต่คิดจะเปิดกิจการเป็นของตัวเองต่างหาก
คำตอบของบักแว่นทำเอาตาอดีตประธานชมรมขี่ม้าถึงกับตะลึง บักแว่นก็บอกต่อว่า เอาเข้าจริงไอ้กิจการที่ว่าก็ยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างนักหรอก ยังมีปัญหารออยู่อีกเยอะ แต่ปัญหาสำคัญที่สุดก็คือ ผู้ไม่บรรลุนิติภาวะไม่สามารถทำการเจรจาทางการค้าได้ถ้าไม่มีผู้บรรลุนิติภาวะแล้วเป็นตัวแทนนี่แหละ
พูดถึงตรงนี้ บักแว่นก็หันไปมองตาอดีตประธานชมรมขี่ม้าแล้วบอกว่า "จากนี้ไปผมคงจะติดต่อไปหาบ่อยๆ นะครับ" ทำเอาตาอดีตประธานงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย
---------------------------------------------------------------
ฉากตัดอีกครั้งมาถึงช่วงสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชั้นปี 1 แล้วตัดรวดเดียวมายังฉากในห้องพักครูที่อ.ประจำชั้นของบักแว่นกับอากิกำลังพลิกใบแจ้งผลการเรียนของอากิดูอยู่ด้วยสายตาครุ่นคิดเป็นอันจบตอนนี้
อ่านตอนนี้แล้วให้อารมณ์เหมือนบักแว่นกำลังไล่สร้างคอนเน็คชั่นกับคนโน้นคนนี้เพื่อซัพพอร์ตกิจการในอนาคตอยู่เลยแฮะ...ถึงจะยังไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรกันแน่ก็เถอะ (แต่คาดว่าคงได้เห็นในอีกหลายตอนข้างหน้านี่ละครับ)
ว่าแต่ขำที่อากิจังให้กำลังใจบักแว่น กับที่ทามาโกะด่าเช็ดบักแว่นในตอนนี้จริงๆ แฮะ เพราะแทบจะตรงกับที่หลายๆ ท่านคอมเมนต์มาในตอนก่อนเลย
ยังไงก็รอชมตอนต่อไปในอีก (คาดว่า) สองอาทิตย์ข้างหน้านะครับ (เพราะซันเดย์ที่ลงตอนนี้เป็นเล่มควบ 2 - 3 น่ะ เลยคาดว่าน่าจะยาวไปจนถึงเกือบกลางหรือปลายเดือนโน่นแหละถึงจะได้อ่านต่อ)
รอชมกันได้เลยว่างานนี้บักแว่นจะร่างแผนออกมาเป็นอีรูปไหน และผลของความพยายามตะบี้ตะบันเรียนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยของอากิจังจะเป็นยังไง