[Spoil] ช้อนเงินคนแปรธาตุ (Silver Spoon) #91 - ก้าวแรกสู่ความเป็น "เถ้าแก่น้อย" + ประกาศหยุดยาว

เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่บักแว่นคิดการใหญ่จะเปิดกิจการเป็นของตัวเอง แต่ก็ต้องมาเจอตออันเบ้อเริ่มเพราะตัวเองไม่มีเงินทุนสำหรับเปิดกิจการอยู่เลย

สุดท้ายหลังจากคิดสะระตะอยู่พักใหญ่ บักแว่นก็ตัดสินใจบุกเข้าถ้ำเสือ...ด้วยการต่อโทรศัพท์ไปขอเงินเตี่ยเอาดื้อๆ


*หมายเหตุ - จริงๆ คือเตี่ยแกเก็บเงินให้บักแว่นใช้เป็นค่าเรียนมหาวิทยาลัยไว้แล้ว ที่บักแว่นจะขอมาใช้ก็คือเงินตรงส่วนนั้นนั่นแหละ




โดยบักแว่นบอกว่าอยากออกไปอยู่หอนอก จะได้ใช้ที่แถวๆ หอเป็นที่เริ่มกิจการที่ตัวเองตั้งใจจะเปิดได้ ฝ่ายเตี่ยได้ยินทีแรกก็พูดเหมือนจะค้านๆ แต่ลงเอยก็ถามว่าถ้าไปอยู่จริงแล้วจะเปิดกิจการอะไร บักแว่นก็ตะกุกตะกักบอกว่าตอนนี้ยังไม่ได้คิด แต่ตั้งใจว่าจะร่วมมือกับเพื่อนๆ ที่เรียนจบเอโสะโนด้วยกันเปิดกิจการอะไรซักอย่าง เพราะเอโสะโนเองก็ไม่ใช่โรงเรียนเกรดดีอะไร เพื่อนๆ หลายคนก็มาเรียนแค่พอให้มีดีกรีว่าจบม.ปลายเท่านั้น ไม่ได้หวังจะเรียนต่อหรืออะไร (เพราะส่วนใหญ่เรียนจบก็กลับไปทำไร่เลี้ยงสัตว์ที่บ้านต่ออยู่แล้ว) เรียกว่าเป็นพวก "โนแบรนด์*" ก็ว่าได้ และบอกว่าเขาอยากร่วมมือตั้งบริษัทร่วมกับเพื่อนๆ เหล่านั้น เพื่อให้บรรดาเพื่อนๆ ที่เป็นแค่คนธรรมดาไม่มี "แบรนด์" อะไรจะไปแข่งกับคนมี "แบรนด์" มีแบ็กกราวด์ดีๆ ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากบ้าง

ผลคือเจอเตี่ยสวนคำเดียวว่า "เคยได้ยินสำนวนว่า 'อีการวมฝูง'** มั้ย?" จนบักแว่นชะงัก แล้วต่อคอมโบอีกชุดว่า ที่บักแว่นพูดมานั่นมันก็แค่พูดพล่อยๆ ด้วยความคิดเลื่อนลอยเหมือนตอนเลือกเรียนที่เอโสะโนไม่ใช่รึไง บักแว่นก็พยายามอธิบายต่อว่า จริงอยู่ตอนนั้นเขาเลือกด้วยความคิดเลื่อนลอยก็จริง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งนั้นแล้ว และย้ำกับเตี่ยอย่างหนักแน่นชัดเจนว่า

"ครั้งนี้ผมเลือกด้วยความตั้งใจของผมเอง"


*หมายเหตุ (ใส่แท็กสปอยล์ไว้ละกันจะได้ไม่เกะกะ)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




คราวนี้เลยเจอเตี่ยด่าเข้าให้ว่า ไปเรียนเอโสะโนมาปีนึงไม่ได้เรียนรู้อะไรนอกจากวิธีสุ่มเสี่ยงท้าชนแบบไม่คิดหน้าคิดหลังรึไง แล้วสำทับว่าถ้าอยากขอทุนจริงก็ไปร่างโครงการให้ชัดๆ ว่าจะทำอะไรยังไงมาซะก่อนค่อยโทรมา อย่าโทรมาขอทุนทั้งๆ ที่ไม่มีแผนงานหรือโครงการอะไรให้ดูแบบนี้ ด่าเสร็จก็กดสายทิ้งแล้วนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อเฉย




เจอเตี่ยด่าเสร็จ บักแว่นก็มานั่งจ๋อยอยู่กับที่  

จ๋อยได้พักนึง แม่บักแว่นก็โทรมาหา (แม่บักแว่นรู้เรื่องทั้งหมดเพราะกดเปิดเสียงเข้าลำโพงโทรศัพท์ฟังอยู่ด้วย) แอบกระซิบว่าเรื่องไปอยู่หอนอกแม่จะช่วยเอง โดยให้บักแว่นอ้างกับเตี่ยว่า "หอในเต็มแล้วเลยต้องไปหาหอนอกอยู่แทน" ทำเอาบักแว่นถึงกับงงว่าทำไมอยู่ๆ แม่ถึงใจดีขึ้นมา เพราะที่ผ่านมาแม่เอาแต่เป็นช้างเท้าหลังทำตามที่เตี่ยว่ามาตลอด ไม่เคยพยายามปรามพ่อหรือพูดช่วยอะไรตัวเองเลย (หรือถึงช่วยก็ช่วยด้วยวิธีผิดๆ จนรอยร้าวระหว่างพ่อกับลูกยิ่งกว้างขึ้นไปอีก) แม่ก็บอกว่าเพื่อนร่วมรุ่นของบักแว่นคนหนึ่ง (โคมาบะ) ต้องเลิกเรียนไปเพราะบ้านล้มละลายไม่มีเงินให้เรียนต่อใช่มั้ยล่ะ ซึ่งกับเรื่องนี้นั้นแม่บักแว่นคิดว่าหากมองจากมุมมองของคนเป็นพ่อแม่แล้ว ยังไงก็ต้องรู้สึกผิดที่ไม่มีเงินให้ลูกเรียนทั้งๆ ที่ลูกอยากเรียนใจแทบขาดแน่ๆ ดังนั้น แม่บักแว่นถึงได้อยากให้บักแว่นกับเพื่อนก่อตั้งบริษัทจนสำเร็จ เพื่อที่ว่าเมื่อบักแว่นกับพวกได้เป็นพ่อเป็นแม่แล้ว จะมีโอกาสให้ลูกได้เลือกทางของตัวเองบ้างเหมือนกัน




หลังวางสายแม่ บักแว่นก็นอนแปะลงบนเตียงอย่างหมดแรง

แต่นอนพักยังไม่ทันหายเหนื่อย มือถือก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เป็นโยชิโนะโทรมาบอกให้บักแว่นวิ่งไปที่หน้าต่างห้องแล้วยื่นมือออกไปรอรับซะ เล่นเอาบักแว่นงง แต่ก็ตาลีตาลานทำตามเมื่อโดนโยชิโนะเร่ง

และสิ่งที่หล่นลงมาหาบักแว่น...ผู้ยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเพราะความหนาว...นั้นก็คือ...


*หมายเหตุ - ท่านที่อ่านตอนก่อนมาแล้วยังจำกล่องของขวัญกล่องนี้ได้รึเปล่าเอ่ย หัวเราะ





หวิดพลาดทำหลุดมือไปแล้ว แต่ลงเอยก็อาศัยสกิลมือกาวรับไว้ได้แบบฉิวเฉียด

ทำเอาบรรดาแม่สื่อแม่ชักที่ลุ้นตัวโก่งอยู่ที่ชั้นบนถึงกับถอนใจโล่งอกเป็นแถบๆ




กำลังจะได้โทรอวยพรวาเลนไทน์กันสองต่อสองอยู่รอมร่อ ก็พอดีถึงเวลาอ่านหนังสือซะก่อน

ทำเอาบักแว่นกับกองอวยทั้งชายและหญิงถึงกับเซ็งเป็ดเป็นแถบๆ เป็นอันจบตอนนี้








อ่านตอนนี้จบแล้วรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เห็นด้วยกับเตี่ยบักแว่นแฮะ เพราะถึงวิธีพูดจะฟังดูแรงไปบ้าง แต่ก็มีเหตุผลแบบเถียงไม่ขึ้นจริงๆ  (เอาง่ายๆ อยู่ๆ มีคนทะเล่อทะล่าเข้ามาขอทุนดื้อๆ ไม่มีร่างแผนการไม่มีโครงงานอะไรมาให้ดูเลย เป็นผมผมก็ไม่ให้เหมือนกันแหละ)

แต่เอาเข้าจริง ฉากคุยกับเตี่ยในตอนนี้อ่านดูดีๆ จะเห็นว่าทีท่าของเตี่ยแกต่างจากครั้งก่อนๆ อยู่นิดหน่อยนะ ก่อนหน้านี้เตี่ยโผล่มาทีไรมีแต่จะมาด่ามาตอกหน้าลูกชายว่าแย่อย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ตลอด แถมยังยืนกรานตะแบงจะให้บักแว่นเอ็นท์ฯ เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ท่าเดียว แต่ในตอนนี้ถึงจะยังด่ายังเข้มงวดจะให้บักแว่นเข้ามหาลัยอยู่เหมือนเดิม แต่ประโยคสุดท้ายที่แกด่าบักแว่นก่อนจะตัดสายทิ้งนั้นฟังยังไงก็เหมือนแกกำลังท้าบักแว่นอยู่เลยแฮะว่า "ถ้าเมิงเอาจริง ก็อย่าดีแต่พูดลอยๆ แสดงให้กรูเห็นกับตาเลยว่าเมิงเอาจริง" เท่ากับว่าแกไม่ได้ปิดโอกาสให้ทุนบักแว่นไปก่อตั้งกิจการละ

ส่วนคุณแม่ในตอนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วเหมือนกัน จากในตอนก่อนๆ ที่ทำตัวเป็นช้างเท้าหลังทำตามคำพูดตามสามีอยู่ตลอด มาตอนนี้เริ่มรู้จักใช้ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ช่วยสนับสนุนลูกลับหลังสามีบ้างแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงเพราะได้มีโอกาสทำความรู้จักลูก ได้รู้ว่าลูกคิดยังไงอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนแล้วนั่นแหละ (ก่อนหน้านี้จะเห็นเลยว่าแม่บักแว่นถึงจะรักลูก แต่ก็เกรงใจผัวตามประสาช้างเท้าหลังที่ดี ปล่อยให้ผัวจัดการเรื่องลูกตลอด ตัวเองไม่ได้รู้จักชีวิตของลูกนอกจากเวลาอยู่บ้านเลย เพราะงั้นพอลูกกับผัวมีเรื่องระหองระแหงก็ไม่รู้จะช่วยลูกยังไงนอกจากปลอบไปตามเรื่อง ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้พื้นฐานจริงๆ ของปัญหาเลย จนกระทั่งได้ไปรู้เห็นชีวิตลูกตอนอยู่โรงเรียนว่าเป็นยังไงนั่นแหละถึงได้เข้าใจลูกมากขึ้น จนหาวิธีช่วยสนับสนุนลูกในทางที่เหมาะกับชีวิตลูกได้อย่างที่ทำในตอนนี้นี่แหละ)

ส่วนบักแว่น...ออกไปอยู่หอนอกเมื่อไหร่ นอกจากเรื่องวางรากฐานเส้นทางสู่ความเป็น "เถ้าแก่น้อย" แล้ว ก็หวังว่าเอ็งจะได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับอากิจังให้เป็นเรื่องเป็นราวนา



ปล.1 - คิดไปคิดมา พ่อบักแว่นนี่น่าจะได้ลูกแบบทามาโกะแฮะ คนหนึ่งเข้มงวดกับลูกเกิน ส่วนอีกคนก็เข้มงวดกับตัวเองเกิน มาเป็นพ่อลูกกันนี่คงเข้ากันได้แบบสุดๆ เลย (ว่าไปเอาจริงๆ พ่อบักแว่นนี่ก็ตามมาตรฐานของพ่อชาวญี่ปุ่นหลายๆ คนเลยแฮะ เย็นชา นิ่งเฉย ตะบี้ตะบันทำแต่งาน เหินห่างไม่ค่อยสนิทสนมกับลูก สนลูกแค่เรื่องขยันเรียนมั้ย ไม่ให้ความสนิทสนมแต่สั่งสอนลูกอย่างเข้มงวดทุกครั้งจนแทบจะเรียกได้ว่าเกินพอดี เป็นพ่อประเภทที่ลูกไม่อยากเข้าหาเวลามีอะไรที่สุดเลยจริงๆ)

ปล.2 - ท้ายตอนนี้มีประกาศว่าช้อนเงินฯ จะหยุดยาวตั้งแต่เล่มหน้านี้ไปจนถึงเล่ม 1 ปี 2014 แล้วกลับมาลงใหม่อีกรอบในเล่มควบ 2-3 ปี 2014 ที่จะวางตลาดในเดือนธันวาฯ เลยครับ (เรียกง่ายๆ หยุดยาวไปเกือบเดือนเหมือน Bleach นั่นแหละ) ซึ่งยังไม่รู้เหมือนกันว่าสาเหตุมาจากอะไร (อาจเพราะตารางงานยุ่งมากก็ได้ เล่นรับเขียนหลายเรื่องแบบนั้น)

ยังไงก็รอดูตอนหน้ากันต่อไปครับ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่